ตอนที่ 271 กรรมตามสนอง / ตอนที่ 272 เช่าห้อง

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 271 กรรมตามสนอง

ไป๋จื่อนึกถึงมันฝรั่งสองถุงที่หลี่เฉิงและอู๋เจียงนำมาให้เมื่อเช้า ดูท่าทางเรื่องราวจะกระจ่างแจ้งขึ้นมาแล้ว เจ้าใหญ่ขโมยมันฝรั่งไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำยังขาหักอีกต่างหาก…

ช่างเป็นกรรมตามสนองโดยแท้…

“ท่านรักษาขาให้เขา ไม่กลัวพวกเขาติดเงินอีกหรือเจ้าคะ” ไป๋จื่อถามยิ้มๆ

ท่านหมอลู่หัวเราะเสียงดัง “แน่นอนว่ากลัว ข้าจึงเสนอให้พวกเขาจ่ายเงิน แล้วจึงค่อยรักษาให้ ทีแรกยายเฒ่าไม่ยอม ได้ยินมาว่านางไปขอเงินจากแม่ของเจ้าด้วย ทว่าไม่สำเร็จ นางถึงขั้นใส่ร้ายว่าแม่ของเจ้าทุบตีนาง ต้องการจะขูดรีดเงินเป็นค่าชดเชย แต่ผลสุดท้ายสะใภ้ใหญ่ปากเปราะก็ทำเสียเรื่อง พวกนางจึงต้องจ่ายเงินให้ข้าก่อนด้วยความจนใจ ทั้งหมดสองตำลึงเงิน ขาดไม่ได้แม้แต่แดงเดียว”

ไป๋จื่อสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “ท่านแม่ของข้าคงไม่เป็นอะไรกระมัง”

อีกฝ่ายโบกมือ “นางไม่เป็นไร มีท่านหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ ทั้งยังมีอาอู่ที่พวกเจ้าพากลับมาอยู่ด้วย รวมถึงเหล่าคนงานสร้างบ้านมากมายคอยจับตามอง พวกนางจะทำอะไรได้”

เด็กสาวพยักหน้า นี่นับเป็นเหตุผลที่นางกล้าออกจากหมู่บ้านไปอย่างสบายใจ เมื่อคนเหล่านี้อยู่ด้วย ต่อให้คนสกุลไป๋ใจกล้าอยากทำอะไรขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

เมื่อกลับไปถึงสกุลหู ขณะเพิ่งเข้าประตูลานบ้านก็เห็นหัวหน้าหมู่บ้านกำลังพูดคุยอยู่กับลุงหู ทั้งสองคนต่างก็หัวร่อต่อกระซิก ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องน่าสนุกเป็นพิเศษอยู่

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านลุงหู พวกท่านกำลังคุยอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ ดูท่าทางน่าสนุกเชียว!” ไป๋จื่อเร่งฝีเท้าเข้าไปทักทายพวกเขา

ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเห็นนางกลับมาแล้ว จึงรีบกวักมือเรียก “จื่อยาโถวกลับมาแล้ว รีบมานี่สิ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”

ไป๋จื่อรีบเข้าไปใกล้ “ที่แท้ก็กำลังรอข้าอยู่นี่เอง”

ฝ่ายหัวหน้าหมู่บ้านยิ้มไม่หุบ “ย่อมรอเจ้าอยู่ แต่รอไม่นานเท่าไรเจ้าก็กลับมาแล้ว คืออย่างนี้ วันนี้ข้าเพิ่งรู้สถานการณ์ของอาอู่ เขาน่าสงสารทีเดียวจริงๆ ทว่าครอบครัวของพวกเขาจะใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ที่อยู่อาศัยของเจ้ากับแม่ของเจ้าก็ใช่ว่าจะใหญ่โต เรือนไม้ขนาดเล็กแค่นั้นจะมีเตียงกว้างขวางแค่ไหนกันเชียว หลับนอนร่วมกันอยู่สี่คนได้อย่างไรกัน”

เด็กสาวยิ้มถาม “ท่านหัวหน้าหมู่บ้านวางแผนอะไรไว้หรือเจ้าคะ”

ท่านหมู่บ้านยิ่งมองไป๋จื่อก็ยิ่งรู้สึกชอบใจ เพราะนางฉลาดและรู้ประสายิ่งนัก

“ข้ามีความคิดหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ เจ้าก็รู้ว่าบ้านของข้ามีเพียงข้าและภรรยาอาศัยอยู่ร่วมกันสองคน บุตรชายและลูกสะใภ้ต่างก็แยกบ้านออกไปนานแล้ว ในบ้านของข้าจึงยังเหลือห้องว่างๆ อยู่ห้องหนึ่ง ข้ากำลังคิดว่าไหนๆ มันก็ว่างอยู่แล้ว ให้ครอบครัวของอาอู่ไปอาศัยอยู่น่าจะดีเสียกว่า นอกจากช่วยให้พวกเจ้ามีที่นอนกว้างขวางขึ้นบ้างแล้ว ก็ยังช่วยให้ครอบครัวของอาอู่มีที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบายขึ้นหนึ่ง พวกเขาได้อยู่ร่วมกันพร้อมย่อมดีกว่าอะไรทั้งนั้น เจ้าเห็นด้วยหรือไม่”

ไป๋จื่อวางใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ หัวหน้าหมู่บ้านอายุมากแล้ว ลูกชายและลูกสะใภ้ต่างก็มีครอบครัวของตนเอง ไม่สามารถดูแลเขาได้ แม้เขาจะมีชีวิตสุขสบายทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกอ้างว้างจริงๆ เมื่อได้ยินว่าอาอู่และภรรยาพาลูกมาด้วย คนในวัยเช่นพวกเขา ไหนเลยจะไม่ชอบการมีเด็กเล็กมาสร้างความคึกคักอยู่ข้างกายเล่า

“เห็นด้วยเจ้าค่ะ ทำเช่นนี้ดีกับทุกคนที่สุด อีกเดี๋ยวข้าจะพูดกับอาอู่ให้ เช่นนั้นก็ถือเสียว่าข้าเช่าห้องของท่านนะเจ้าคะ”

หัวหน้าหมู่บ้านรีบโบกมือ “ไม่ๆ ข้าไม่ได้ต้องการให้พวกเขาเช่าอยู่ ข้าจะให้พวกเขาอยู่โดยไม่ต้องจ่ายเงินต่างหาก”

เด็กสาวส่ายหน้า “เช่นนั้นไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน บุตรชายและลูกสะใภ้ของท่านยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน หากพวกเขารู้ว่าคนที่ข้าพามาได้กินข้าวและอาศัยอยู่ในบ้านของท่านโดยไม่เสียเงิน แล้วพวกเขาจะคิดอย่างไรเล่าเจ้าคะ”

ครั้นเห็นหัวหน้าหมู่บ้านเริ่มเข้าใจ นางก็พูดต่ออีกว่า “ในเมื่อจะอาศัยอยู่ เช่นนั้นก็ต้องอาศัยอยู่อย่างสบายใจ ไม่อาจสร้างความไม่พอใจให้กับทุกคนด้วยเรื่องพรรค์นี้ได้ ท่านว่าข้าพูดถูกต้องหรือไม่”

หัวหน้าหมู่บ้านถอนใจเสียงหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “เจ้าพูดถูก เป็นข้าเองที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดให้รอบคอบ” บุตรชายของเขายังว่าง่าย แต่ลูกสะใภ้ของเขานี่สิ นางใจดำทีเดียวเลยล่ะ

……….

ตอนที่ 272 เช่าห้อง

ในปีนั้นเจ้ารองจากหมู่บ้านหวงถัวไป พาทั้งครอบครัวเข้าเมือง สะใภ้ใหญ่ก็เริ่มขอเงินเดือนจากเขา ก่อนหน้านี้เจ้ารองอยู่ นางจึงไม่กล้าเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ อย่างไรเขาก็มีบุตรชายสองคน หากนางเอ่ยปากออกไป นั่นย่อมไม่อาจขาดส่วนของเจ้ารองไปได้ หลังจากเจ้ารองออกจากบ้านไปแล้ว ยังผ่านไปไม่พ้นสองวันนางก็เอ่ยปากขอกับเขา บอกว่าเป็นต้องการดูแลเรื่องภายในบ้าน ให้เขามอบเงินเดือนให้กับนาง

เขาไม่ยอมเป็นแน่แท้ แม้เจ้ารองจะออกจากหมู่บ้านไปแล้ว ทว่าเขาอาจจะกลับมาในสักวันหนึ่งก็ได้ หากมอบเงินเดือนนี้ให้นาง เช่นนั้นต่อไปเจ้ารองกลับมา สองพี่น้องจะเข้าหน้ากันติดได้อย่างไร นั่นไม่เท่ากับหาเรื่องให้พวกเขาทะเลาะกันหรอกหรือ

สะใภ้ใหญ่เห็นเขาไม่ยอม จึงเริ่มไม่เห็นแก่หน้าเขาและภรรยา ไม่นานนักนางก็สร้างบ้านขึ้นอีกหลัง แล้วพาบุตรชายคนโตของเขา รวมถึงหลานชายและหลานสาวย้ายไปอยู่ในบ้านหลังนั้น นอกจากเจ้าใหญ่และหลานชายที่มาเยี่ยมเยียนพวกเขานานๆ ครั้งแล้ว สะใภ้ใหญ่ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย

ด้วยนิสัยของสะใภ้ใหญ่ หากให้ครอบครัวของอาอู่กินข้าวและอาศัยอยู่ที่บ้านของตนโดยไม่ได้รับเงิน เช่นนั้นคงจะต้องเกิดเรื่องเป็นแน่

หูจ่างหลินกล่าวต่อ “จื่อยาโถวคิดอ่านรอบคอบเสียจริง ตกลงตามนี้แล้วกัน อาอู่ไปช่วยงานสร้างบ้านแล้ว อีกเดี๋ยวเขากลับมา ข้าจะบอกเรื่องนี้กับเขา ให้เขาย้ายไปวันนี้เลย เขาจะได้ไม่ต้องเอาแต่เป็นห่วงลูกเมียตลอดเวลา แต่กลับไม่ได้อยู่เคียงข้างกัน”

ไป๋จื่อหยิบเงินห้าตำลึงออกมาจากในอกเสื้อ แล้ววางไว้ในมือของหัวหน้าหมู่บ้าน “ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน นี่เป็นเงินค่าห้องและค่าอาหารของพวกเขา รบกวนท่านดูแลพวกเขาให้ดีด้วยนะเจ้าคะ”

หัวหน้าหมู่บ้านพลันรู้สึกหนักใจ เขามองก้อนเงินแล้วรีบปฏิเสธว่า “เยอะเกินไปแล้ว ไหนเลยจะต้องใช้เงินมากถึงเพียงนี้ เจ้ารีบนำกลับไปเถอะ ข้าไม่กล้ารับไว้หรอก”

เด็กสาวดันมือของอีกฝ่ายกลับไป “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนดี ไม่สนใจเรื่องเงินทองของนอกกายเหล่านี้ ทว่าข้าไม่อยากให้ท่านและอาอู่ แม้กระทั่งตัวข้าเองต้องมีปัญหากันเพราะเรื่องเงิน ตกลงตามนี้เถอะนะเจ้าคะ”

หัวหน้าหมู่บ้านเข้าใจความหมายของนาง เขาลอบถอนใจยาวๆ ครั้งหนึ่ง แม้จื่อยาโถวจะอายุยังน้อย แต่ช่างเป็นสตรีที่เข้าใจหลักความเป็นจริงเหลือเกิน ความคิดความอ่านของนางละเอียดรอบคอบเช่นนี้ เพียงเวลาแค่พริบตาเดียว นางก็คิดเรื่องราวต่างๆ ไว้พร้อมสรรพแล้ว

เขาพยักหน้า “ตกลง เช่นนั้นข้าจะรับไว้ หากลูกสะใภ้ของข้ามาไถ่ถามถึงบ้าน ข้าก็มีวิธีการพูดดีๆ แล้วเช่นกัน”

เรื่องราวตกลงตามนั้น อาอู่ทราบเรื่องหลังจากกลับมา ทั้งครอบครัวของเขาดีอกดีใจจนกอดกันกลมเกลียว พลางน้ำตาไหลพราก

“แม่นางไป๋ เจ้ามีบุญคุณใหญ่หลวงกับครอบครัวของข้า ข้า…”

ไป๋จื่อโบกมือ ก่อนจะพูดกับเขาตามตรง “อาอู่ ข้าช่วยท่าน เพราะหวังว่าท่านจะช่วยข้าได้เช่นกัน ไม่ได้หวังให้ท่านจดจำเป็นบุญคุณอะไร นั่นเป็นเรื่องนามธรรมอย่างแท้จริง”

อาอู่เช็ดหยดน้ำตาบนใบหน้า พลางยิ้มว่า “แม่นางไป๋ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เรื่องของพวกเจ้าล้วนเป็นเรื่องของข้า ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าย่อมไม่เกี่ยง!”

“ท่านอย่าพูดเช่นนี้ต่อหน้าภรรยาและลูกสิ เดี๋ยวพวกนางจะคิดว่าข้าให้ท่านไปทำเรื่องไม่ดีเช่นฆ่าคนหรือวางเพลิงหรอก” ไป๋จื่อพูดล้อเล่น

“ข้าก็แค่เปรียบเทียบเท่านั้น” อาอู่เกาหัว ขณะเดียวกันก็ยิ้มเจื่อนๆ

ไป๋จื่อกล่าวอีกว่า “ต่อไปก็อยู่เสียที่หมู่บ้านนี้นะเจ้าคะ ตอนที่ข้าต้องเดินทาง ท่านก็มาช่วยข้า ตอนที่ต้องลงที่ดินทำงาน ท่านก็ตามข้าไป ข้าจะมอบเงินค่าจ้างให้ท่านเสมอ อย่างไรก็ดีว่าเฝ้ารถม้าอยู่ในเมืองมากนัก”

อาอู่ตอบรับโดยพลัน เรื่องดีเช่นนี้ แม้แต่ในฝันเขายังไม่เคยคาดคิด ในแต่ละวันเขาล้วนอยากมีชีวิตที่สงบสุข มีข้าวกินอิ่มท้อง มีบ้านอยู่อาศัย เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงผ่านไปชั่วพริบตา ฝันก็เป็นจริงเสียแล้ว