ตอนที่ 126 ผู้หญิงคนนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่เชื่อฟัง

เดิมพันเสน่หา

โชคดีที่เหลิ่งรั่วปิงผลักเขาออก ทำให้หนานกงเยี่ยรอดตาย ลูกกระสุนไม่ได้โดนหัวใจเขา แต่ยิงโดนแขนข้างขวาของเขา เวลานี้ แขนของเขามีเลือดไหลออกมา เสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดง ในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม ถึงแม้จะไม่มีแสงแดดคอยสาดส่อง แต่เลือดสีแดงแจ๋นี้ก็ยังคงแสบตา

“คุณหนานกงเยี่ย คุณเป็นยังไงบ้างคะ” เสียงของเหลิ่งรั่วปิงสั่นเทา

หนานกงเยี่ยยิ้ม “ไม่เป็นอะไร ไม่โดนจุดสำคัญ” ขณะที่พูด หนานกงเยี่ยก็รีบพาเหลิ่งรั่วปิงวิ่งเข้าไปด้านในเรือ

ทุกคนพากันโล่งอก รีบเข้าไปด้านในเรือ จากนั้นเรือยอร์ชก็แล่นออกไปด้วยความรวดเร็ว แล่นออกห่างจากเรือยอร์ชลำใหญ่ ชายชุดดำยืนอยู่ตรงบันไดของเรือ พวกเขาลดปืนลง อาเธอร์ขมวดคิ้วเป็นปมแน่น

ทางด้านซือคงอวี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบนชั้นหก เขาหลับตาลงด้วยความผิดหวัง

เข้าไปยังด้านในเรือ อวี้หลานซีก็รีบพุ่งตัวออกมาทันที เธอจับแขนหนานกงเยี่ยที่เลือดกำลังไหล พูดด้วยเสียงที่สั่นเทา “เยี่ย คุณถูกยิงหรอคะ”

หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วตบมือของเธอเบาๆ “ไม่เป็นไรครับ แค่แผลภายนอกนิดหน่อยเท่านั้น เดี๋ยวทำแผลเสร็จก็ดีขึ้นแล้ว”

เวลานี้ หมอที่ก่วนอวี้ไปตามก็มาถึง คุณหมอถือกล่องยาเอาไว้แล้วรีบวิ่งตามมา “คุณชายเยี่ย ให้ผมดูแผลของคุณหน่อยครับ”

“ครับ” หนานกงเยี่ยนั่งลงบนโซฟา ปลดกระดุมเสื้อออก ลดคอเสื้อจนถึงแขนข้างขวา เวลานี้ แขนข้างขวาของเขายังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เลือดไหลลงมาจากจุดที่โดนปืนยิง เป็นภาพที่น่ากลัวมาก

“ฮือๆๆ…” อวี้หลานซีจับแขนของหนานกงเยี่ยเอาไว้แล้วร้องไห้

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย “พอได้แล้ว ไม่ต้องร้องไห้ ผมไม่ได้เป็นอะไร” จากนั้นหันไปสั่งก่วนอวี้ “พาคุณอวี้ไปพักที่ห้อง”

“ครับ” ก่วนอวี้พยักหน้า “คุณอวี้ครับ ผมส่งคุณกลับไปที่ห้องเองครับ”

อวี้หลานซีกอดแขนของหนานกงเยี่ยเอาไว้ เธอส่ายหน้าไปมา “ไม่ ฉันไม่กลับไปที่ห้อง ฉันจะอยู่กับคุณ”

หนานกงเยี่ยจนปัญญา จึงทำได้เพียงตามใจอวี้หลานซี “ครับ ถ้าอย่างนั้นหยุดร้องไห้ได้แล้ว” เธอยิ่งร้องไห้เขาก็ยิ่งหงุดหงิด

เหลิ่งรั่วปิงยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น เธอไม่อยากนั่งมองดูเขากับอวี้หลานซีเป็นห่วงกันแบบนี้ เธออยากกลับไปที่ห้องของตนเอง แต่เธอก็เป็นห่วงหนานกงเยี่ย จึงยืนอยู่ตรงนั้น

หมอเริ่มตรวจดูบาดแผลของหนานกงเยี่ย สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป “คุณชายเยี่ยพูดถูกครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่แผลภายนอกเท่านั้น ไม่ได้โดนกระดูกหรือส่วนสำคัญอื่นๆ ผมจะเอาลูกปืนออกมา แล้วทายาพร้อมกับทำแผลให้ก็เรียบร้อยแล้วครับ ตอนที่เอากระสุนออกมาจะเจ็บมาก คุณชายเยี่ยอดทนหน่อยนะครับ”

“ครับ เชิญครับหมอ” สีหน้าของหนานกงเยี่ยเคร่งขรึม เหมือนว่าแผลนี้ไม่ใช่ของตน

หมอใช้มีดผ่าตัดผ่าเข้าไปที่เนื้อ จากนั้นคีบกระสุนออกมา กระสุนที่ออกมานี้เปื้อนไปด้วยเลือด จากนั้นก็ฆ่าเชื้อ ทายาและทำแผลให้กับหนานกงเยี่ย ขั้นตอนในการทำทั้งหมดนั้นเจ็บมาก แค่คนที่มองดูคุณหมอเอาออกมายังรู้สึกเจ็บไปหมด แต่หนานกงเยี่ยกลับนิ่งเฉยไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว

ตอนที่หมอเอามีดผ่าตัดเฉือนเนื้อแล้วเอากระสุนออกมานั้น อวี้หลานซีตัวสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เธอคลื่นไส้อยากจะอาเจียนอยู่หลายครั้ง หนานกงเยี่ยส่งสายตาไปให้ก่วนอวี้ ก่วนอวี้จึงรีบพยุงหลานซีกลับไปพักผ่อนที่ห้อง

ทางด้านเหลิ่งรั่วปิง ไม่ว่าเธอจะรู้สึกยังไง แต่สีหน้าของเธอยังคงนิ่งเฉย จนกระทั่งหมอทำแผลให้หนานกงเยี่ยเสร็จ เธอจึงพูดขึ้น “ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” ความเป็นจริงมีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่รู้ ข้างในใจเธอเจ็บปวดมาก เธอสงสารหนานกงเยี่ย

พอเหลิ่งรั่วปิงออกไป อวี้ไป่หันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ผู้หญิงคนนี้ไม่มีหัวใจจริงๆ”

หนานกงเยี่ยก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรอีก

เหลิ่งรั่วปิงกลับไปที่ห้อง เธอถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ การได้อาบน้ำอุ่นๆ แบบนี้ทำให้เธอรู้สึกสบายตัวมาก หลังจากอาบน้ำเสร็จเหลิ่งรั่วปิงก็เปลี่ยนชุด แล้วล้มตัวนอนบนเตียง เธอรู้สึกเหนื่อยและเพลียมาก ซือคงอวี้และหนานกงเยี่ยต่างทำให้รู้สึกกดดันมากกว่าเดิม

หลังจากนอนไปได้ไม่นาน ประตูห้องถูกเปิดออก หนานกงเยี่ยเดินเธอกล่องยาเข้ามา “ตื่นมาทายา” ข้อมือของเธอถูกเขาจับตนเป็นแผล หลังของเธอเองก็ถูกเขากดจนเป็นแผล หนานกงเยี่ยจำขึ้นใจ

เหลิ่งรั่วปิงนอนนิ่งไม่ขยับ เธอยังคงโมโหเขาอยู่ หนานกงเยี่ยทำร้ายเธอแต่กลับมาทายาให้เธอ ต้องการตบหัวแล้วลูบหลัง? เขารักและเป็นห่วงอวี้หลานซีขนาดนั้น ก็ไปอยู่กับอวี้หลานซีสิ เธอไม่ต้องการผู้ชายมาดูแล

เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงนอนนิ่ง หนานกงเยี่ยไม่ได้โมโห เขาเดินไปที่เตียงแล้วช้อนตัวขึ้นมา อุ้มเธอไปนั่งบนโซฟา จากนั้นหยิบยาและสำลีก้านออกมาจากกล่องยา จับมือของเธอขึ้นมาเพื่อที่จะทายา

แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับสะบัดมือของเขาทิ้งอย่างแรง “ฉันไม่ต้องการ!”

หนานกงเยี่ยตะลึงเล็กน้อย สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “อย่าดื้อ เดี๋ยวทายาเสร็จผมก็จะปล่อยให้คุณนอนพักแล้ว”

เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “อย่าทำเหมือนคุณเป็นห่วงฉันมากได้ไหมคะ แผลทั้งหมดที่ฉันได้มาก็เป็นฝีมือคุณทั้งนั้น! คุณหนานกง คุณเองก็เคยพูดว่าฉันไม่ใช่นางบำเรอของคุณ ฉันไม่มีหน้าที่ในการรองรับความรุนแรงของคุณหรอกนะคะ”

หนานกงเยี่ยเงียบอยู่นาน ถอนหายใจ แล้วคว้ามือเหลิ่งรั่วปิงอีกครั้ง เขาทายาให้เธอเงียบๆ

แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับสะบัดมือของเขาทิ้งอีกครั้ง ครั้งนี้เธอสะบัดแรงมาก ทำให้ขวดยาหก ของเหลวสีม่วงเปื้อนไปทั้งตัวของหนานกงเยี่ย เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาเพิ่งเปลี่ยนเปื้อนอีกครั้ง

หนานกงเยี่ยยังคงไม่โมโห เขาเงยหน้าขึ้นมองเหลิ่งรั่วปิง “คุณต้องการอะไรกันแน่”

“ต้องการอะไร?” เหลิ่งรั่วปิวหัวเราะในลำคอ “ฉันทำอะไรได้บ้างละคะ ต่อให้ฉันเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ยังต้องถูกคุณกักขังเอาไว้อยู่ดีไม่ใช่หรอคะ”

หนานกงเยี่ยจ้องมองมาที่เหลิ่งรั่วปิง “คุณไม่อยากอยู่กับผมมากขนาดนี้เลยหรอ”

“ฉันอยากหรือไม่อยากอยู่กับคุณ เรื่องนี้มันสำคัญด้วยหรอคะ สำหรับคุณแล้วมันไม่สำคัญเลยสักนิด! ฉันเป็นแค่สัตว์เลี้ยงของคุณ สัตว์เลี้ยงอย่างฉันจะไปเทียบอะไรกับว่าที่เจ้าสาวของคุณได้ ฉันเกือบจะฆ่าว่าที่เจ้าสาวของคุณ คุณมีสิทธิ์ที่จะเกลียดฉัน แต่ว่าอย่ามาตบหัวแล้วลูบหลังแสร้งทำเป็นห่วงกันแบบนี้”

เธอยังคงมองตนเองเป็นแค่สัตว์เลี้ยง เขารักและตามใจเธอมาก แต่เธอกลับไม่เข้าใจเลยสักนิด!

หนานกงเยี่ยคลายยิ้มด้วยความเจ็บปวด เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ผมบอกตอนไหนว่าคุณเป็นคนทำร้ายหลานซี”

“ท่าทางของคุณมันอธิบายทุกอย่างได้ชัดเจน”

“ท่าทีของผม คุณแคร์ด้วยหรอว่าผมจะเป็นยังไง” หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ “ในเมื่อคุณแคร์ ทำไมคุณถึงยังไม่เข้าใจว่าผมโกรธเรื่องอะไร”

“ฉันเข้าใจสิคะ ว่าที่เจ้าสาวของคุณสูงส่ง ต่อให้ฉันไม่ได้เป็นคนแทงเธอ แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะฉัน ฉันก็ต้องเป็นคนผิดอยู่ดี”

หนานกงเยี่ยจ้องมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง เขาเงียบอยู่นาน จากนั้นก็พูดขึ้นมา “เหลิ่งรั่วปิง คุณมันผู้หญิงไม่มีหัวใจ”

เหลิ่งรั่วปิงตอบกลับด้วยความเย็นชา “ไม่ต่างกันหรอกค่ะ” ต่อให้เธอกับเขานอนด้วยกัน สนิทสนมกันมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะปกป้องอวี้หลานซี ในทางกลับกันเขายังทำร้ายเธอโดยไม่มีเยื่อใย เขาเองก็ไม่มีหัวใจ

เงียบอยู่ครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยคว้ามือเหลิ่งรั่วปิงขึ้นมากอีกครั้ง เขากดแขนของเธอไว้บนโต๊ะ หยิบสำลีก้านขึ้นมาทาข้อมือของเธอ เหลิ่งรั่วปิงไม่อยากโต้ตอบเขาแล้ว เธอจ้องมองดูเขาด้วยสายตาเย็นชา จนกระทั่งเขาทายาเสร็จ จึงปล่อยมือเธอ

หนานกงเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ถอดเสื้อ ผมขอดูหลังคุณหน่อย”

เหลิ่งรั่วปิงไม่ขยับ เธอมองดูข้อมือของตนเองที่เต็มไปด้วยของเหลวสีม่วง ยิ้มหยัน “ไม่จำเป็นค่ะ คุณรีบไปอยู่เป็นเพื่อนว่าที่เจ้าสาวของคุณเถอะ เธอเป็นผู้หญิงบอบบางน่าทะนุถนอม ไม่ต้องมาเสียเวลากับสัตว์เลี้ยงอย่างฉันหรอก”

มือของหนานกงเยี่ยที่กำลังเปลี่ยนสำลีก้านหยุดชะงักลง เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปทางเหลิ่งรั่วปิง หลังจากนั้นสิบวินาที ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย “เหลิ่งรั่วปิง คุณหึงผมใช่ไหม”

หึง? เหลิ่งรั่วปิงตกใจ คนอย่างเธอหึงเป็นด้วย? เธอไม่เคยหึงผู้ชายคนไหนมาก่อน แต่ว่า คำพูดของเธอเมื่อกี้มันดูประชดประชันเล็กน้อย…

เหลิ่งรั่วปิงทั้งอายทั้งโมโห “คุณหนานกง อย่าหลงตัวเอง”

หนานกงเยี่ยมองดูเธอเงียบๆ เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากะทันหัน นัยน์ตาของเขามีรอยยิ้มอ่อนๆ ลุกขึ้นยืนแล้วช้อนตัวเธอขึ้นมา เขาวางเธอลงบนเตียง ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็ว

เหลิ่งรั่วปิงขัดขืน หนานกงเยี่ยพูดเกลี้ยกล่อมเธออย่างอารมณ์ดี “เด็กดี อย่าดื้อสิ ผมทายาให้คุณเอง”

หนานกงเยี่ยลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกล่องยา จากนั้นเปลี่ยนเป็นสำลีที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ทายาลงบนแผ่นหลังของเธอ เขาทำเบามาก ริมฝีปากของเขากระตุกยิ้มบางๆ

หลังจากทายาเสร็จ เขาก็ใส่เสื้อผ้าให้เธอด้วยความใส่ใจ แล้ววางเธอลงบนเตียงอีกครั้งด้วยความระมัดระวัง พร้อมทั้งห่มผ้าให้กับเธอ “นอนเถอะ”

เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกเสียหน้า เธอกรอกตามองบน หลับตาลงทันที อยากจะให้เขารีบออกไป

น้อยครั้งที่เธอจะน่ารักแบบนี้ หนานกงเยี่ยยิ่งอารมณ์ดีมากกว่าเดิม เขาโน้มตัวลงจูบเธออย่างแผ่วเบา ตอนแรกแค่อยากจูบเธอแล้วออกไป แต่พอได้จูบเธอแล้ว สงครามประสาทเมื่อวาน บวกกับหาเธอไม่เจอทั้งคืน ทำให้ความคิดถึงถาโถมออกมา

เขาจูบเธอด้วยความลึกซึ้ง จนลืมไปว่าตนเองถูกยิงบาดเจ็บ

เหลิ่งรั่วปิงถูกเขาจูบจนแทบขาดอากาศหายใจ เธอขยับหนีซ้ายทีขวาที ทว่าเขาจูบเธอด้วยความเอาแต่ใจ ไม่ปล่อยให้เธอได้หันหน้าหนี เหลิ่งรั่วปิงจึงกัดไปที่ริมฝีปากของเขา เธอกัดอย่างแรง ทำให้มีเลือดไหลออกมา

หนานกงเยี่ยเจ็บ เขาจึงรีบปล่อยเธอ ทว่ากลับไม่ได้โมโห เขาลูบจับริมฝีปากที่มีเลือดติดอยู่ แล้วหัวเราะเสียงเบา “เหลิ่งรั่วปิง คุณยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนลูกหมา วันนี้คุณกัดผมสามครั้งแล้ว อีกทั้งทุกครั้งยังมีเลือดออกมาด้วย”

เหลิ่งรั่วปิงโมโห “คุณทำร้ายฉันแล้วยังจะลวนลามฉันอีก บนโลกใบนี้มีเรื่องแบบนี้ด้วย”

“ครับๆๆ ผมผิดไปแล้ว ผมไปก่อนนะ คุณนอนหลับพักผ่อนเถอะ” หนานกงเยี่ยลุกขึ้น “ผู้หญิงคนนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่เชื่อฟัง”

เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก จ้องมองไปที่เขา เพื่อกันไม่ให้เขาลวนลามเธอได้อีก เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงต่ำๆ แบบนั้น เพิ่งถูกทำร้ายมาแท้ๆ แต่กลับยอมเอาตัวไปให้เขาด้วยความยินดี ความคิดของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยอ่านออก เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทว่าในทางเดียวกันก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย สายตาที่เธอมองมาที่เขาเหมือนระแวดระวังตัวจากหมาป่า ตอนนี้เขาทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น?

หนานกงเยี่ยจัดกระดุมอย่างสง่า จากนั้นพูดเสียงเบา “ผมไปล่ะ คุณนอนพักเถอะ”

มองดูเขาเดินออกไปจากประตู เหลิ่งรั่วปิงจึงโล่งอก เธอหลับตาลง หลังจากที่เธอเพิ่งหลับตาลง หนานกงเยี่ยก็กลับเข้ามา เขาเดินมาที่เตียง

เหลิ่งรั่วปิงเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที มือของเธอกำหมัดแน่น ตั้งการ์ดเอาไว้ตรงหน้าอก ท่าทีของเธอเหมือนเตรียมต่อสู้ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง “หนานกงเยี่ย คุณจะทำอะไร”