ตอนที่ 215 ผู้พิทักษ์เซี่ยงหวา + ตอนที่ 216 เข็มเงินสามเล่ม

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 215 ผู้พิทักษ์เซี่ยงหวา

เห็นภาพเช่นนี้ เจ้าอ้วนมุมปากกระตุก ถามว่า “เด็กน้อย เจ้าคงไม่ได้แค่ทำให้คนตกใจกลัวหรอกกระมัง?”

ลึกๆ ในใจเขายังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ วรยุทธ์ของหนุ่มน้อยนี่คงแกร่งกว่าชายแซ่หลี่ ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงผู้ฝึกตนระดับยอดปรมาจารย์ ต่อให้มองวรยุทธ์เด็กหนุ่มไม่ออก แต่คิดๆ แล้วระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดน่าจะสูงกว่าเขานิดหน่อยนั่นแหละ!

ยิ่งไปกว่านั้น หากพลังเขาแกร่งมากจริงๆ ตอนนี้คงไม่ตกใจจนสองขาอ่อนระทวยทรุดนั่งบนพื้นเช่นนี้หรอก?

“ชู่!”

เฟิ่งจิ่วทำท่าทางให้เงียบเสียงลง มองไปบริเวณรอบๆ แล้วถึงจะหยิบผลึกอสูรสองก้อนนั้นขึ้นมาดู “เป็นของดีโดยแท้ แต่ไม่ใช่ว่าในร่างสัตว์ร้ายทุกตัวจะมีหมดหรอกนะ” เธอเล่นๆ ผลึกทั้งสองก้อนในมือ จากนั้นค่อยเก็บเข้าในห้วงมิติ แล้วมองกองข้าวของบนพื้น โบกมือเก็บทั้งหมดเข้าห้วงมิติไป

เห็นเช่นนี้ เจ้าอ้วนก็มองมาอย่างแปลกใจอยู่บ้าง คิดว่าคนคนนี้เข้าใจยากนิดหน่อย

เจ้าว่ากำลังเขาอ่อนแอหรือ! แต่เขากลับฆ่าเฉินเสวียไห่ที่เป็นถึงระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุดได้ในพริบตา เจ้าว่าเขาแข็งแกร่งหรือ! แต่ทำไมบนร่างถึงไม่เห็นความหยิ่งผยองและภูมิใจในตนเองเยี่ยงผู้แกร่งกล้า? กลับคุ้มดีคุ้มร้ายแปลกๆ

“ของบนตัวเขาให้เจ้าแล้วกัน” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ มองไปทางศพเฉินเสวียไห่บนพื้น

“ขอบใจมาก” เจ้าอ้วนประสานมือขอบคุณ เก็บถุงที่ข้างเอวนั้นขึ้นมาพลางมองคนที่สิ้นลมไปด้วยความสับสนในใจ

นึกไม่ถึงว่าเป็นพี่น้องกัน สุดท้ายกลับจบลงเช่นนี้

“ไปเถอะๆ” เฟิ่งจิ่วพูดพลางตบๆ บ่าเขา

เจ้าอ้วนขานรับ ท้ายที่สุดฝ่ามือรวบรวมเปลวไฟในร่างขึ้นมา เผาร่างเฉินเสวียไห่ให้กลายเป็นเถ้าถ่าน เลี่ยงไม่ให้ถูกสัตว์ร้ายฉีกทึ้ง

เฟิ่งจิ่วตรงหน้าหันกลับไปมองแวบหนึ่ง ยกมุมปากเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายบางๆ เจ้าอ้วนนี่ช่างเป็นคนที่มีความรู้สึกลึกซึ้งมีคุณธรรมสูงส่ง

ทั้งสองเดินหน้าไปตลอดทาง ภายใต้การนำทางของเฟิ่งจิ่ว เจ้าอ้วนสังเกตพบด้วยความแปลกใจว่าพวกเขาไม่พบค่ายกลเลย จึงอดไม่ได้ยิ่งสงสัยในตัวตนของเฟิ่งจิ่ว

“เสี่ยวจิ่ว เจ้าเป็นลูกศิษย์นอกสำนักศึกษาหมอกดาราจริงหรือ?”

“ข้าดูไม่เหมือนรึ?” เธอมองเขาแวบหนึ่ง แล้วยิ้มถาม

เจ้าอ้วนส่ายหน้า “ไม่เหมือน พละกำลังเจ้าคงเหนือกว่าข้า หนำซ้ำยังไม่น่าต่ำกว่ายอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ!” น้ำเสียงชะงักลง กล่าวว่า “แม้ข้าไม่เคยไปสำนักศึกษาหมอกดารา แต่ก็รู้ว่ากำลังเช่นนี้ต้องเป็นศิษย์ชั้นยอดในสำนักศึกษาหมอกดาราเป็นแน่”

“แหะๆ!” เฟิ่งจิ่วฉีกยิ้ม กลับไม่เอ่ยปากอีก

เจ้าอ้วนเห็นเช่นนั้นก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง คิดว่าเขาไม่อยากพูดถึง จึงไม่ถามอะไรให้มากความ

จนกระทั่งเบื้องหน้าพลันมีกลิ่นอายทรงพลังโถมเข้ามา ทั้งสองถึงถอยหลังอย่างรวดเร็วแล้วหยุดฝีเท้าลง

“เฮือก! พลังวิญญาณพลุ่งพล่านแข็งแกร่งนัก!” เมื่อเห็นคลื่นพลังวิญญาณและพลังกระบี่ในอากาศ เจ้าอ้วนส่งเสียงอุทาน ครุ่นคิดพลางเอ่ย “ลูกศิษย์และผู้เล่าเรียนที่เข้ามาฝึกไม่น่าจะมีพลังเช่นนี้ได้ ข้าเดาว่าคงเป็นอันธพาลไม่ก็ผู้ฝึกวิชามาร”

เฟิ่งจิ่วมองกลิ่นอายนั้นในอากาศ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย บอกว่า “เจ้ารออยู่ตรงนี้ ข้าจะลองไปดูข้างหน้าหน่อย” พูดจบ เงาร่างสีแดงก็พุ่งไปด้านหน้า เร็วเสียจนเจ้าอ้วนยังไม่ทันได้ห้ามปราม

“ฮ่าๆๆ! คนของสำนักวิชากับสำนักศึกษาหมอกดารานั่นตาบอดกันหมดรึไง กลับส่งตัวผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายเซี่ยงหวาผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรจากวังกำเนิดสวรรค์เข้ามาในฐานะแค่อันธพาลระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณ”

ผู้ฝึกวิชามารเจ็ดแปดคนล้อมชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีหนวดรุงรังไว้ หัวเราะร่าน่าสะพรึง “แต่ก็ใช่ เซี่ยงหวาในตอนนี้วันนี้แทบไม่ต่างอะไรกับพวกไร้ประโยชน์ ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่น่ามาเจอเจ้าที่นี่! ฮ่าๆๆๆ!”

เมื่อเฟิ่งจิ่วในมุมมืดได้ยินคำพูดของผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น แววตาก็สั่นไหวน้อยๆ

วังกำเนิดสวรรค์? ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย?

………………………………………………….

ตอนที่ 216 เข็มเงินสามเล่ม

สายตาเฟิ่งจิ่วจับบนร่างชายวัยกลางคนนามเซี่ยงหวา เห็นเขาเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเคราขึ้นรกราวกับคนเรร่อน พินิจมองสักพัก ก็พบว่าวรยุทธ์เขาอยู่แค่ระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณจริงๆ

แต่จากคำพูดของผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น คล้ายว่าเดิมทีพลังเขาจะไม่ใช่แค่นี้?

วังกำเนิดสวรรค์? นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะพบคนของวังกำเนิดสวรรค์ในสถานที่เช่นนี้

ผู้ฝึกวิชามารเจ็ดแปดคน พลังสามคนในนั้นอยู่ในระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณช่วงที่สอง เธอสงสัยนัก ว่าเซี่ยงหวาผู้นั้นจะมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่?

ในเวลานี้เอง ผู้ฝึกวิชามารคนที่เป็นหัวหน้าตะโกนลั่น คนอื่นๆ พลันโจมตีไปทางเซี่ยงหวาที่อยู่ตรงกลาง ปลายกระบี่คมในมือระเบิดกลิ่นอายพลังวิญญาณหนาแน่นออกมา กระจายไปบริเวณรอบๆ พลังกระบี่ตวัดผ่านอากาศ ทิ้งรอยกระบี่แต่ละรอยไว้บนพื้น

เฟิ่งจิ่วพิงตัวมองอยู่หลังต้นไม้ พบว่าพละกำลังเซี่ยงหวาแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้วรยุทธ์อยู่แค่ระดับปรมาจารย์พลังวิญญาณ แต่พอต่อกรกับผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นกลับไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว

เขาลงมือได้ดุดันและแม่นยำ แทบจะปลิดชีพผู้ฝึกวิชามารระดับเดียวกันทุกคนได้ภายในสามกระบวนท่า จนกระทั่งสุดท้าย เมื่อถูกผู้ฝึกวิชามารระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณช่วงที่สองสามคนล้อมโจมตี จึงค่อยๆ เป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“อึก!”

แขนเขาถูกกระบี่คมตวัดฟันเป็นบาดแผล เลือดทะลักชุ่มแขนเสื้อ มือที่ไร้กระบี่ยาวไม่อาจต้านทานการโจมตีของผู้ฝึกวิชามารระดับยอดปรมาจารย์ได้ ทำได้เพียงถอยหลังไปทีละก้าวๆ จนกระทั่งเขาคว้ากระบี่ยาวจากบนพื้นออกไปรับหน้าถึงจะฝืนยันเอาไว้ได้

แต่ว่า อันที่จริงไม่ว่าพละกำลังเขาจะอยู่ระดับไหน แต่ฝ่ายตรงข้ามสู้สามต่อหนึ่ง ในการต่อสู้อันยาวนานก็ต้องแพ้พ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย

เห็นเซี่ยงหวากวัดแกว่งกระบี่ซ้ายทีขวาที ดวงตาเฟิ่งจิ่วเป็นประกายเล็กน้อย กำลังครุ่นคิด เพราะไม่คุ้นเคยกับคนของวังกำเนิดสวรรค์ จึงไม่รู้ชัดว่าพวกเขาประพฤติตนเช่นไรกันแน่? จะเป็นวายร้ายที่บาปหนาเกินให้อภัยจริงๆ หรือไม่?

ทว่าในหัวพลันนึกถึงคำพูดนั้นอาจารย์ เธอจึงลอบถอนใจเบาๆ ในใจอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่กระบี่ของผู้ฝึกวิชามารสามคนฟันไปทางเซี่ยงหวาตรงกลาง เฟิ่งจิ่วขยับนิ้วมือเบาๆ เข็มเงินสามเล่มที่แฝงด้วยพลังลึกลับพุ่งออกจากระหว่างนิ้ว

“อั่ก!”

คนทั้งสามส่งเสียงอู้อี้ ร่างกายพลันแข็งทื่อ กระบี่ที่ยกขึ้นจะฟันไม่อาจฟันลงได้เสียดื้อๆ พวกเขารู้สึกเพียงว่าความชาแล่นอยู่บนร่าง ทำให้ทั้งตัวใช้การไม่ได้ เวลาต่อมากระบี่ในมือก็ร่วงลงพื้นตามไป

ส่วนเซี่ยงหวาที่เห็นภาพเช่นนี้ก็หรี่ตาลง นัยน์ตาฉายแววดุดัน กระบี่ในมือพลันตวัดฟันคอทั้งสามคน เลือดสดสาดกระเซ็น ปลิดชีวิตในหนึ่งกระบี่!

หลังจากสังหารผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น เซี่ยงหวามองไปทางร่างสีแดงที่พิงต้นไม้อยู่ และประสานมือคำนับ “ขอบคุณมาก!” เอ่ยจบก็หันจากไป

เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วจึงเลิกคิ้ว “เดี๋ยวก่อน”

เซี่ยงหวาขมวดคิ้ว มองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาที่มีแววดุร้าย เอ่ยถามอย่างไร้เสียง

“ท่านเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของวังกำเนิดสวรรค์?”

“ถูกต้อง!”

“ท่านเป็นคนพาลรึ?”

ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ยิ้มหยัน “คนพาล? คนฝ่ายธรรมะมีสักเท่าไหร่ที่ไม่เคยฆ่าคน? บางคนยังเหมือนคนพาลยิ่งกว่าพวกข้าอีก!”

เฟิ่งจิ่วพยักหน้าเห็นด้วย ถามอีกว่า “แล้วเข้ามาได้อย่างไร?” เธอสงสัยอยู่บ้าง

เซี่ยงหวากำหมัดแน่น “ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”

“ถึงยังไงข้าก็ช่วยท่านไว้นะ” สองมือเธอกอดอกพิงต้นไม้พลางเอ่ยอย่างเฉื่อยชา

เขาครุ่นคิดสักพักถึงตอบ “แค่ยาสร้างฐานพลังเม็ดหนึ่ง ข้าก็โดนหักหลังแล้ว”

“จิ๊ๆ มองไม่ออกเลยว่าท่านมีค่านัก!”

ยาสร้างฐานพลังเป็นถึงยาทิพย์มีค่าหายาก หากอยากจะบรรลุจากระดับยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดไปถึงระดับสร้างรากฐาน จำต้องมียาสร้างฐานพลังนี้

………………………………………………….