ตอนที่ 749 ดูว่าฉันจะทำลายยัยนั่นยังไง

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิงไม่รีบร้อนที่จะออกมาอธิบายเรื่องต่างๆ เพราะเธอคิดว่ายังไม่ถึงเวลา

 

 

แต่ละครจำเป็นต้องคัดเลือกตัวพระเอก ดังนั้นโม่ถิงจึงให้ตัวเลือกแก่ถังหนิงสองคนคือลู่อี่หลิงและหลงซิง

 

 

ลู่อี่หลิงมีภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูสูงศักดิ์ เหมาะกับบทองค์จักรพรรดิในนิยาย แม้การแสดงจะดูแข็งๆ ไปบ้าง แต่หน้าตาของเขาถือเป็นจุดเด่น

 

 

อีกด้านหนึ่ง หลงซิงกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้ดูโดดเด่นในชุดย้อนยุค แต่เขาดูสบายตาและไม่น่าเบื่อ ที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการแสดงของเขานั้นถือว่าหาตัวจับได้ยาก

 

 

ชายทั้งสองต่างมีจุดแข็ง จุดดี และจุดด้อยของตัวเอง

 

 

ขณะที่ถังหนิงมองดูข้อมูลของชายทั้งสองคน เธอยังคงนิ่งเงียบอยู่อีกพักหนึ่ง ทันทีที่โม่ถิงเห็นเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “คุณยังไม่พอใจกับทั้งสองคนนี้ใช่ไหม”

 

 

ถังหนิงมองโม่ถิงโดยไม่พูดอะไรราวกับกำลังจ้องลึกเขาไปในจิตใจของเขา

 

 

“ผมติดต่อให้ทั้งสองคนมาออดิชั่นแล้ว คุณควรจะไปดูสักหน่อย”

 

 

ถังหนิงพยักหน้า แต่เธอรู้สึกว่าพระเอกที่เธอคาดหวังจริงๆ นั้นไม่มีทางเป็นไปได้

 

 

….

 

 

ทันทีที่ไป๋อวี๋กลับมาประเทศจีน ไป๋หลินหลินก็พลันรู้สึกเธอมีคนให้พึ่งพาได้ ด้วยการลบภาพความทรงจำของการถูกลงโทษอันแสนเลวร้ายต่อหน้าถังหนิงออกไปจากหัว ในที่สุดตอนนี้ไป๋หลินหลินก็สามารถออกมาอวดศักดาได้อีกครั้ง

 

 

แน่นอนว่าเธอยังคงจำความแค้นที่เธอมีต่อเฉินซิงเยียนได้ดี ถึงเธอจะไม่อาจต่อกรกับถังหนิงที่แทบจะไม่เคยก้าวออกจากบ้านได้ แต่การที่เธอจะสามารถสั่งสอนบทเรียนให้กับเฉินซิงเยียนได้นั้นก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว

 

 

รวมถึงเรื่องที่ตอนนี้เธอกับเฉินซิงเยียนกำลังประชันฝีมือแย่งบทในเรื่อง ‘สุดยอดแฟนเก่า’ ทำให้โอกาสที่ทั้งสองจะพบกันยิ่งเพิ่มสูงขึ้นมาก

 

 

หลังอันจื่อเฮ่าถอนตัวจาก ‘ชายาหนิง’ เขาก็ทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับเฉินซิงเยียน เขารู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นอีกฝ่ายเติบโตขึ้นและเข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิม

 

 

วันนี้ ทั้งสองมาร่วมการทดสอบอ่านบท อันจื่อเฮ่าเดินไปห้องน้ำเป็นเพื่อนเฉินซิงเยียนและพาเธอมาถึงหน้าประตูห้องน้ำ

 

 

บังเอิญเป็นเวลาเดียวกับที่ไป๋หลินหลินกำลังเดินออกจากห้องน้ำห้องนั้นพอดี ทันทีที่ไป๋หลินหลินเห็นอันจื่อเฮ่า เธอก็ยิ้มเยาะและเดินตรงไปหาเขา “คุณอัน”

 

 

อันจื่อเฮ่ายืนหลังพิงผนัง ชำเลืองตามองไป๋หลินหลิน

 

 

“ฉันได้ยินมาว่าคุณเคยเป็นผู้จัดการตัวท็อปมาก่อน แต่จากที่เห็นความสามารถของคุณก็แค่ครึ่งๆ กลางๆ … แค่ดูแลเฉินซิงเยียนคนเดียวก็แทบเอาตัวไม่รอด นี่คุณทำผลงานอะไรอย่างอื่นได้อีกไหมคะเนี่ย”

 

 

อันจื่อเฮ่าไม่อยากตอบโต้ เขาจึงทำเป็นไม่สนใจราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน

 

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น ไป๋หลินหลินก็พูดอย่างถากถาง “สำหรับคนอย่างเฉินซิงเยียนเนี่ย ต่อให้คุณช่วยไปทั้งชีวิตก็ไม่มีทางเป็นซูเปอร์สตาร์ได้หรอก คุณควรจะยอมแพ้ซะนะ”

 

 

หลังได้ยินเช่นนั้น อันจื่อเฮ่าก็ชี้ไปที่หูของตัวเอง “ฉันไม่เข้าใจภาษาสัตว์หรอกนะ หรือบางทีหูฉันอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

 

 

ไป๋หลินหลินเยาะเย้ยและเดินจากไป ไม่นานหลังจากนั้นเฉินซิงเยียนก็เดินออกมาจากห้องน้ำและมองไปที่อันจื่อเฮ่า “เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงไป๋หลินหลิน ยัยนั่นมากวนนายงั้นเหรอ”

 

 

“ไปกันเถอะ การทดสอบจะเริ่มแล้ว” อันจื่อเฮ่าไม่คิดจะอธิบาย

 

 

“มันมาพูดใส่ร้ายนายงั้นเหรอ”

 

 

อันจื่อเฮ่ายังคงไม่พูดอะไร

 

 

ดังนั้นเฉินซิงเยียนจึงไม่ถามอะไรอีก แต่เธอให้คำมั่นกับตัวเองว่าเธอจะต้องเป็นศิลปินที่ดีที่สุดของอันจื่อเฮ่าให้ได้ เธอจะทำให้ทุกคนต้องอึ้งและทำให้เขาเชิดหน้าชูตาได้อย่างภาคภูมิ

 

 

การทดสอบอ่านบทกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เฉินซิงเยียนได้รับบททอมบอยที่เธออยากได้

 

 

แต่ไป๋หลินหลินกลับแสดงความดูถูกในเรื่องนี้

 

 

“คนชั้นต่ำก็เลือกได้แค่บทชั้นต่ำเท่านั้นแหละ”

 

 

หลังการทดสอบ ไป๋หลินหลินเตรียมตัวกลับ แต่ทีมงานกลับนำกองของขวัญจำนวนมากมาให้เธอ ไป๋อวี๋เป็นคนเตรียมของขวัญพวกนี้ให้แก่ไป๋หลินหลิน

 

 

อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าไป๋อวี๋มีแนวทางในการเข้าหาคนในแบบของเธอ เพื่อทำให้เรื่องต่างๆ ภายในกองของไป๋หลินหลินง่ายขึ้น ไป๋อวี๋จึงต้องทุ่มเทอะไรนิดหน่อย

 

 

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่นี่ ฉันเจอไป๋อวี๋!”

 

 

“ไป๋อวี๋คะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ ฉันชอบคุณมากเลย”

 

 

“ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับพี่ไป๋อวี๋ พวกเราต้องเข้ากับไป๋หลินหลินได้ดีอย่างแน่นอน”

 

 

ไป๋อวี๋ยืนอยู่ที่ทางเข้าพร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่นและอีคิวที่สมบูรณ์แบบ นี่ทำให้อันจื่อเฮ่ารู้สึกกระอักกระอ่วนขณะที่เขานั่งอยู่ในห้องประชุม บรรดาตัวแทนจากเอเจนซี่ต่างๆ ล้วนแล้วแต่นั่งอยู่ภายในห้องและแสดงจุดยืนของตัวเองออกมา อย่างน้อยพวกเขาต่างต้องการให้ศิลปินของตนได้รับการปฏิบัติที่ดีภายในกองถ่าย ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องลงทุนบางอย่างเพื่อให้เป็นเช่นนั้น

 

 

กระนั้นอันจื่อเฮ่ากลับไม่ทำอะไรเลย…

 

 

“ไปกันเถอะ” อันจื่อเฮ่าพูดกับเฉินซิงเยียน

 

 

“เดี๋ยวก่อน… มีของขวัญให้พวกคุณด้วยนะ” ไป๋อวี๋เห็นทั้งสองพยายามจะปลีกตัวกลับ เธอจึงรีบยื่นของขวัญสองชิ้นให้กับเฉินซิงเยียน

 

 

เฉินซิงเยียนชำเลืองตามองไปยังอันจื่อเฮ่า

 

 

ท้ายที่สุดเสี่ยวชีก็กลายเป็นคนรับของขวัญเหล่านั้นไว้แทนคนทั้งสอง

 

 

“ขอบคุณค่ะพี่ไป๋อวี๋”

 

 

ในที่ทำงาน มักจะมีคนที่ชอบใช้อีคิวของตัวเองในการสั่งสอนคนอื่นให้รู้จักการวางตัว แต่แน่นอนว่าไป๋อวี๋ทำแบบนี้ก็เพื่อทำให้เฉินซิงเยียนและอันจื่อเฮ่ารู้สึกลำบากใจ

 

 

ไป๋หลินหลินเผยแววตาหยิ่งผยองออกมาราวกับเธอกำลังบอกพวกเขาให้ดูวิธีอันไร้จุดด่างพร้อยของพี่สาวของเธอ

 

 

“ไปกันเถอะ” อันจื่อเฮ่าพูดซ้ำก่อนจะเอาแขนโอบไหล่เฉินซิงเยียนและเดินออกจากห้องไป

 

 

“เป็นน้องสาวของโม่ถิงแท้ๆ แต่กลับไปไม่รู้จักการวางตัว น่าอายจริงๆ!”

 

 

“ฉันได้ยินมาว่าอันจื่อเฮ่าเคยเป็นผู้จัดการตัวท็อปด้วยนะ ทำไมเขาถึงได้เลือกมาดูแลคนอย่างเฉินซิงเยียนกัน”

 

 

“พรสวรรค์ของเขาอาจจะหมดไปแล้วก็ได้!”

 

 

คำพูดที่ไม่รักษาน้ำใจเหล่านั้นดังไล่ทั้งทั้งคู่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เดินไปไกล เฉินซิงเยียนอยากจะหันหลังกลับไปโต้ตอบแต่อันจื่อเฮ่าห้ามเธอเอาไว้ “อย่าไปสนใจ…”

 

 

“แต่คนพวกนั้น…”

 

 

อันจื่อเฮ่าไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายอธิบาย เขาลากเธอออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ไป๋อวี๋ทำดีกับคนอื่นอย่างนั้นเหรอ แล้วยังไง

 

 

“พี่มาได้จังหวะแถมช่วยกู้หน้าฉันไว้ได้พอดีเลย!” ไป๋หลินหลินรู้สึกราวกับเธอได้ระบายความโกรธของตัวเอง “นับจากนี้ไปมาดูกันว่าฉันจะทำลายยัยนั่นยังไง!”

 

 

โชคไม่ดี…

 

 

… อันจื่อเฮ่านั้นเป็นที่รู้จักในฐานะผู้จัดการตัวท็อปเพราะมีที่มา ไป๋อวี๋ทำดีกับคนอื่นแต่เธอเล็งเป้าหมายไม่ตรงจุด

 

 

ของขวัญธรรมดาจะมีค่าแค่ไหนกันเชียว

 

 

เช้าวันต่อมา อันจื่อเฮ่าเชิญคนสำคัญจำนวนหนึ่งมาเลี้ยงอาหารที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น เขาพูดกับผู้กำกับ “ผู้กำกับหวังครับ ผมบังเอิญมีเพื่อนเป็นคณบดีของโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ ผมคิดว่าเขาน่าจะให้ความช่วยเหลือลูกสาวของคุณได้นะครับ”

 

 

ทันทีที่ผู้กำกับได้ยินเช่นนั้น เขาก็ทุบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น “ผมกำลังปวดหัวเรื่องนี้อยู่พอดีเลย จือเฮ่า คุณนี่เข้าใจผมจริงๆ นะ”

 

 

โรงเรียนที่อันจื่อเฮ่าพูกถึงเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและยากที่จะเข้า ผู้กำกับหวังได้ใช้เส้นสายที่เขามีแล้วแต่ก็ยังไม่อาจช่วยให้ลูกสาวของเขาเข้าเรียนที่นี่ได้ กระนั้นอันจื่อเฮ่ากลับมีความสามารถที่ไม่คาดคิด

 

 

“ไม่ต้องห่วงนะ ผมรู้ว่าทำไมคุณถึงทำแบบนี้ ผมจะดูแลซิงเยียนอย่างดี คุณวางใจได้เลย”

 

 

เมื่อเป็นเรื่องของการวางรากฐานแล้วละก็ ไม่จำเป็นต้องสูญเงินไปกับคนที่ไม่มีประโยชน์ เพียงแค่เล็งเป้าไปยังคนที่อยู่ระดับสูงสุดแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

 

 

ทุกคนจะปฏิบัติกับเฉินซิงเยียนอย่างไรก็ไม่สำคัญ เพราะท้ายที่สุดการตัดสินใจของผู้กำกับถือเป็นที่สุด