บทที่ 233 ระวังจะอ้วนเป็นลูกบอล / บทที่ 234 ตีคนไม่ตีที่หน้า

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 233 ระวังจะอ้วนเป็นลูกบอล / บทที่ 234 ตีคนไม่ตีที่หน้า โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 233 ระวังจะอ้วนเป็นลูกบอล

สุดท้าย สวี่อี้เดินน้ำตาไหลพรากออกจากห้อง

ปล่อยให้เขาทำตัวเป็นวัวสันหลังหวะอยู่ตรงนั้น ลำบากใจทั้งสองด้าน อึดอัดแทบตาย ผลคือนายท่านกลับบอกให้เขา “จับตาดูให้ดี” ?!

แม้จะเกี่ยวพันไปถึงคุณหนูรั่วซี นายท่านกลับไม่มีทีท่าว่าโกรธเยี่ยหวันหวั่นสักนิด

เขาพลาดเกินไปจริงๆ

ลืมไปได้อย่างไรว่าตอนนี้นายท่านกำลังทยานไปในหนทางแห่งทรราชนะ!

หลังจากนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็เข้าสู่วันคืนอันมืดมนของนรกแห่งการเตรียมตัวสอบเข้า

ตั้งแต่ซือเยี่ยหานไปที่โรงเรียนครั้งนั้นเป็นต้นมา ป่าดอกท้อพันลี้ก็ไม่มีหญ้าขึ้นสักต้น บวกกับบรรยากาศเคร่งเครียดเพราะการสอบที่ใกล้เข้ามา ช่วงนี้วันเวลาที่โรงเรียนของเธอจึงสงบสุขมาก

ส่วนเฉิงเสวี่ยที่เดิมทีเป็นปฏิปักษ์กับเธอมาตลอดเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน วันที่เธอกลับมาที่โรงเรียน ก็สาดน้ำยาล้างเครื่องสำอางใส่หน้าตัวเอง จากนั้นก็ขอโทษเธอต่อหน้าเพื่อนนักเรียนทั้งห้อง

ไม่เพียงไม่เป็นศัตรูกับเธอแล้ว ยังห่วงใยเอาใจใส่ ดูแลรอบด้าน ยกตัวอย่างเปรียบเทียบแบบไม่เหมาะสมคือ กตัญญูราวกับเห็นเธอเป็นแม่แท้ๆ อีกทั้งทุกครั้งที่เฉินเมิ่งฉีมาหาเธอ ก็ล้วนถูกเฉิงเสวี่ยเล่นงานกลับไปทุกครั้ง

พลังการป้องปรามของปีศาจร้าย ไม่อาจปิดไว้ได้…

เธอรู้ดีว่าเฉิงเสวี่ยกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่ว่าเธอไม่ใช่เด็กเสียหน่อย เดิมทีก็ไม่ใช่คนขี้ฟ้องอยู่แล้ว กินขนมที่เฉิงเสวี่ยเปลี่ยนรูปแบบส่งมาให้ทั้งเดือน ความโกรธเคืองทั้งหมดก็หายไปแล้ว

ปกติเวลาอยู่ที่บ้าน ซือเยี่ยหานไม่อนุญาตให้เธอกินขนมมากเกินไป ตัวเธอเองก็จนเสียเหรียญกระทบกันส่งเสียงเกร๊งๆ ซือเยี่ยหานเตรียมเสื้อผ้า เครื่องสำอาง กระเป๋าไว้ให้เธอเต็มห้อง แต่ไม่มีทางให้เงินเธอ หากเธอต้องการอะไร ทำได้แค่ให้สวี่อี้ไปซื้อมาให้ สวี่อี้ไม่มีทางซื้อขนมให้เธออยู่แล้ว น่าเจ็บปวดจริงๆ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงวันสอบแล้ว

ก่อนปิดเทอม หัวหน้าห้องได้แจกแบบฟอร์มสมัครสอบเข้าวิทยาลัย ให้ทุกคนกลับไปปรึกษากับที่บ้าน

เยี่ยหวันหวั่นไปรอสวี่อี้มารับที่เดิมเหมือนอย่างเคย ผลคือซือเซี่ยก็ตามมาด้วย

ใบหน้าเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “นายตามฉันมาทำไม?”

แม้ว่าช่วงนี้เจ้าบ้านี่นับว่าสงบเสงี่ยม แต่เธอจะประมาทไม่ได้

ซือเซี่ยตามอยู่ข้างหลังอย่างไม่เร่งร้อน “ฉันติดรถไปด้วยไม่ได้หรือไง?”

พอขึ้นรถ พบว่าที่นั่งเบาะหลังมีซือเยี่ยหานอยู่ด้วย เดาว่าวันนี้คงเลิกงานเร็ว สวี่อี้เลยไปรับเขาก่อน ค่อยมารับตัวเอง

เยี่ยหวันหวั่นขึ้นไปนั่ง จากนั้นอธิบายว่า “เซี่ยเซี่ยขอติดรถไปด้วย!”

พูดจบก็หันไปพูดกับซือเซี่ยทันที “นายไปนั่งข้างหน้า ข้างหลังเบียด”

ซือเซี่ยมองห้องโดยสารด้านหลังที่กว้างขวางพอที่จะจัดประชุมเล็กๆ ได้เลยอย่างหมดคำพูด ส่งเสียงฮึ “ใครอยากนั่งข้างหลังกัน!”

หลังจากเยี่ยหวันหวั่นขึ้นรถ ซือเยี่ยหานส่งกล่องให้เธอกล่องหนึ่ง ด้านในมีเค้กสตอเบอรี่ตกแต่งอย่างสวยงามปราณีตอยู่ชิ้นหนึ่ง

แม้ซือเยี่ยหานจะห้ามเธอกินขนม แต่นานๆ ครั้งก็ยังเตรียมของหวานปลอบใจเธอบ้าง

เยี่ยหวันหวั่นเห็นแล้วดวงตาเป็นประกายทันที รับมาอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย เตรียมที่จะเปิดออก “ให้ฉันเหรอ? ขอบคุณค่ะ!”

ตอนอยู่ที่โรงเรียน ซือเซี่ยเห็นเธอกินไม่หยุดมากับตา คาดไม่ถึงว่าตอนนี้กำลังจะเริ่มกินอีกแล้ว ใบหน้าพลันงอง้ำ “กินกินกิน! ระวังจะอ้วนเป็นลูกบอล!”

เยี่ยหวันหวั่นกรอกตามองบน “อ้วนแล้วทำไม? นายคิดว่าอาของนายจะมองแต่รูปลักษ์ภายนอกเหมือนนายงั้นเหรอ? ต่อให้ฉันอ้วนกว่านี้เขาก็ไม่รังเกียจฉันหรอก!”

ถูกเอาไปเทียบกับซือเยี่ยหานอีกแล้ว เส้นเอ็นบนหน้าผากของซือเซี่ยกระตุกอย่างบ้าคลั่ง อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พลันหัวเราะอย่างเย็นชา “เยี่ยหวันหวั่น เธอหลงคิดว่าตัวเองเป็นอาสะใภ้ฉันจริงๆ แล้วสินะ? คนทั้งตระกูลซือ คนทั้งวงการ ใครๆ ก็รู้ว่าอาสะใภ้เก้าของฉันคือฉินรั่วซี!”

……………………………………………..

บทที่ 234 ตีคนไม่ตีที่หน้า

คำพูดของซือเซี่ยเพิ่งจะจบลง บรรยากาศในห้องโดยสารพลันเย็นเยือก

เพียงแต่ รังสีเย็นเยียบแบบนี้ แผ่ซ่านมาจากร่างกายของเยี่ยหวันหวั่น

ซือเยี่ยหานกลับนั่งหน้าแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

เยี่ยหวันหวั่นบีบกล่องเค้กในมืออย่างแรง สายตาดั่งลูกศรคมกริบยิงไปทางซือเซี่ย เอ่ยคำเว้นคำ “ซือเซี่ย! นายพูดอีกครั้งสิ!”

ซือเซี่ยตกตะลึงไปชั่วขณะกับรังสีเย็นเยียบขั้นสุดจากนัยน์ตาของหญิงสาว แต่วินาทีถัดมาก็พูดโพล่งออกมาด้วยความโมโห “ให้พูดก็พูด! ฉันไม่ได้พูดผิดอะไร! อาสะใภ้เก้าของฉันคือฉินรั่วซี! เธอมันก็งั้นๆ แหละ!”

“ฟุบ!” หลังจากเสียงกล่องกระดาษถูกบีบจนเละ เยี่ยหวันหวั่นก็เขวี้ยงกล่องใส่หน้าของซือเซี่ย

“เยี่ยหวันหวั่น! เธอกล้าตีฉันเหรอ!…ตีคนไม่ตีหน้า…อ้า…เธอยังมา…”

สวี่อี้ที่ขับรถอยู่ด้านหน้ามองตัวแสบน้อยสองคนตีกัน แทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “คุณชายซือเซี่ย คุณหนูเยี่ย หยุดตีกันได้แล้ว รีบหยุดมือเถอะนะครับ! มันอันตราย!”

“เธอตีฉันทำไม! ตีให้ตายฉันก็เปลี่ยนความจริงเรื่องนี้ไม่ได้! อาสะใภ้เก้าของฉันก็คือฉินรั่วซี!”

“ฉันให้นายพูด! ให้นายพูด!” เยี่ยหวันหวั่นตวัดกรงเล็บเข้าใส่ “ฉันจะบอกอะไรนายให้! ตำแหน่งคุณนายซือนี้ ต่อให้ฉันต้องยกให้สุนัขกิน ก็ไม่ยอมให้ฉินรั่วซีได้ไปเด็ดขาด!!!”

คนทั้งสองตีกันนัวแกะไม่ออก แม้แต่สวี่อี้ก็ได้รับความลำบาก

เวลานี้เอง ก็มีแขนข้างหนึ่งคล้องเอวของเยี่ยหวันหวั่นไว้

วินาทีถัดมา เยี่ยหวันหวั่นที่ตะโกนร้องดัง “ยกให้สุนัขกิน แต่จะไม่ยอมให้ฉินรั่วซี” ทั้งตัวได้มานั่งอยู่บนขาของซือเยี่ยหานแล้ว

เยี่ยหวันหวั่นที่ยังคิดจะกระโจนใส่ข้างหน้า กลับถูกล็อคไว้แน่น ตามมาด้วยเสียงแหบต่ำเหมือนเสียงเชลโล่ของชายหนุ่มดังขึ้นข้างใบหู “เด็กดี อย่าด่าตัวเอง”

เธอไม่ได้ด่าตัวเองสักหน่อย!

อย่าด่าตัวเองเป็นสุนัข?

เยี่ยหวันหวั่นชะงัก เพิ่งจะเข้าใจความหมายของซือเยี่ยหาน…

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มแล้ว ความกระสับกระส่ายภายในใจพลันสงบลงไปมากอย่างประหลาด เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าถลึงตาพูดกับซือเยี่ยหาน “ไม่อนุญาตให้คุณแต่งงานกับฉินรั่วซี!”

ชาติก่อนผู้หญิงคนนี้เกือบบีบให้เธอต้องกลายเป็นคนเสียสติ เขา…เขายังฆ่าต้าไป๋ด้วย!

เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะพูดจบพลันตระหนักถึงอารมณ์ของตัวเองที่ถูกซือเซี่ยเจ้าเด็กแสบกระตุ้นอารมณ์จนเสียการควบคุมไป นวดขมับพลางพูดลอยๆ “ช่างเถอะ คุณอยากแต่งกับใครก็เป็นอิสระของคุณ…”

ซือเยี่ยหานมองเธอด้วยสายตาเศร้า หลังจากเงียบอยู่พักใหญ่ก็เอ่ยว่า “ฉันไม่ได้ต้องการอิสระ”

เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกแปลกๆ กับคำตอบนี้ “หรือว่าคุณชอบถูกคนอื่นจัดการ? หากฉันเช็คข้อความทุกวัน วันวันคอยควบคุมโน่นนี่ของคุณ คุณจะไม่โกรธเหรอ?”

ซือเยี่ยหานใช้ฝ่ามือลูบเบาๆ บนเส้นผมที่ยุ่งเหยิงจากการตีกันของเยี่ยหวันหวั่น “ไม่โกรธ”

เยี่ยหวันหวั่นไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เบ้ปากเอ่ยถาม “งั้น…งั้นรอให้ฉันมีกำลังและอำนาจ กลายเป็นผู้มีอิทธิพลหญิงยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า แล้วจับคุณขังไว้ ไม่อนุญาตให้ไปไหน แม้แต่พ่อกับแม่ของคุณก็ไม่ให้พบหน้า ไม่สนว่าคุณจะไปที่ใดจะสั่งให้คนคอยติดตามคุณ จับตาดูคุณ มัดคุณไว้บนเตียง ทำในสิ่งที่ต้องการกับคุณทุกคืนล่ะ?”

ซือเยี่ยหานได้ยินประโยคเหล่านี้ พลันหลุดขำออกมา

คำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่นมีความหมายชัดเจนว่ากำลังร้องเรียนเขาอยู่

เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าเครียด “คุณขำอะไร!” ยังมีหน้ามาขำอีก!

ซือเยี่ยหานจ้องมองใบหน้าเล็กของหญิงสาวที่โมโหจนหน้าแดงกร่ำ ก้มหน้าลงมาจูบมุมปากของหญิงสาว “ฉันเฝ้ารออยู่”

หลังจากเยี่ยหวันหวั่นรู้ตัวถึงสิ่งที่ซือเยี่ยหานพูดหมายถึงอะไรแล้ว ก็ถลึงตาโตเป็นลูกระฆัง “…”

ส่วนผู้ชายอีกสองคนบนรถนั้น…

สวี่อี้ “อะแฮ่ม…” ขอรบกวนสักหน่อยนะครับ บนรถยังมีคนอื่นนะ…

ซือเซี่ย “ฉัน จะ ลง รถ!”

…………………………………