ตอนที่ 125 ความสิ้นหวังจากการยัดเยียด

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ชายที่ใช้กระดูกสันหลังเป็นอาวุธคนนี้ แสดงเจตนาชัดเจนว่าจะฆ่าอันหลินก่อน

ตอนนี้ร่างกายของอันหลินเต็มไปด้วยบาดแผล เนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเลือด

แม้แต่เจ้าอัปลักษณ์ก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน บาดแผลที่ลึกจนเห็นกระดูกปรากฏเด่นชัดตรงหน้าอก

เจ้าอัปลักษณ์ไม่มีท่าไม้ตาย และพวกเขาก็ไม่มีไพ่ตายที่จะเอาชนะได้ จะสู้อย่างไรอีก

คาถาเรียกสายฟ้า?

ในสถานการณ์แบบนี้แค่เอาตัวรอดยังมีปัญหา จะแบ่งสมาชิกไปเรียกสายฟ้าได้อย่างไร

วิชาแห่งอานุภาพ?

ใช้ขู่คู่ต่อสู้ระดับกระจอกงอกง่อยยังพอว่า แต่สำหรับคู่ต่อสู้ระดับสูงแล้วมันไม่มีประโยชน์เลยสักนิด

ก้อนอิฐ?

เฮ้อ…

เมื่อเจอศัตรูตัวฉกาจ อันหลินเพิ่งรู้สึกตัวว่าไพ่ตายที่ตนใช้ได้มีน้อยจนน่าสงสาร

พวกเหมียวเถียนและจงหย่งเหยียน ทำได้แค่ช่วยยับยั้งเล็กน้อยอยู่อีกมุมเท่านั้น คนที่โจมตีตัดสินชะตาได้นั้น มีเพียงต้องพึ่งพาอันหลินกับเจ้าอัปลักษณ์แล้ว

จนปัญญาแล้ว มีแต่ต้องสู้อย่างไม่คิดชีวิตสักตั้งแล้ว…

แววตาของอันหลินโหดเหี้ยม เมื่อเผชิญหน้ากับลำแสงดำทมิฬที่พุ่งเข้ามาของชายคนนั้น เขาก็ตอบโต้ด้วยการยกกระบี่พิชิตมารขึ้นรับ

เขาแสดงข้อดีของอาวุธกึ่งเซียนชิ้นนี้ไม่ได้ แต่ความคมกริบของมันนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีพลาดแน่นอน!

เลือดสาดกระเซ็นออกจากตัวอันหลิน

เขาถูกลำแสงสีดำฟันเข้าอย่างจัง แม้จะใช้พลังบงกชพสุธาคุ้มกันแล้ว ก็ยังเกิดบาดแผลที่ลากยาวตั้งแต่หัวไหล่ไปถึงบั้นเอว

ชายคนนั้นถูกกระบี่พิชิตมารทะลวงหน้าอกโดยไม่ทันตั้งตัว เจ้าอัปลักษณ์อาศัยโอกาสนี้ฟาดกระบองใส่ศีรษะของเขา!

กระบองเงินมีความเร็วสูง แฝงด้วยอานุภาพมหาศาล

หากว่าชายคนนั้นต่อต้าน ไม่แน่ว่าแม้แต่กะโหลกคงจะแตกละเอียดแล้ว

แต่ในขณะนั้นเอง ร่างของเขาก็บิดตัวดุจอสรพิษอีกครั้ง

ติ้ง…

อันหลินดีดนิ้วซ้าย ตะปูสีแดงพุ่งทะลุอากาศไปอย่างรวดเร็ว โดยมีศีรษะของชายคนที่เพิ่งบิดตัวเสร็จคนนั้นเป็นเป้าหมาย!

ตะปูตัวนี้คือตะปุทะลุมิตินั่นเอง

แม้ตะปูทะลุมิติจะไม่อาจสำแดงอานุภาพทลายมิติ บดขยี้ค่ายกลได้เมื่ออยู่ในมือเขาก็ตาม

แต่ลักษณะพิเศษที่มีชีวิตชีวา คมกริบอย่างยิ่งนั้นยังคงอยู่

ตะปูทิ้งร่องรอยสีแดงไว้เป็นทางยาว ทิ่มแทงศีรษะของชายคนนั้นในพริบตา

จิตวิญญาณแห่งสายลม!

มีวงแหวนลมรายล้อมฝ่าเท้าของอันหลิน ความเร็วของร่างกายเพิ่มขึ้น มาปรากฏตัวตรงหน้าชายคนนั้นในพริบตา

บาดแผลบนหัวของชายคนนั้นกำลังขยับ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้ไม่เพียงพอจะสังหารเขา

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่อันหลินต้องมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาต้องการก็คือชั่วเวลาเสี้ยววินาทีที่หยุดชะงัก

“ตายเสียเถอะ!”

อันหลินตะโกนลั่น ตวัดกระบี่พิชิตมารปล่อยลำแสงสีดำทะมึน

ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านไป ฟันร่างของชายคนนั้นขาดเป็นสองท่อน

ชั่ววินาทีที่เลือดสาดกระจาย เขายังคงไม่หยุดยั้ง

กระบี่พิชิตมารปล่อยลำแสงอย่างต่อเนื่อง ฟันร่างของชายคนนั้นออกเป็นหลายสิบชิ้น!

“แฮ่กๆ…”

เขาหายใจหอบ ร่างกายโอนเอน เห็นได้ชัดว่าเริ่มหมดแรงแล้ว

“พวกเจ้ารีบเข้ามาซ้ำมีดสิ ใครมีพลังไฟบ้าง มาเผาหน่อย!”

อันหลินพูดพลางมองชิ้นเนื้อซึ่งไม่อาจเรียกว่าร่างกายได้อีกบนพื้น

แม้คำของของอันหลินจะดูโหดเหี้ยมไปบ้าง แต่ทุกคนกลับแสดงอาการเห็นด้วยอย่างเคร่งขรึม

ลั่วจื่อผิงสำแดงวิชาอัคคีบัลลัยกัลป์ แผดเผาชิ้นเนื้อบนพื้น

อันหลินหยิบยาบำรุงเลือดออกจากแหวนมิติ ยื่นให้เจ้าอัปลักษณ์หลายเม็ด ตนเองก็กินไปหลายเม็ดเช่นกัน

เขาบาดเจ็บสาหัส ยาบำรุงเลือดอย่างมากก็แค่คงสภาพอาการของเขา อยากฟื้นฟูร่างกายในเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เสียงของระบบก็ดังขึ้นมากะทันหัน “การทดสอบสายเลือดเสร็จสิ้น”

จากนั้น ทัศนวิสัยก็เริ่มติดๆ ดับๆ

ทุกคนมาโผล่ภายในมิติสีขาวบริสุทธิ์แห่งหนึ่งอีกครั้ง ที่นี่มีลูกบอลสีดำอยู่หนึ่งลูก

“หมัดสะเทือนขุนเขา!”

อันหลินตะโกนอีกครา กระแทกหมัดสะเทือนขุนเขาใส่บอลลูกนั้น

ทุกคนต่างก็ตกใจกับวิธีการของอันหลิน แต่ต่อมาก็รู้สึกว่าสวยไปเลย

ตูม!

พลังงานมวลมหาศาลระเบิด ลูกบอลสีดำไม่ขยับเขยื้อน ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด

ติ้ง…

ตะปูทะลุมิติแทงลูกบอลจนเกิดเสียงแหลม ทว่ากลับไม่อาจทลายการป้องกันของมันได้

“นี่ เจ้าทำลายของสาธารณะได้อย่างไร” ไป๋หลิงปรากฏตัวอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า มีปัญญาก็มาตีข้าสิ!”

อันหลินไม่ชอบไป๋หลิงตั้งนานแล้ว ให้ตายสิ เรื่องที่แสร้งทำเป็นหูทวนลมหลอกเขายังไม่ได้คิดบัญชีเลย

ขณะที่พูด เขาก็เงื้อกระบี่พิชิตมารขึ้นจะฟันบอลสีดำลูกนั้น!

ฟิ้ว

ร่างสีขาวพุ่งมาหยุดอยู่ข้างตัวเขา

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเขาอย่างแรง

แรงมหาศาลอันน่ากลัวจู่โจมจนเขาอาเจียนเป็นเลือด ร่างลอยออกไปแล้วตกลงบนพื้น

ใบหน้าของไป๋หลิงเย็นเยือก แขนขาวหยวกยังอยู่ในท่าเงื้อมือ

ทุกคนยืนนิ่งอยู่กับที่

โอ้โฮ! นางตบคนได้อย่างไร

ไม่สิ นางมีร่างเป็นตัวเป็นตนได้อย่างไร!

คนที่งงที่สุดก็คืออันหลิน

เขาลูบแก้มที่บวมเป่งของตนแล้วลุกขึ้นจากพื้น มองไป๋หลิงอึ้งๆ ราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น

“เจ้าเป็นคนบอกให้ข้าตบเองนะ” ไป๋หลิงแสยะยิ้มแล้วพูด

“เจ้า…เจ้าไม่มีร่างไม่ใช่หรือ” อันหลินมองหญิงสาวที่สวมชุดขาวพลิ้วไหว ผิวเนียนละเอียดตรงหน้าด้วยความงุนงง

“ใครบอกล่ะว่าร่างจำแลงของสถาบันวิจัยไม่มีร่างจริง”

“อีกอย่าง อารยธรรมเทคโนโลยีดาวม่วงก้าวหน้ายิ่งนัก ใช่ว่าพวกเจ้าจะไม่รู้ แม้นี่จะเป็นสถาบันวิจัยที่ทิ้งร้าง แต่ก็ยังมีความหมายของการดำรงอยู่อยู่ดี”

“ฉะนั้นอย่าคิดจะทำเรื่องไร้สติ มิเช่นนั้น พวกเจ้าจะรับผลที่ตามมาไม่ไหว”

ขณะที่พูด ไป๋หลิงก็ถลึงตาใส่อันหลิน เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการกระทำเมื่อครู่ของเขาเป็นอย่างมาก

“เช่นนั้นก็จงรับการสืบทอดสายเลือด ณ บัดนี้เถอะ” ไป๋หลินโพล่งขึ้นมา

“พวกข้าปฏิเสธการสืบทอด ปล่อยพวกข้าไปเถอะ!” อันหลินพูดด้วยสีหน้าจริงใจ

ทุกคนก็พยักหน้ารัวๆ สืบทอดสายเลือดงั้นหรือ

จากนั้นกลายเป็นเจ้างั่งวิปริตที่ใช้กระดูกสันหลังของตัวเองเป็นอาวุธงั้นหรือ

ล้อกันเล่นหรือไง!

“อืม ได้เลย เช่นนั้นก็เริ่มการถ่ายทอด!” ไป๋หลิงยิ้มบางๆ

ต่อมา บอลสีดำก็สาดแสงปกคลุมไปทั่วทุกคน

“พับผ่าสิ! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ พวกข้าจะออกไป!”

อันหลินโมโหแล้ว ไป๋หลินแสร้งทำเป็นหูทวนลม ยัดเยียดอีกแล้ว

“พับผ่าสิ?” ไป๋หลิงยักไหล่แล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีสายเลือดพับผ่าสิ ไม่ต้องห่วง สิ่งที่พวกเจ้าได้ตอนนี้ เป็นสายเลือดที่คลาสสิกที่สุดของห้องทดลองแน่นอน!”

ทุกคน “…”

พวกเขาคิดว่าหมดหนทางจะคุยกับไป๋หลิงแล้ว

คนอื่นถือมีด ข้าเป็นผักปลา[1]

คงจะเป็นหลักการนี้แหละ…

ทุกคนต่างก็ทอดถอนใจ

ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ทำได้แค่รอดูว่าใครจะโชคดีถูกรางวัลใหญ่

แน่นอนว่า ไม่มีใครถูกจะดีที่สุด

แสงปกคลุมทุกคน พวกเขาต่างก็สบตากันอย่างตึงเครียด เกรงว่าจะมีใครหลับตาด้วยความหวั่นวิตก

แต่ยังดีที่เหมือนว่าทุกคนจะปกติดี ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างซุนเซิ่งเหลียน

ชั่วขณะที่อันหลินกำลังถอนหายใจ ดวงตาของไป๋หลิงกลับเปล่งประกาย ประกาศลั่นว่า

“ยินดีด้วย เจ้าได้รับการสืบทอดสายเลือดอีกาทองอันหายาก! นี่เป็นการสืบทอดที่สุดยอดยิ่งนัก!”

นิ้วของไป๋หลินชี้ไปที่อันหลิน…

“ข้าหรือ” อันหลินสะดุ้งแล้วชี้ที่ตัวเอง

ไป๋หลิงส่ายหน้า ชี้นิ้วเรียวยาวไปที่กระเป๋าของอันหลิน

ขณะนั้นเอง กระเป๋าของอันหลินก็กระเพื่อม มีดอกไม้สีแดงก่ำโผล่ออกมา

เสียงอ่อนหวานดังขึ้น

“น่ารำคาญเสียจริง!”

“ปล่อยให้ข้านอนหน่อยไม่ได้หรือไง ใครเอาแต่พูดอยู่ในหัวข้าไม่หยุดกันล่ะเนี่ย!”

อันหลิน “…”

บัดซบ ลืมเจ้าล่องหนนี่ไปได้อย่างไร!

………………….

[1] คนอื่นถือมืด ข้าเป็นผักปลา หมายถึง ผู้อื่นถือครองอำนาจในการฆ่า ส่วนตนเป็นผู้ถูกกระทำ