บทที่ 127: มันถึงเวลาแล้วล่ะ เด็กน้อย

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 127: มันถึงเวลาแล้วล่ะ เด็กน้อย

สองปีต่อมา ณ เมืองโรซ่า ที่ตั้งของสมาคมพ่อค้าโรซ่า

ในสำนักงานอันหรูหรามีระดับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ ชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลแดงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา จ้องมายังเด็กสาวผมสีเดียวกันกับเขาผู้มีนัยน์ตาสีมรกตเธอยืนนิ่งอยู่กลางห้อง

ชายคนนี้คือ บรูซ โซโรฟยา ส่วนเด็กสาวคนนั้นคือ ชาร์ล็อต ลูกสาวของเขา พวกเขาเป็นคู่พ่อลูกที่โด่งดังที่สุดในเมืองโรซ่า ตามปกติแล้วทั้งสองมักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทว่าในวันนี้บรรยากาศในห้องนั้นแตกต่างออกไปจากปกติเล็กน้อย

“ท่านพ่อ เรียกข้ามาที่นี่ทำไม?”

ชาร์ล็อตไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ บรูซได้ส่งจดหมายถึงเธอโดยใช้ซองจดหมายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดของตระกูล เรียกเธอกลับจากดินแดนแห่งความโกลาหล มันเป็นซองจดหมายที่ถูกสงวนเอาไว้สำหรับสถานการณ์ที่ตระกูลเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุให้ชาร์ล็อตตื่นตระหนกมากตอนที่ได้รับมัน เธอรีบกลับมาที่คฤหาสน์อย่างไม่รีรอ โดยแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย

ทว่าตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงการถามคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ ของบิดา

แน่นอนว่าบรูซเองก็สังเกตเห็นความสับสนของชาร์ล็อต เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับตัวเอง พลางคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะพูด

“ชาร์ล็อต เจ้าคิดยังไงกับตระกูลแอสคาร์ด?”

“ตระกูลแอสคาร์ด? ท่านหมายถึงตระกูลขุนนางที่ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ดใกล้ ๆ พวกเรารึเปล่า?”

“ใช่แล้ว ข้าหมายถึงพวกเขา ข้าอยากได้ยินการประเมินของเจ้าที่มีต่อพวกเขา”

“อืม… เขตการปกครองแอสคาร์ดนั้นมีศักยภาพให้พัฒนาอยู่มากมาย แต่ดูเหมือนว่าผู้ปกครองจะบริหารมันได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก”

การประเมินที่ไม่ต่างอะไรไปจากการต่อว่านี้ ทำให้บรูซเลิกคิ้วขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ชาร์ล็อตก็เริ่มอธิบายรายละเอียดการประเมินของเธอ โดยใช้ข้อมูลทางสถิติต่าง ๆ เช่นความคืบหน้าในการพัฒนาเขตการปกครองที่ยังดำเนินการไปไม่ถึง 40% ถนนต่าง ๆ ที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาขาดการบูรณะซ่อมแซม ภูมิประเทศภูเขาที่เข้าถึงได้ยาก ภาษีอากรราคาต่ำเตี้ยติดดิน จนแทบจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่าย และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย

ด้วยตัวแปรทั้งหมดนี้ ถือเป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ ที่เขตการปกครองแอสคาร์ด สามารถอยู่รอดมาได้ด้วยดีตลอดช่วงพันปีที่ผ่านมา

การพูดจาโผงผางอันยาวนานนี้ ทำให้บรูซรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง

“พอ ๆ ข้าเข้าใจความคิดเห็นของเจ้าเกี่ยวกับ เขตการปกครองแอสคาร์ดแล้วล่ะ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดต่อแล้ว”

บรูซโบกมือร้องขอให้ชาร์ล็อตหยุดการวิเคราะห์ของเธอลง เขารู้สึกราวกับว่าตนเองได้ถามคำถามที่ไม่ควรจะถามไปเสียแล้ว มันทำให้เขาสับสนว่าตัวเองควรจะพูดถึงเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรดี

ตระกูลโซโรฟยาเป็นตระกูลพ่อค้า แม้ว่าพวกเขาจะออกนอกลู่นอกทางไปจากการค้าขายชั่วขณะ เพื่อต่อสู้กับสงคราม แต่พวกเขาก็ไม่ละทิ้งรากเหง้าของตนเอง สมาคมพ่อค้าโรซ่าที่มีพวกเขาเป็นแกนหลักพัฒนาขึ้นมาด้วยความสามารถทางการค้าขายและระบบเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงประเมินผู้อื่นผ่านสภาพทางการเงินและการพัฒนาเศรษฐกิจ

แม้ว่าตระกูลแอสคาร์ดจะมีตำแหน่งอันสูงส่งและเจริญรุ่งเรืองในช่วงที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็มีตัวเลขอันน่าสยดสยองในเรื่องการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ อันที่จริง มันถดถอยลงไปกว่าครึ่งนึงแล้วด้วยซ้ำ มูลค่าทางด้านเศรษฐกิจของตระกูลแอสคาร์ดนิ่งมาก แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่พวกพ่อค้าในเมืองโรซ่าจะประเมินความสำคัญของพวกเขาเอาไว้ต่ำ

ทว่าผู้นำตระกูลโซโรฟยาอย่าง บรูซ กลับมีความคิดที่แตกต่างกันออกไป เขตการปกครองแอสคาร์ด อาจจะดูด้อยค่าในมุมมองของพ่อค้า แต่ความสามารถทางการทหารของพวกเขาก็เป็นอะไรที่น่าเกรงขามจริง ๆ

แต่ละเขตการปกครองต่างก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของผู้ปกครอง เมืองโรซ่าเลือกที่จะพัฒนาด้านการค้า และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจของเมืองโรซ่าเจริญรุ่งเรือง อีกด้านหนึ่งเขตการปกครองแอสคาร์ดนั้นเลือกที่จะเพิ่มขีดความสามารถทางการทหาร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขตการปกครองของพวกเขาถึงมีเสถียรภาพ

จากมุมมองของผู้ปกครอง บรูซค่อนข้างประเมินเขตการปกครองแอสคาร์ดเอาไว้สูง อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็เป็นเพื่อนบ้านที่ควรค่าแก่การรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรเอาไว้

นอกจากนี้ ถือเป็นโชคดีของบรูซที่สถานการณ์ล่าสุดในเขตการปกครองแอสคาร์ด ทำให้เขามีประเด็นหลายอย่างมาหักล้างความคิดเห็นของชาร์ล็อต

“ชาร์ล็อต เจ้าเคยได้ยินชื่อโรเอล แอสคาร์ดไหม?”

“โรเอล แอสคาร์ด? ท่านพ่อกำลังพูดถึงบุตรชายคนเดียวของมาร์ควิสคาร์เตอร์รึเปล่า? ข้าเคยได้ยินมาว่าเขาค่อนข้างจะเอาแต่ใจไร้ระเบียบวินัยไม่ได้เรื่องไม่ได้ความในตอนที่เขายังเด็ก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเข้ากันได้ดีกับองค์หญิงของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ฝ่าบาทนอร่า เซไซต์”

“แค่ก แค่ก อย่าเพิ่งพูดถึงอดีตของเขาเลย ที่ผ่านมาเจ้ายุ่งวุ่นอยู่กับการจัดการปัญหาในดินแดนแห่งความโกลาหล ดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรที่ข้อมูลของเจ้ามันจะล้าสมัยไปแล้ว ลองดูรายงานนี้ก่อนสิ”

บรูซหยิบเอกสารบนโต๊ะส่งไปให้ชาร์ล็อต ทันทีที่เด็กสาวได้รับเอกสารมาเปิดอ่าน ดวงตาของเธอก็เริ่มเบิกกว้างขึ้นทีละน้อย

บรูซมองปฏิกิริยาของลูกสาวด้วยริมฝีปากที่ขดเป็นรอยยิ้ม

เนื้อหาของรายงาน หรือข้อมูลที่ได้มาจากการสังเกตการณ์เขตการปกครองแอสคาร์ดนั้นเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจโดยแท้จริง ทุกตัวเลขที่อยู่บนเอกสารดูผิดปกติราวกับเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น ทำให้บรูซต้องส่งหน่วยข่าวกรองอีกหน่วยออกไปเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรายงานเลยทีเดียว

เห็นได้ชัดว่ารายงานนี้ดึงดูดความสนใจของชาร์ล็อตเป็นอย่างมาก เธอพลิกอ่านนโยบายโครงการต่าง ๆ ที่เขตการปกครองแอสคาร์ดดำเนินการในช่วงสองปีที่ผ่านมาอย่างถี่ถ้วน ยิ่งเด็กสาวอ่านเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ฉลาดเกินคนไปมาก

พวกเขาได้เริ่มต้นจากโครงการ “ล้างพิษออกจากท้องถนน” ซึ่งเป็นการใช้กองกำลังทหารอันทรงพลังกวาดล้างอาชญากรทั้งหมดในเขตการปกครอง จากนั้นพวกเขาก็ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างถนนขนาดใหญ่เพื่อเชื่อมต่อไปยังเมืองต่าง ๆ ใน​​เขตการปกครองแอสคาร์ดเข้าด้วยกัน เพื่อปรับปรุงการคมนาคมโดยรวมภายในเขตการปกครอง

อัตราการเกิดอาชญากรรมที่ลดลงและระบบเส้นทางที่ได้รับการปรับปรุง ทำให้เขตการปกครองแอสคาร์ดต้องตาเหล่านักลงทุนในทันที เห็นได้ชัดว่าโครงการเหล่านี้คือรากฐานที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายต่าง ๆ ที่พวกเขาเตรียมไว้ เพื่อส่งเสริมการทำธุรกรรมทางธุรกิจ

แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับชาร์ล็อตก็คือนโยบายที่ชื่อว่า ‘สนับสนุนคนจน’

นโยบายนี้เป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งของโรเอล แอสคาร์ด และเป็นไปตามชื่อที่ของนโยบาย จุดประสงค์ของมันก็คือการช่วยเหลือหมู่บ้านที่ยากจนปรับปรุงสถานะทางการเงินของพวกเขา โดยเขตการปกครองแอสคาร์ดจะส่งพ่อค้าไปยังหมู่บ้านเหล่านั้น เพื่อช่วยพวกเขาพัฒนาธุรกิจ รวมถึงมองหาโอกาสทางธุรกิจต่าง ๆ สร้างผลประโยชน์ในระยะยาว

ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจเหล่านี้ยังได้รับเงินกู้สนับสนุนจากเขตการปกครองแอสคาร์ด เพื่อขยายฐานการผลิตให้รวดเร็ว และสามารถชำระหนี้ดังกล่าวได้ภายในเวลาเพียงสิบปี

นโยบาย ‘การสนับสนุนคนจน’ ถูกดูแคลนจากขุนนางในเขตการปกครองอื่น ๆ พวกเขาต่างก็คิดว่า โรเอล แอสคาร์ด ใช้เงินอย่างโง่เขลา เพียงเพื่อแสวงหาชื่อเสียง ทว่าในเวลาแค่หนึ่งปี ผลลัพธ์ที่ได้จากนโยบายนี้ก็ทำให้ขุนนางเหล่านั้นต้องกลืนคำพูดของตัวเองกลับลงคอไป มันไม่ใช่การพูดเกินจริงแต่อย่างใด เนื่องจากประสิทธิภาพการผลิตของเขตการปกครองแอสคาร์ดนั้นได้เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าจากนโยบายดังกล่าว

และนี่เป็นเพียงแค่ในปีแรกเท่านั้น

ตามเอกสารภายในที่รวบรวมมาโดยสมาคมพ่อค้าโซโรฟยา พวกเขาคาดว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้จะดำเนินต่อไปอย่างน้อย ๆ ก็อีก 5 ปี

“เป็นยังไงบ้างล่ะ ชาร์ล็อต? เจ้ายังคิดว่า โรเอล แอสคาร์ดเป็นบุตรตระกูลขุนนางที่ไม่ได้เรื่องรึเปล่า?”

“หากเขาเป็นคนคิดไอเดียเหล่านี้ขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ เขาก็ถือว่าเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามมากจริง ๆ บางทีเขาอาจจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะเสียด้วยซ้ำ”

ชาร์ล็อตกล่าวชม

บรูซถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องพูดประเด็นสุดท้ายออกมาเสียที

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขตการปกครองแอสคาร์ดได้เสนอโครงการพัฒนาร่วมกันมาให้เรา พื้นที่ที่พวกเขาระบุไว้คือชายแดนทางเหนือของเขตการปกครองแอสคาร์ดที่ติดกับชายแดนทางใต้ของเมืองโรซ่า ข้าคิดว่าข้อเสนอนี้คุ้มค่าที่จะลองร่วมงานลงทุนดู เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง?”

“หากที่ระบุในเนื้อหาของรายงานนี้เป็นความจริง หมายความว่าเขตการปกครองแอสคาร์ด จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วมากขึ้นไปอีกในอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ข้าคิดว่าเราควรพิจารณาข้อเสนอของพวกเขาในทางที่ดี”

“เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้น… เจ้าไปเป็นตัวแทนพวกเราเดินทางไปจัดการดูแลเจรจาข้อตกลงนี้ไหมล่ะ?”

“ข้า?”

“ใช่ ดูเหมือนว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา โครงการการพัฒนาดินแดนแห่งความโกลาหลของเจ้าไม่ได้คืบหน้าเท่าไหร่เลยใช่ไหมล่ะ ข้าคิดว่ามันคงจะดีกว่าสำหรับเจ้าที่จะหันมาสนใจอย่างอื่นแทน”

ใบหน้าที่ดูซีดเซียวของบรูซทำให้ชาร์ล็อตต้องหยุดเงียบไป เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

“เข้าใจแล้ว ท่านพ่อปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ”

“ดีมาก ข้าจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าควรแจ้งให้เจ้ารู้เกี่ยวกับโรเอล แอสคาร์ด”

“อะไรงั้นเหรอ?”

“คือว่า…”

ต่อหน้าดวงตาสีมรกตที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของลูกสาว บรูซพยายามดิ้นรนภายในใจอยู่เป็นเวลานานก่อนจะฝืนยิ้มออกมาอย่างสุดความสามารถ

“… ที่จริงแล้วเขาเป็นคู่หมั้นของเจ้า”