บทที่ 120

ร่างของเสี่ยวเอ้อกระเด็นลอยไปกระแทกกับโต๊ะแล้วกลิ้งม้วนสลบไป

เมื่อเห็นว่าร่างของเพื่อนร่วมงานถูกอัดกระเด็นไป คนอื่น ๆ จึงทำอะไรไม่ถูก พากันร่างแข็งค้าง

ความวุ่นวายที่ก่อตัวขึ้นในร้าน ดึงดูดความสนใจจากฟานหมิน นางเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น ?”

เมื่อเห็นนางปรากฏตัว ทั้ง 5 คนก็พลันหันไปมองนางพร้อมกันแล้ววิ่งเข้าใส่ทันที

หนึ่งในนั้นเร็วมาก เขาพุ่งเข้าไปคว้าไหล่ของฟานหมินเอาไว้

ทว่ายังไม่ทันที่มือของเขาจะสัมผัสกับหัวไหล่ของนาง มันก็ได้มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง พร้อมด้วยชายร่างใหญ่ที่พุ่งเข้ามาคว้าตัวฟานหมินและเหวี่ยงนางออกไปด้านหลัง จนทำให้นางกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

“พวกเจ้าเป็นใคร ? ทำไมถึงปองร้ายนายหญิง ?” ชายคนนั้นคือผู้ติดตามของฟานหมิน เขามีวิชายุทธ์ที่สูงมาก ดังนั้นจึงทำสามารถเรียกเกราะและอาวุธปราณออกมาได้อย่างรวดเร็ว

ไม่มีใครตอบกลับมา 5 คนนั้นสะบัดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นอาวุธที่มีอยู่ จากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่ชายร่างใหญ่ พร้อมกับดาบยาวในมือที่กลายเป็นดาบปราณเข้าฟาดฟันใส่ชายร่างใหญ่

ทั้งสองฝั่งปะทะกันอย่างรวดเร็ว อาวุธทั้งหลายเข้ากระแทกใส่กันจนเกิดประกายไฟไปทั่ว อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักชายร่างใหญ่ก็พลันถูกถีบกระเด็นออกไปจนติดกับกำแพง

ทั้ง 5 คนไม่รอช้า รีบพุ่งเข้าไปเสือกแทงดาบเข้าใส่ชายร่างใหญ่ทันที

ปลายดาบปักลงเข้ากลางหลัง ทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องและตายลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกราะปราณที่อยู่บนร่างของชายร่างใหญ่สลายกลายเป็นหมอก เผยให้เห็นร่างจริง

ทั้ง 5 คนไม่หยุดแค่นี้ พวกเขาทำการไล่ล่าฟานหมินต่อ

มีคนมากมายพยายามปกป้องนาง ไม่ว่าจะเป็นชายร่างใหญ่พร้อมด้วยดาบเล่มโต หรือแม่แต่ข้ารับใช้ของตระกูลฟาน หากแต่ก็ไม่มีใครหยุดทั้ง 5 คนนี้ได้เลย

ในขณะที่ฟานหมินกำลังหนีออกไปทางประตูหลังพร้อมกับคนรับใช้ไม่กี่คน 2 ใน 5 มือสังหารก็พลันกระโดดขึ้นไปบนอากาศ ไต่ไปบนกำแพง

“หา ?”

ฟานหมินที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า นางก็พลันเห็นเข้ากับร่างของ 2 คนนักฆ่าที่กระโดดลงมาจากบนท้องฟ้าขวางหน้าเอาไว้ ทำให้หญิงสาวหน้าซีด หวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออก ด้วยถูกล้อมจับไว้ด้วยเหล่ามือสังหาร

“เจ้าเป็นใคร ? ทำไมถึงอยากเอาชีวิตข้ากัน ?” ฟานหมินเป็นสตรีจากตระกูลผู้มั่งคั่ง ดังนั้นแม้แต่ในยามคับขันนางก็ยังคงสติเอาไว้ได้ “ไม่ว่าคำสั่งเดิมของเจ้าจะว่ายังไง แต่ข้าจะจ่ายให้เพิ่ม 3 เท่าเลย !”

ทั้ง 5 คนทำหูทวนลม ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้นางมากขึ้น

ในเวลานั้นเอง คนพวกนั้นก็พลันได้ยินเสียงจากด้านหลังเวที “จริง ๆ แล้วข้าก็ไม่ควรจะยุ่งเรื่องของใครหรอกนะ แต่ที่นี่คือเขตปิงหยวน ดังนั้นจะให้ข้านิ่งเฉยและดูคนตายในเขตของข้ามันก็กระไรอยู่”

ห้านักฆ่าและฟานหมินตะลึง ก่อนหันไปมองยังต้นเสียง

ที่ทางเข้าด้านหลัง มีถังหยินกำลังยืนอยู่

ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็มีสีหน้าที่ประหลาดใจเมื่อเห็นเขา

ฟานหมินยิ้มในพลัน ใบหน้าดูดีใจ ซึ่งตรงกันข้ามกับพวกห้านักฆ่าที่หน้าเปลี่ยนสี และเลือกที่จะเมินชายหนุ่มก่อนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายตัวเองด้วยความเร็วสูงสุด

คนคุ้มกันฟานหมินได้เข้ามาช่วยปกป้องนางเอาไว้ แต่ถึงแม้คนผู้นั้นจะมีพลังที่เก่งกาจเพียงใด ก็ไม่อาจสู้ทั้งห้าคนนี้ได้ เมื่อพวกเขาปะทะกันก็ถูกอัดกระเด็นติดกับกำแพงไป ก่อนที่คนพวกนั้นจะพุ่งตรงเข้าไปต่อในทันที

ถังหยินเลิกคิ้วขึ้น

ในเวลานี้เขาไม่อยากจะให้ปัญหามันยุ่งยากขึ้น หรือคิดอยากเปิดเผยตัวตนมากกว่านี้ ดังนั้นจึงคิดเพียงแค่จะไล่คนพวกนี้ เพื่อให้เรื่องมันจบ ๆ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเลือกที่จะเมินเขางั้นหรือ ?

ชายหนุ่มเป็นคนที่โหดเหี้ยมโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายที่ดูจะไม่สนใจตนเลย เขาจึงคิดลงมือขึ้นมาแล้ว !

ถังหยินขบริมฝีปาก ก่อนปลดปล่อยหมอกสีดำออกมาเป็นชุดเกราะแล้วพุ่งเข้าไปอยู่ด้านหลังฟานหมิน

หญิงสาวไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์หรือมีวิชาใด ๆ ทั้งนั้น จึงไม่เคยเห็นวิชาศาสตร์มืดมาก่อน ทำให้นางตกใจกับวิชาสับเปลี่ยนเงาของเขาเป็นอย่างมาก

และในทันทีที่ได้ระยะ เขาก็พลันเรียกดาบออกมา เข้าฟาดฟันนักฆ่าพวกนั้น !

เร็วเกินไปแล้ว ! เมื่อพวกนักฆ่ารู้ว่าคู่ต่อสู้แกร่งเกินไป มันก็สายไปเสียแล้ว พวกเขาได้แต่หลบและพยายามโจมตีกลับไปเท่าที่จะทำได้

ถังหยินสบถในใจ เขาย่อตัวลงหลบคมดาบนั่น ก่อนยกขาขึ้นเตะอีกฝ่ายกลับไป

นักฆ่าคนนั้นถอยตัวกลับไปทันที

อีกฝ่ายสามารถหลบลูกเตะได้ก็จริง แต่ก็แลกมากับร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดังนั้นคนผู้นี้จึงไม่สามารถหลบการโจมตีครั้งถัดไปของถังหยินได้แน่ !

แต่ถึงกระนั้น นักฆ่าผู้นี้ก็มีพลังที่เก่งกาจ ทั้งยังมากไปด้วยประสบการณ์ ดังนั้นจึงสามารถคาดเดาได้ว่าชายหนุ่มนั้นจะต้องใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาเข้าข้างหลังตนแน่ ๆ

ว่าแล้วชายผู้นั้นก็พลันสูดหายใจเข้าลึก ก่อนทิ้งร่างตัวเองให้ร่วงหล่นลงไป จนกระแทกลงกับพื้น เกิดเป็นรอยขนาดใหญ่ และโดยไม่รอให้ถังหยินเข้ามาโจมตีต่อ นักฆ่าอีก 2 คนก็ได้เข้ามาเสริมทัพ !

“ถ้าอยากจะสู้ขนาดนั้นละก็ ข้าจะเป็นคู่มือให้เอง !” พี่น้องฉางกวงเข้ามาช่วยเขาต่อสู้ทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังใช้กลุ่มรุม

ทั้งสองพี่น้องนั้นมีวิชาที่เก่งกาจไม่แพ้กัน ถึงจะไม่เทียบเท่าพวกนักฆ่าก็ตาม หากแต่ก็ถือได้ว่าช่วงแบ่งเบาภาระถังหยินไปได้บ้าง

หลังจากสู้กันไปไม่นาน ถังหยินก็เห็นคนของฟานหมินกำลังถูกไล่ต้อนไปเรื่อย ๆ จนเกราะของพวกเขาถูกทำลาย มีเลือดไหลนองไปทั่วพื้น และล้มตายลง …ทำให้ในตอนนี้นั้นหญิงสาวไร้ซึ่งการป้องกันใด ๆ อีกต่อไป

เมื่อเห็นดังนั้น ชายหนุ่มก็พลันทำการหลบการโจมตีของ 2 นักฆ่าที่โจมตีเข้าใส่ ก่อนหันมองไปยังฟานหมิน ร้องตะโกนออกมา และเหวี่ยงดาบออกไป

พวกนักฆ่าก้มตัวหลบการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดาย ปล่อยให้ดาบที่พุ่งเข้ามาเฉียดหัวของพวกเขาไปนิดเดียวก่อนที่จะเข้าไปปักที่กำแพง

แต่ก่อนที่คนพวกนี้จะได้โล่งอก พวกเขาก็ได้หันไปเห็นถังหยินที่โผล่มาข้างหลังเสียแล้ว…

ในจังหวะที่ชายหนุ่มขว้างอาวุธออกไป เขาก็ได้ใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาไปด้วยเพื่อมายังด้านหลังของศัตรูโดยที่ไม่ให้รู้ตัว

และเหตุที่กลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลก็เพราะอีกฝ่ายมัวแต่สนใจดาบที่พุ่งเข้ามา โดยไม่ทันได้สังเกตเขานั่นเอง

ไม่รอช้า ถังหยินพลันปักนิ้วเข้าไปที่หลังคอของนักฆ่า และจิกเข้าไปเต็มแรง ถึงแม้เขาจะไม่มีเกราะปราณ หากแต่พลังกายของชายหนุ่มก็มากพอแล้วที่จะทะลุเกราะของเป้าหมายได้