วันที่สอง หลิงหลานรีบร้อนล็อกอินเข้าไปในโลกเสมือนจริงด้วยความตื่นเต้น เธอเลือกหุ่นรบกระต่ายของเธออย่างรวดเร็วแล้วก็เข้ามาในหอฝึกหุ่นรบ เตรียมตัวไปหาผู้ควบคุมหุ่นรบเสือชีตาห์เพื่อบอกข่าวดีนี้ให้กับอีกฝ่าย ให้ตายเถอะ ในที่สุดเธอก็บอกบ๊ายบายการควบคุมพื้นฐานได้เสียที
แต่เธอหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างรวดเร็ว ถ้าหากมีตัวการ์ตูนจำลองละก็ สามารถมองเห็นหุ่นรบกระต่ายขนลุกชัน ตัวสั่นเทิ้มไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
ที่แท้หลิงหลานเปิดหน้าจอหุ่นรบโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เห็นหลุมดำขนาดใหญ่สองหลุมกำลังจ้องมองเธออย่างเงียบงัน หลุมดำขนาดใหญ่นั้นดำมืดมากเกินไป ว่างเปล่ามากเกินไปจริงๆ ทำให้หลิงหลานขนลุกชันไปชั่วขณะ
“เชี่ย นายนอนคว่ำอยู่ตรงหน้าฉันทำไม!” หลิงหลานระเบิดลง กระโดดขึ้นมาเตะต่อยทันที
แล้วก็เห็นกระต่ายตัวหนึ่งกุมแครอทฟาดแรงๆ ไปบนตัวเสือชีตาห์ที่นอนคว่ำอย่างเซื่องซึมอยู่บนพื้นเบื้องหน้า ฉากที่แฝงไปด้วยความรักมากมายนี้ทำให้บรรดามือใหม่รอบๆ มองเข้ามาด้วยความสงสัยใครรู้อย่างยิ่ง กลุ่มกระต่ายเสือชีตาห์ในตำนานกำลังทำอะไรอีกล่ะ?
เสือชีตาห์ใช้กรงเล็บหน้าและกรงเล็บหลังต้านทานอารมณ์เกรี้ยวกราดอย่างไร้เหตุผลของกระต่าย กล่าวด้วยความกลัดกลุ้มว่า “อย่าโกรธเลยนะ ฉันมีเรื่องต้องบอกนาย”
เอ๋? เขาเองก็มีเรื่องเหมือนกันด้วยเหรอ? หลิงหลานเก็บแครอทของตัวเองด้วยความงุนงงแล้วก็คาบมันไว้ในปากกระต่าย หลังจากนั้นก็นอนอยู่ข้างเสือชีตาห์ รอคอยให้อีกฝ่ายพูดมา
เสือชีตาห์เงียบลงไปครู่หนึ่งแล้วค่อยกล่าวอย่างโศกเศร้าว่า “ฉันแค่จะบอกนายว่าวันนี้ฉันต้องไปเข้าร่วมการประเมินผลจบการศึกษาแล้ว” เสือชีตาห์กล่าวแบบนี้คือต้องการจะบอกหลิงหลานว่า ครั้งนี้เขาจะเลือกจบการศึกษาออกไปจากหอฝึกหุ่นรบแล้วเข้าไปในโลกหุ่นรบที่แท้จริง
ความจริงแล้วผู้ควบคุมเสือชีตาห์รู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อผู้ควบคุมหุ่นรบกระต่ายมากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ควบคุมกระต่าย เขาไม่มีทางควบคุมหุ่นรบได้ก้าวหน้ามากมายขนาดนี้ หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาการฝึกฝนนี้ไปได้ เขาก็เข้าใจเหตุผลโดยสิ้นเชิงแล้วว่าทำไมการควบคุมพื้นฐานถึงสำคัญขนาดนั้น เขารู้สึกซาบซึ้งใจหลิงหลานมากๆ และความซาบซึ้งใจนี้ก็ยิ่งทำให้เขาไม่อาจปล่อยวางจากไปเองได้เลย
เอ่อ? บังเอิญขนาดนี้เชียว? เธอคิดจะจากไป อีกฝ่ายเองก็จะจากไปเหมือนกัน หลิงหลานเกินความรู้สึกชั่ววูบว่าการรู้ใจของเธอกับผู้ควบคุมเสือชีตาห์มันผิดปกติอยู่บ้างจริงๆ
“เอ่อ…เดิมทีฉันเองก็อยากบอกว่า ฉันจะไปเข้าร่วมการประเมินจบการศึกษาแล้ว” เนื่องจากหลิงหลานตกตะลึงก็เลยชะงักไปหลายวินาที หลังจากนั้นเธอค่อยกล่าวคำพูดที่เธออยากบอกผู้ควบคุมหุ่นรบเสือชีตาห์ออกมา
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาหลายวินาทีที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ผู้ควบคุมเสือชีตาห์เกิดความคิดอื่นขึ้นมา เขาคิดว่านี่เป็นคำพูดปลอบใจที่หลิงหลานจงใจกล่าวออกมาเพื่ออยากให้เขาผ่อนคลายอารมณ์ ควรทราบไว้ว่า จากความสามารถของพวกเขาในตอนนี้ หากคิดจะทำลายสถิติการประเมินผลจบการศึกษาของหลิงเซียวให้สำเร็จก็ยังยากลำบากอยู่บ้าง ผู้ควบคุมเสือชีตาห์คิดมาตลอดว่า สาเหตุที่หลิงหลานรั้งอยู่ที่หอฝึกหุ่นรบก็เพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ถึงขนาดที่เขาเกิดความสงสัยว่านี่เป็นภารกิจของสำนักอาจารย์หลิงหลาน….
ดังนั้น การที่หลิงหลานเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจนี้กะทันหัน บอกว่าอยากจะเข้าร่วมการประเมินผลจบการศึกษาเหมือนกัน ในสายตาของผู้ควบคุมเสือชีตาห์แล้ว นี่เป็นการทำเพื่อเขาอย่างชัดเจน ทำให้ในใจเขาอดรู้สึกตื้นตันใจและละอายใจไม่ได้
เขาเป็นครูและเพื่อนที่ดีเช่นนี้ แต่เพราะคำมั่นสัญญาของเขาที่มีต่อคุณปู่ เขาจึงไม่อาจเปิดเผยสถานะและใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองได้….ความรู้สึกผิดในใจหุ่นรบเสือชีตาห์เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ก็รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน
“ขอโทษนะ!” อารมณ์กระหน่ำมากมาย แต่สุดท้ายก็ได้แต่รวมเป็นสามคำที่ธรรมดาสุดขีดนี้
“ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงนะ…” หลิงหลานจนคำพูด ที่รัก นายคิดมากเกินไปแล้ว
“เพราะว่ามีเรื่องบางอย่างในโลกความจริง ฉันเลยต้องออกจากหอฝึกหุ่นรบเพื่อไปที่โลกหุ่นรบ ขอโทษจริงๆ นะ”
“อันที่จริงฉันไม่ได้พูดโกหกจริงๆ นะ…” หลิงหลานเกาหัวยิกๆ ด้วยความกลุ้มใจ ทำไมถึงไม่เชื่อคำพูดของเธอล่ะ
“ฉันรู้! ขอบใจนะ!” ผู้ควบคุมเสือชีตาห์ตัดบทหลิงหลานฉับพลัน กล่าวขอบคุณเธอด้วยความจริงจัง หลังจากนั้นก็เลือกเข้าสู่การประเมินผลจบการศึกษาโดนไม่รอให้หลิงหลานตอบ…
พอเห็นร่างของหุ่นรบเสือชีตาห์หลบหนีหายไปในชั่วพริบตาเนื่องจากต้านทานความละอายใจไม่ไหว หลิงหลานก็โมโหจนแทบจะล้มโต๊ะ ‘แม่งเอ๊ย ไอ้เวร! ฟังเธอพูดจบก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้หรือไง?’
ผ่านไปเนิ่นนาน หลิงหลานที่สงบสติอารมณ์ลงก็หัวเราะพรืดออกมาทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบว่าที่แท้ผู้ควบคุมเสือชีตาห์ก็มีเวลาที่ดื้อดึงขนาดนี้ แล้วหมอนี่ก็มโนมากเกินไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในใจหลิงหลานก็มีความอาลัยอาวรณ์อยู่จางๆ เช่นกัน ถึงยังไงผู้ควบคุมหุ่นรบเสือชีตาห์ก็เป็นคนที่เธอรู้สึกว่าเป็นเพื่อนคนแรกในโลกแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้เจอกันในเวลาที่เหมาะสม ต่างฝ่ายต่างปกปิดสถานะตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไว้ สุดท้ายก็ได้แต่กลายเป็นคนแปลกหน้าที่รู้ใจกันมากที่สุด
“เสี่ยวซื่อ ไปดูผลคะแนนของเขาหน่อย” ครั้งนี้หลิงหลานไม่อยากไปรบกวนการประเมินผลของอีกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่กอดความรู้สึกผิดไว้แต่แรก นี่ทำให้หลิงหลานเสียดายอยู่บ้าง ว่าไปแล้วเธออยากลาจากกับหุ่นรบเสือชีตาห์ด้วยดีมากจริงๆ
ไม่นาน เสี่ยวซื่อก็บอกผลคะแนนการประเมินสุดท้ายของหุ่นรบเสือชีตาห์ เวลาด้อยกว่าสถิติของหลิงเซียวไม่ถึงสองวินาที แต่ว่าผลคะแนนนี้ก็ทำให้เขาเข้าไปติดอยู่ที่อันดับห้าของผลคะแนนที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ
สุดท้ายเสี่ยวซื่อก็บอกหลิงหลานว่า คลื่นสมองของอีกฝ่ายได้หายออกไปจากมิติภารกิจแห่งนี้แล้วจริงๆ พูดอีกอย่างก็คือ เขาออกไปจากโลกของหอฝึกหุ่นรบแล้วเข้าไปที่มิติเสมือนจริงอีกแห่งแล้วแน่นอน
เสี่ยวซื่อถามหลิงหลานว่าจะตามรอยจุดที่เขาลงจอดในมิติเสมือนจริงอีกแห่งหรือเปล่า หลิงหลานครุ่นคิดสักพักแล้วก็ปฏิเสธทันที ก็เหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้แต่แรกว่าพวกเขาเจอกันในเวลาที่ไม่เหมาะสม ไม่สามารถใช้สถานะที่แท้จริงไปมาหาสู่กัน แล้วจะให้มิตรภาพนี้ยืนหยัดต่อไปได้ยังไงล่ะ
“น่าเสียดาย ถ้าเกิดมีเขาอยู่ การควบคุมหุ่นรบของลูกพี่จะต้องก้าวหน้าเร็วมากขึ้นแน่นอน” เสี่ยวซื่อใคร่ครวญอยู่บนจุดที่มีประโยชน์ต่อหลิงหลานตลอดกาล
“นายควรรู้ไว้นะ ถ้าเป็นทองก็จะต้องส่องแสงขึ้นมาสักวัน” หลิงหลานกล่าวอย่างลึกซึ้งยากจะเข้าใจ
ลูกพี่หมายว่าอะไรกันแน่? เสี่ยวซื่อเวียนหัว รีบตรวจค้นคำพูดของลูกพี่ก่อนจะเข้าใจทันที ที่แท้ความหมายของลูกพี่ก็คือ อีกฝ่ายหนีไม่พ้นมือของลูกพี่ไปตลอดกาลหรอก ลูกพี่ V587[1]! โปรยดอกไม้!
หลิงหลานเมินความเข้าใจผิดของเสี่ยวซื่อ เลือกประเมินผลจบการศึกษาทันที จากนั้นก็เข้าไปในมิติภารกิจของเธอ เธอแอบให้กำลังใจตัวเองในใจว่า ‘จะแพ้ให้กับหมอนั่นไม่ได้เด็ดขาด!’
การประเมินผลนับครั้งไม่ถ้วนทำให้พวกหลิงหลานแทบจะเคยผ่านแผนที่การทดสอบทั้งหมดมาแล้ว และครั้งนี้ก็บังเอิญเป็นแผนที่ที่หลิงหลานเคยทำการประเมินผลมาแล้ว หลิงหลานหลับตาลงน้อยๆ อุปสรรคแต่ละอย่างในภารกิจประเมินผลต่างปรากฏขึ้นในสมองของหลิงหลานอย่างแจ่มชัด…
หุ่นรบส่งเสียงเตือนสุดท้ายไม่กี่ครั้งถึงการเริ่มต้นการประเมินผล เมื่อเวลาเริ่มนับถอยหลังถึงสองวินาทีสุดท้าย หลิงหลานก็ลืมตาขึ้นฉับพลัน แววตาส่องประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง
ท้ายที่สุด เสียงเริ่มต้นก็ดังขึ้น แล้วก็เห็นหุ่นรบกระต่ายพุ่งออกไปราวกับพายุโหมพัดอย่างรุนแรง มันกระโดดโลดเต้นตามอำเภอใจท่ามกลางพวกสิ่งกีดขวางที่เคลื่อนที่อย่างไร้กฎเกณฑ์ ปรากฏตัวขึ้นผลุบๆ โผล่ๆ ราวกับเงาที่แฉลบผ่านไปแวบหนึ่ง
สีหน้าหลิงหลานในห้องคนขับกลับผ่อนคลายเป็นพิเศษ ถึงขนาดหรี่ตาครึ่งหนึ่ง การโบกสะบัดของนิ้วมือไม่ได้ให้ความรู้สึกรีบเร่งเหมือนกับเมื่อก่อน ตรงกันข้ามมันเคลื่อนไหวเรื่อยเปื่อยอยู่บ้าง บางครั้งก็เกิดเป็นภาพซ้อนหลายชั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้มือทั้งสองข้างเหมือนกำลังร่ายรำอย่างสวยงามออกมาเป็นบทประพันธ์ที่งามล้นของเธอเอง
หลิงหลานใช้โหมดควบคุมล่วงหน้าฉุกเฉินออกมาโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเธอเข้าใจแผนที่นี้อย่างแจ่มแจ้ง การควบคุมล่วงหน้าของหลิงหลานจึงไหลลื่นเป็นจังหวะขั้นตอนอย่างยิ่งยวด และหลิงหลานก็ได้เข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ของการควบคุมอย่างหนึ่ง ทำให้เสี่ยวซื่อตกตะลึงและยินดีให้กับความโชคดีของหลิงหลาน
สถานการณ์เช่นนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าระดับการควบคุมของลูกพี่หลิงหลานสูงขึ้นมาอีกขั้นแล้ว ในที่สุดบางทีคราวนี้เธออาจจะไปถึงความเร็วมือขั้นต่ำสุดที่พ่อต้องการได้แล้ว….
“ยินดีด้วย คุณสร้างสถิติใหม่สำเร็จแล้ว! โลกที่สองจะทำการประกาศไปทั่วโลก ไม่ทราบว่าคุณจะเลือกเปิดเผยชื่อหรือปิดบังชื่อไว้?”
เสี่ยวซื่อเห็นหลิงหลานยังคงจมอยู่ท่ามกลางการบรรลุด้านการควบคุม เขาก็รีบช่วยหลิงหลานเลือกปิดบังชื่อไว้ ถึงแม้ว่าต่อให้เลือกเปิดเผยชื่อนามสกุล ก็ไม่มีใครสามารถหาสถานะตัวตนที่แท้จริงของลูกพี่หลิงหลานได้เช่นกัน แต่ถึงยังไงก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง เสี่ยวซื่อจดจำคำพูดของหลิงหลานไว้เสมอมา เวลาทำเรื่องทุกอย่างจะต้องปกป้องตัวเองก่อนแล้วที่เหลือค่อยว่ากัน
หลังจากที่เสี่ยวซื่อเลือกแล้ว ผู้คนที่กำลังออนไลน์ทั้งหมดในโลกเสมือนจริงต่างได้ยินเสียงจากระบบหลักว่า ‘ยินดีด้วย XXX ที่สร้างผลคะแนนจบการศึกษาการควบคุมหุ่นรบพื้นฐานใหม่ได้สำเร็จ! ทุกยุคสมัยย่อมให้กำเนิดอัจฉริยะบุคคล โลกที่เงียบสงบได้ต้อนรับยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้วในที่สุด!’
หลังจากที่ทุกคนได้ยินแล้วส่งเสียงเอะอะฮือฮากัน คนที่รู้เรื่องกลุ่มหุ่นรบกระต่ายเสือชีตาห์ก็ทยอยกันคาดเดาว่าเป็นหนึ่งในพวกเขาที่ทำลายสถิติหรือเปล่า มีบางคนถึงขนาดออฟไลน์ด้วยความตื่นเต้นทันทีก่อนจะใช้อุปกรณ์สื่อสารในโลกความเป็นจริงสอบถามเหตุการณ์กับบรรดาเพื่อนๆ ที่ยังคงฝึกฝนอยู่ในหอฝึกหุ่นรบ
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ได้รับคือพวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มีหลายคนที่บังเอิญค้นดูรายชื่อผู้ประเมินผลอยู่ในเวลานั้นก็ไม่พบเงาของหุ่นรบกระต่ายกับหุ่นรบเสือชีตาห์เลย
ที่แท้ตอนที่หลิงหลานทำการประเมินผล เสี่ยวซื่อได้ลบหลิงหลานออกไปจากในรายการตัวเลือกที่สามารถชมดูได้เพื่อรักษาความลับไว้ พูดอีกอย่างก็คือ ไม่มีใครสามารถมองเห็นการประเมินผลของหลิงหลาน
คนที่รู้ความจริงมีเพียงหุ่นรบเสือชีตาห์ ความจริงแล้ว เมื่อผู้ควบคุมหุ่นรบเสือชีตาห์ได้ยินคำประกาศของระบบ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเขาคือ หุ่นรบกระต่าย จากนั้นก็ยิ้มขื่น “ที่แท้นายก็จบการศึกษาออกไปได้นานแล้ว การที่นายอยู่ในหอฝึกฝนมาตลอดคงจะทำเพื่อรอฉันสินะ แต่สุดท้ายฉันยังคงทำให้นายผิดหวัง” เขารู้สึกหดหู่โศกเศร้าเสียใจ เลือกออกไปจากโลกหุ่นรบทันที
………….
ในคฤหาสน์ส่วนตัวแห่งหนึ่ง พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างกำลังรอคอยคุณชายใหญ่ของเขาออฟไลน์ด้วยความอดทน แต่ผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่เห็นเขาเปิดแคปซูลล็อกอินเลย เขาคล้ายกับคิดอะไรบางอย่างได้ก็พุ่งเข้าไปเปิดแคปซูลล็อกอินจากด้านนอกด้วยความเร่งรีบ จากนั้นก็เห็นเด็กหนุ่มรูปงามที่นอนอยู่ด้านในกำลังหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ
“เป็นอะไรไปครับ คุณชายใหญ่? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” พ่อบ้านรู้สึกเครียดแล้ว ควรรู้ไว้ว่าคุณชายใหญ่ของเขาเป็นเด็กที่เข้มแข็ง ก่อนหน้านี้ร่างกายไม่แข็งแรง ต่อให้เจ็บปวดทรมานยากทานทนก็ยังยิ้มให้กับคนอื่นได้ ไม่เคยร้องไห้เสียอาการมาก่อน
เด็กหนุ่มรูปงามลืมตาทั้งสองข้าง แววตาที่แต่เดิมหนักแน่นใสกระจ่างมาตลอดเปลี่ยนเป็นมึนงงสับสนเล็กน้อย ในขณะที่พ่อบ้านกำลังคิดจะส่งเสียงเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มรูปงามพลันเอ่ยปากถามว่า “พ่อบ้านใหญ่ ทำไมคุณปู่ต้องให้ฉันอายุยี่สิบก่อนถึงจะให้คนอื่นรู้สถานะตัวตนและใบหน้าที่แท้จริงของฉันได้ล่ะ? เพราะอะไรกันแน่?”
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสาบานนี้ เขาคงไม่ต้องเลือกแยกจากผู้ควบคุมหุ่นรบกระต่ายไป ไม่ต้องรู้สึกถึงความทรมานใจนี้ ที่แท้การสูญเสียเพื่อนเป็นเรื่องที่เจ็บปวดขนาดนี้นี่เอง
พ่อบ้านใหญ่อ้าปาก แต่สุดท้ายยังเปลี่ยนเป็นเอ่ยด้วยคำพูดที่เหมือนๆ กันหมดว่า “คุณชาย ต่อไปคุณก็จะรู้เอง!”
“ต่อไป? เหอะๆ บางทีพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว…พ่อบ้านใหญ่ นายรู้ไหม? เมื่อตะกี้นี้สิ่งที่ฉันพลาดจากไปก็คือเพื่อนรู้ใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต!” คนงามเอ่ยคำพูดประโยคนี้ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ขมขื่น หยาดน้ำตาร่วงลงมาอย่างไร้สุ้มไร้เสียงอีกครั้ง สีหน้าของเขาดูเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นมันกลับดูเหมือนโศกเศร้าเสียใจที่ไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตตัวเองได้ และก็มีแค่เวลานี้เท่านั้นที่เขาแสดงท่าทางเหมือนเด็กอายุสิบสามอย่างยิ่ง
…………………………………………..
[1] หมายถึง ยิ่งใหญ่เกรียงไกร