หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.425 – อสูรกายได้จากไป

 

ตลอดทั่วทุกมุมโลก

 

คนตายนับล้านล้านคนต่างพากันเงยหน้าขึ้นด้วยความคาดหวัง

 

ขณะนั้นเอง หนึ่งในพื้นที่บางส่วนของทะเลทรายในอาณาเขตของสหพันธรัฐ รัฐบาลกลางได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

 

กำแพงที่เปรียบดั่งเกราะคอยป้องกันโลกได้หายวับไป

 

บนท้องฟ้า เผ่ามารนับหลายสิบหลายร้อยพลันร่วงหล่นลงมาทันที

 

ขณะที่เหล่าคนตายในทะเลทรายต่างก็เฝ้ารอมาเป็นระยะเวลานาน

 

เมื่อพวกเขาตระหนักได้ถึงการกระเพื่อมของอากาศบนท้องฟ้า เหล่าคนตายก็กระโจนขึ้นทับๆๆๆกัน ก่อกำเนิดภูเขาคนตายขนาดมหึหา ทุกตนล้วนแก่งแย่งกันปีนป่ายขึ้นไปบนยอดสุดเพื่อที่จะได้ลิ้มชิมรสชาติเนื้อมารก่อนเป็นตนแรก

 

เผ่ามารหลายสิบหลายร้อยตนที่ร่วงตกลงมา ยังไม่ทันจะได้ตกถึงพื้น เลือดเนื้อของพวกมันก็ถูกกัดกินจนสิ้นเหลือแต่กระดูกซะก่อน

 

ส่วนคนตายที่ลิ้นยังมิได้สัมผัสรสชาติเนื้อของเผ่ามารต่างก็แสดงออกถึงความเสียใจออกมา

 

ทุกตนต่างพากันแหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า

 

และเฝ้ารอ

 

คนตายยังคงรอต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม เห็นแค่เพียงเหล่าราชันย์สุนัขแทรกตัวผ่านคนอื่นๆและตรงมาที่กระดูกหลายสิบหลายร้อยของเผ่ามาร

 

“นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ?” คนตายคนอื่นๆที่เห็นฉากนี้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 

เหล่าราชันย์สุนัขหัวเราะหยัน “เจ้าพวกบ้าเอ๊ย สิ่งที่อร่อยจริงน่ะ – มันคือกระดูกต่างหาก!”

 

ว่าจบ พวกเขาก็วิ่งขึ้นไปในกองภูเขาคนตาย และกระโจนเข้างับโครงกระดูกของเผ่ามารที่ไม่มีใครสนใจ

 

ตามมาด้วยเสียงกัดแทะและดูดจ๊วบๆของกระดูกดังขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว

 

ไม่นานนัก

 

กำแพงอุปสรรคอันเปราะบางก็เกิดรูรั่วไหลอีกครั้ง คราวนี้เป็นเผ่ามารนับร้อยนับพันตัว

 

เหล่าคนตายเมื่อได้เห็นฉากนี้ สีหน้าของพวกเขาต่างก็เผยถึงความปิติ

 

ราวกับกระแสลมกรรโชกที่พัดผ่าน เหล่าเผ่ามารนับร้อยพันที่ยังคงทิ้งดิ่งอยู่กลางอากาศถูกกวาดกินจนเกลี้ยง!

 

และคราวนี้ไม่มีหลงเหลือกระทั่งกระดูก

 

ขณะที่หนึ่งในบรรดาคนตาย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

 

‘เหตุใดกันนะ เผ่ามารที่ข้าคว้าจับกิน … มันถึงได้ไม่อร่อยเลย!’

 

ณ รัฐบาลกลาง

 

บริเวณชานเมืองหลวง

 

บนภูเขาก่อนจะถึงพื้นที่ราบ

 

ชูร่าชายหายเข้าไปผสมโรงในพื้นที่ราบแล้ว ดังนั้นเวลานี้จึงเหลือแค่เพียง หกผู้คุมนรก

 

พวกเขาหันมามองหน้ากันและกัน ขณะที่เห็นถึงความนัยที่แฝงอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย

 

“ท่านราชาภูติ ก่อนที่จะต้องกลับไปเกิดใหม่ พวกเรายังอยากที่จะต่อสู้อีกสักครั้ง”

 

“ไปเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เมื่อได้รับอนุญาต หกผู้คุมนรกก็กระจายตัวกันไปคนละทิศทางอย่างรวดเร็ว

 

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น และเฝ้าสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า

 

—กำแพงอุปสรรคยังไม่ได้หายไปทั้งหมด

 

แม้ในวินาทีสุดท้ายของการพังทลายจะมาถึงในเร็วๆนี้ กำแพงอุปสรรคก็ยังพยายามที่จะขัดขวางการรุกรานของเผ่ามารอย่างถึงที่สุด

 

จริงๆแล้วเจ้าสิ่งนี้ ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

 

สถานะของกำแพงอุปสรรค แม้ตอนนี้จะเปรียบดั่งหลอดไฟที่ติดๆดับๆ ดีบ้างไม่ดีบ้าง และบางครั้งก็สูญเสียประสิทธิภาพในบางช่วงเวลา

 

ทว่าภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง กำแพงอุปสรรคก็ยังมิได้หายไปโดยสมบูรณ์

 

ในระหว่างหนึ่งชั่วโมง มีเพียงแค่เผ่ามารเป็นกลุ่มก้อนเท่านั้นที่ตกลงเข้าสู่โลกมนุษย์อย่างต่อเนื่อง –มิใช่ลงมาพร้อมกันระลอกเดียวทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเผ่ามารนับหลายร้อย พัน หรือมากกว่าหมื่นได้ฝ่ากำแพงอุปสรรคเข้าสู่โลกได้ก็ตามที

 

-ทว่าเบื้องล่างของพวกมัน คือคนตายที่มีจำนวนมากกว่าล้านล้าน!

 

เหล่าคนตายเงยหน้าขึ้น และเฝ้ารออาหารของพวกเขาเป็นเวลานาน

 

สำหรับมื้อสุดท้ายในเส้นทางแห่งปรภพ เหล่าคนตายจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างความทรงจำโดยการลิ้มลองอาหารอันน่าประทับใจนี้

 

ตลอดทั้งดาวเคราะห์โลก ได้ยินเพียงแค่เสียงของคนตายที่โห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

และนั่นเป็นอีกครั้งที่เผ่ามารกลุ่มหนึ่งรั่วไหลเข้ามา

 

เหล่าคนตายปรี่เข้าไปแก่งแย่งชิ้นเนื้อดั่งฝูงมดอดอาหารที่กำลังคลุ้มคลั่ง!

 

และการกินอาหารมื้อใหญ่นี้ ก็ดำเนินต่อไปอีกครึ่งราวๆชั่วโมง

 

ในที่สุด เผ่ามารบางตนที่มีภูมิปัญญา และเหล่าอสูรกายก็ทยอยกันจากไป

 

พวกมันได้จากไป ละทิ้งเจตนาฆ่าและความอยากอาหารไปโดยสิ้นเชิง

 

หากต้องเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่ที่มิอาจตายลงได้ สงครามก็นับว่าเป็นเพียงสิ่งไร้สาระ!

 

ตราบใดที่เข้าสู่โลกเบื้องล่าง แม้ว่าตนจะทรงอำนาจเพียงใดก็ตาม , แม้ว่าจะสามารถสังหารคนตายได้เป็นจำนวนมาก แต่สุดท้าย อำนาจของพวกมันก็จะถดถอยและกลายเป็นอาหารของพวกคนตายอยู่ดี

 

และต่อให้พวกมันมีความสามารถมากพอที่จะทำให้ตนเองไม่ถูกกิน แต่สิ่งที่ต้องเผชิญก็คงไม่พ้นการต่อสู้อันยาวนาน

 

และการต่อสู้ที่ยาวนานที่ว่า ก็ไม่สามารถสังหารหรือลดปริมาณศัตรูลงได้เลย!

 

ทุกอย่างที่ทำไปก็คงจะไร้ความหมาย

 

เมื่อหนึ่งอสูรกายได้จากไป ตนอื่นๆก็เริ่มปฏิบัติตามอย่างไม่ลังเล

 

ขณะที่ยักษ์เผ่ามารบางตนก็ได้ติดตามกลุ่มก่อนหน้า พากันละทิ้งโลกมนุษย์และจากไป

 

ต่อมาก็เผ่ามารที่ทรงพลังและที่มีมันสมองที่ดี ที่ทยอยกันจากไป

 

บนท้องฟ้า บัดนี้ร่างเงาของเผ่ามารเริ่มจะเบาบางลง

 

ซึ่งเผ่ามารที่ยังหลงเหลืออยู่นี้ ล้วนเป็นพวกที่ไม่มีสติปัญญา มีสถานะต่ำต้อย ไร้อารมณ์ความรู้สึก และมีเพียงความกระหายเลือดเท่านั้น

 

ผ่านพ้นไปอีกราวๆ 20 นาที

 

กำแพงอุปสรรคที่คอยป้องกันโลกก็สลายไปโดยสมบูรณ์

 

เผ่ามารที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าร่วงตกลงมา

 

ตามด้วยเสียงโห่ร้องของคนตายที่ดังสะท้านราวกับภูเขาไฟระเบิด!

 

งานฉลองกินดื่มครั้งใหญ่ — ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!

 

………

 

กู่ฉิงซานมองลงไปจากภูเขา

 

เห็นแค่เพียงงานฉลองของคนตายยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

 

“เทพธิดากงเจิ้ง ตอนนี้ทั่วทุกมุมโลกเป็นยังไงบ้าง?”

 

“มีเผ่ามารอยู่จำนวนไม่น้อยที่สามารถทำอันตรายต่อคนเป็นได้ แต่ไม่นานนัก พวกมันก็ถูกกำจัดโดยเหล่าคนตายอย่างรวดเร็ว ขณะที่เผ่ามารส่วนใหญ่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วโดยสมบูรณ์”

 

กู่ฉิงซานก้มลงไปมองเวลา

 

กว่ากำแพงอุปสรรคที่คอยปกป้องโลกจะกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ก็อีกราวๆห้าชั่วโมง

 

กู่ฉิงซานกุมไม้เท้าแห่งการจองจำและเอ่ยถาม “พวกเจ้ายังมีเวลาเหลือกันอยู่อีกเท่าไหร่?”

 

“ถ้าให้เดาจากความรู้สึก ก็น่าจะประมาณห้าชั่วโมงล่ะมั้ง” ชูร่าหญิงกล่าว

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มประหม่า

 

หากช่วงเวลาแห่งการถือกำเนิดใหม่ของคนตายได้มาถึงก่อนเวลาอันควร และกำแพงอุปสรรคที่ใช้ป้องกันโลกยังไม่เปิดออกแล้วล่ะก็ โลกทั้งใบก็จะตกอยู่ในสถานะไร้ซึ่งการป้องกัน

 

เขาจึงรีบเรียกฝูงชนเข้ามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทันที

 

ประธานาธิบดีกล่าวว่า “กุญแจสำคัญในตอนนี้ก็คือ ต้องวัดใจว่าคนตายจะสามารถให้ความช่วยเหลือโลกใบนี้ได้จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่กำแพงอุปสรรคใหม่จะถือกำเนิดขึ้นโดยสมบูรณ์ได้รึเปล่าสินะ”

 

“ในกรณีที่คนตายได้จากไปก่อน ทั้งๆที่กำแพงอุปสรรคโลกยังไม่ได้ถือกำเนิดขึ้น บางที่พวกอสูรกายเหล่านั้นอาจจะกลับมาทันทีเลยก็ได้” กู่ฉิงซานกล่าว

 

แอนนาประกบสองมือของเธอเข้าด้วยกัน สวดอ้อนวอนอธิษฐาน “ขอท่านเทพสวรรค์จงอวยพรให้กำแพงอุปสรรคที่คอยค้ำจุนโลกบังเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ก่อนที่การถือกำเนิดใหม่ของคนตายจะเกิดขึ้นด้วยเถิด”

 

หมาดำกล่าวกระซิบ “ไม่ใช่ว่าเทพสวรรค์ที่เจ้าเอ่ยถึงพึ่งจะหนีไปยังโลกอื่นแล้วหรอกหรือ”

 

แอนนาเปลี่ยนคำพูดของเธอทันควัน “ฉันกำลังอธิษฐานกับท่านเทพแห่งความตายตะหาก”

 

พอได้ฟัง หมาก็ตอบรับด้วยความพึงพอใจ “งั้นก็แล้วไป”

 

“-ตอนนี้พวกเราคงทำได้แค่เฝ้ารอ” เย่เฟย์หยูเอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน “มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าจู่ๆ โลกของฉันจะได้รับการช่วยเหลือจากพวกคนบาปแบบนี้”

 

กู่ฉิงซานตบไหล่เขาและกล่าว “งั้นก็พยายามฝึกยุทธต่อไปให้ดีล่ะ เพราะต่อจากนี้ไปในอนาคต หน้าที่ช่วยเหลือโลก ก็จะตกมาเป็นของพวกเราแล้วนะ”

 

เย่เฟย์หยูพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างช้าๆ

 

นี่นับว่าเป็นห้าชั่วโมงที่ยาวนานที่สุดในความรู้สึกของกู่ฉิงซาน

 

ประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลกลางและสมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าได้ทำการเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ และแจ้งปัญหาสำคัญๆให้พวกเขาทราบ ทั้งสองขอให้มนุษย์ทุกคนหลบซ่อนตัว และอย่าเปิดเผยตัวออกมา

 

ขณะที่เทพธิดากงเจิ้งทุ่มเวลาไปกับการสั่งการเครื่องจักรจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อทำการขนส่งคนตาย นำพาพวกเขาไปยังพื้นที่ที่เผ่ามารกำลังก่อความเสียหายร้ายแรงอยู่ตามลำดับ

 

ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังคงดำเนินต่อไป

 

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนชะตากรรมของโลกได้

 

เพราะสุดท้ายแล้วชะตากรรมของโลกน่ะ มันจะขึ้นอยู่กับเวลาของเหล่าคนตายที่กำลังจะกลับไปเกิดใหม่และกำแพงอุปสรรคแห่งโลกได้เปิดขึ้น

 

ขอเพียงกำแพงอุปสรรคเปิด และคนตายยังไม่จากไป หรือทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆกัน พวกเขา -โลกมนุษย์ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ

 

มิฉะนั้นแล้ว หากอสูรกายตระหนักถึงความผิดปกตินี้ พวกมันก็จะกลับมา และโลกก็มีแนวโน้มที่จะพินาศสิ้น

 

นี่นับว่าเป็นการเฝ้ารออย่างกระวนกระวายใจโดยแท้

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างช้าๆ

 

กระทั่งมาถึงชั่วโมงสุดท้าย

 

ช่วงเวลาสำคัญที่สุดได้มาถึง

 

วิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซานตกลงไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 

หนึ่งเส้นแสงตัวอักษรปรากฏขึ้นที่นั่น

 

“การหลอมรวมระหว่างสองโลกจะช่วยก่อร่างกำแพงอุปสรรคให้ถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง และกำแพงป้องกันจะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติหลังจาก 00.37.29นาที”

 

อีกสามสิบเจ็ดนาที กำแพงอุปสรรคใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้น!

 

กู่ฉิงซานจ้องมองดูเวลา ก่อนจะเบนสายตามองไปมองนอกภูเขา

 

เหล่าคนตายยังคงอยู่ในสายตา

 

แต่ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า

 

ทันใดนั้นเอง-

 

รังสีแสงอันไพศาลก็สาดออกไปทั่วฟ้า

 

แสงนี้เปรียบดั่งน้ำตก มันกวาดไปทั่วผืนฟ้า ขจรขจายไปอย่างต่อเนื่องในทุกทิศทาง

 

เหล่าคนตายที่ตกอยู่ภายใต้รังสีแสงนี้ ตนแล้วตนเหล่าได้เผยถึงสีหน้าตระหนักชัด

 

‘เวลาแห่งการถือกำเนิดใหม่ได้มาถึงแล้ว’

 

ตอนนี้ มันได้เวลาที่พวกเขาจะไปเกิดใหม่เสียที!

 

หากเป็นไปตามที่เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคลกล่าวไว้ พวกเขาจะไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป มิฉะนั้นก็จะถูกหักแต้มบุญไปเรื่อย และสุดท้ายก็จะถูกส่งจมกลับลงไปประสบความทุกข์ทรมานในนรกอีกครั้ง!

 

แต่ แต่ว่า!

 

กำแพงอุปสรรคของโลก กว่าจะกำเนิดขึ้นยังต้องใช้เวลาอีกกว่า37นาที 20วินาที!

 

ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เหล่าคนตายกลับดันต้องถูกส่งกลับไปเกิดใหม่เสียแล้ว!

 

เวลานี้กำแพงอุปสรรคก็ยังไม่มี คนตายก็กำลังจะจากไป โลกทั้งใบจะตกอยู่ในสถานะไร้ซึ่งการปกปักษ์ใดๆ

 

โฮกกกกก!

 

ลึกขึ้นไปบนท้องฟ้า แน่นอนว่านี่ย่อมเป็นเสียงของอสูรกายอันน่าสะพรึงที่ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง

 

พวกมันคำรามอย่างบ้าคลั่ง และเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้คนตายจากไป

 

36นาที 59 วินาที

 

นี่มันมากเกินไป นับว่าเป็นช่วงเวลาที่หมดสิ้นแล้วซึ่งความหวัง!

 

เมื่อคนตายไปเกิดใหม่ อสูรกายก็คงแทบจะไม่อาจเฝ้ารอได้แม้แต่เพียงวินาทีเดียว ทั้งหมดย่อมที่จะต้องกระโจนลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบนเป็นแน่

 

และทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะอันคลุ้มคลั่งก็ปะทุขึ้นมาในหมู่คนตาย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ราชาภูติ ข้าเฝ้ารอเวลานี้มานานมาก นานมากแล้ว และในที่สุดมันก็มาถึงซะที!”

 

“เจ้าน่ะจบสิ้นแล้ว!”

 

ทุกคนเพ่งมองผ่านทางกระแสจิต และค้นพบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเสียงของมนุษย์ปีศาจหญิงซึ่งเป็นหนึ่งในสิบตัวตนสุดแกร่ง

 

เธอยิ้มออกมาอย่างสะใจ เปล่งกระแสเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ “ข้าขอกล่าวอำลา ราชาภูติเอ๋ย ขอให้เจ้าและโลกของเจ้าจงถูกทำลายลงอย่างมีความสุข!”

 

ยามเมื่อเสียงนี้ตกลง มนุษย์ปีศาจหญิงก็หายไป

 

เธอได้กลับคืนสู่สังสารวัฏ —ไปเกิดใหม่แล้ว!