ตอนที่ 81 – ปรึกษาหารือ
หลังจากเก็บสินค้าแล้ว ทหารรับจ้างก็ออกไปเพื่อสนุกกับวันหยุด และพ่อค้าก็ไปจัดกำลังทหารใหม่ หลังจากใช้เวลาหลายวันหลายคืนในการเดินทางอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด ทุกคนก็เหนื่อยล้า ดังนั้นช่วงเวลาที่พวกเขาได้หยุด พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมที่ใกล้ที่สุดทันทีและเริ่มพักผ่อน ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็มุ่งหน้าไปยังโรงหมอเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา
เจี้ยนเฉินผูกม้าของเขาไว้ที่บริเวณคอกม้าและมองไปรอบ ๆ เขาเห็นแค่คนเพียงคนเดียวที่สวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ ยืนอยู่รอบ ๆ หลังจากกวาดสายตาแวบหนึ่ง เขาก็รีบเดินไปหาบุคคล ๆ นั้น
เมื่อมาถึงด้านหลังบุคคลนั้น เจี้ยนเฉินก็กระซิบว่า” มู่หยุน ทักษะการต่อสู้ของเจ้าได้รู้กันไปทั่วในหมู่ทหารรับจ้างจำนวนมากแล้ว ฉวยโอกาสนี้ออกไปจากที่นี่เร็วเถอะ ไม่เช่นนั้นข้ากลัวว่าพวกเขาอาจพยายามทำอะไรบางอย่างกับเจ้า”
เมื่อได้ยินเจี้ยนเฉินกล่าว มู่หยุนส่ายหัวของเขาไปรอบ ๆ และยิ้มให้เขา “อย่ากังวล หากพวกเขาต้องการเอาทักษะการต่อสู้ของข้า พวกเขาจะพบว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำ”
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วขณะที่มองดูมู่หยุนอย่างระมัดระวัง “ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็จะไม่พูดอีก” เขาหยุดคิดก่อนที่จะถามอีกครั้ง” แต่ตอนนี้เราได้มาถึงอาณาจักรวายุครามแล้ว มันเกือบจะเป็นเวลาที่ข้าจะแยกจากกลุ่มทหารรับจ้าง จากถนนสายนี้ เราจะไม่เดินร่วมทางกันอีกต่อไป พี่มู่หยุนโปรดดูแลตัวเองด้วย” เขาป้องมือคำนับด้วยความเคารพ แม้ว่ามู่หยุนและเขาเพิ่งจะพบกัน แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกทั้งมู่หยุนเปิดเผยความลับทักษะการต่อสู้ของเขาเพื่อช่วยเหลือเจี้ยนเฉิน ดังนั้นในใจของเขามู่หยุนจึงเป็นคนดี อย่างไรก็ตามนี่ไม่เพียงพอสำหรับเจี้ยนเฉินที่จะพิจารณาว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี
” เจ้าก็ดูแลตัวเองด้วย ! ” มู่หยุนคำนับเขาตอบเช่นกัน
” สหายทั้งสองคนนี่กำลังเตรียมตัวจะจากไปแล้วใช่ไหม? ทุกคนเหนื่อยอ่อน ดังนั้นเราจึงเตรียมโรงเตี๊ยมติดอันดับยอดนิยมไว้ให้ทุกคนได้เพลิดเพลิน ควรดื่มกินกับทุกคนก่อนดีกว่าไหม” ในขณะนั้นมีเสียงที่เปล่งออกมาพูดกับทั้งสองคน มู่หยุนและเจี้ยนเฉินหันไปมองชายชราที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า
เมื่อเห็นชายคนนั้น เจี้ยนเฉินก็ตกตะลึงนิดหน่อย แต่เขาก็กลับสงบลงได้อย่างรวดเร็ว เขายกมือคำนับขึ้นอีกครั้งด้วยความเคารพเขากล่าวว่า” คารวะหัวหน้าหลิงเทียน ! ” ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเจี้ยนเฉินได้คุ้นเคยกับกลุ่มทหารรับจ้างทั้งสาม ชายที่แข็งแกร่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำคือหัวหน้าหลิงเทียนผู้เชี่ยวชาญที่บรรลุถึงระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
เมื่อได้เห็นหัวหน้าหลิงเทียน มู่หยุนก็ป้องมือของเขาทำความเคารพ แม้จะมีการหัวเราะ แต่ก็ยังถือว่าเป็นการทักทายที่น่าเคารพ
” สหายทั้งสองของข้า ข้าไม่รู้จะเรียกพวกเจ้าสองคนว่าอย่างไร แต่เมื่อพวกโจรไร้ขอบเขตโจมตีเรา พวกเราก็ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก ต้องขอบคุณเจ้าสองคนที่ทำให้การบาดเจ็บล้มตายของเราไม่เลวร้ายลงไปอีก” หลิงเทียนยิ้มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเมตตา
” อันที่จริงข้ามีชื่อว่าเจี้ยนเฉิน หัวหน้าหลิงเทียนใจกว้างเกินไปแล้ว ในระหว่างการซุ่มโจมตีกับโจรไร้ขอบเขต ผู้ที่มีส่วนร่วมมากที่สุดคือหัวหน้าหลิงเทียนซึ่งเป็นผู้สังหารผู้เชี่ยวชาญหลายคน”
” ผู้ต่ำต้อยผู้นี้เรียกว่ามู่หยุน สิ่งที่น้องเจี้ยนเฉินพูดนั้นถูกต้อง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราประสบความสำเร็จในผลักดันโจรไร้ขอบเขต ก็คือหัวหน้าหลิงเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าแล้ว ข้าก็กลัวว่าชีวิตของพวกเราจะถูกปลิดไปเสียแล้ว” มู่หยุนหัวเราะ
เมื่อได้ยินเจี้ยนเฉินและมู่หยุน ดวงตาของหลิงเทียนก็ทอประกายวูบหนึ่งก่อนที่เขาจะปกปิดมันไว้ “สหายของข้า เจี้ยนเฉินและมู่หยุนนั้นสุภาพเกินไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์ของการซุ่มโจมตีจะเป็นอย่างไร ข้าก็ยังต้องขอขอบคุณในฐานะหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างของข้า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็กังวลเกี่ยวกับโจรไร้ขอบเขตที่ตามเรามา ดังนั้นเราจึงใช้เวลาทั้งกลางวันและกลางคืนในการเดินทางให้มากที่สุด โดยไม่หลับไม่นอน เราสร้างภาระให้กับเจ้าทั้งสองคนจริง ๆ ข้าได้เตรียมงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ไว้แล้ว คงจะดีถ้าเราได้ร่วมดื่มกินด้วยกันพร้อมด้วยรอยยิ้มที่สนุกสนาน หลังจากนั้น เราทุกคนสามารถพักผ่อนได้ดีในอีกสองสามวันและรักษาบาดแผลของเรา”
” เอาล่ะ หลังจากทานอาหารแห้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าเนื้อสัตว์มีรสชาติเป็นเยี่ยงไร ข้ากำลังจะเตรียมตัวเพื่อรับประทานอาหารมื้อใหญ่ แต่เนื่องจากหัวหน้าหลิงเทียนได้เตรียมงานฉลองไว้แล้วข้าจึงสามารถประหยัดเงินไว้ได้” มู่หยุนเห็นด้วยอย่างง่ายดาย หันหน้าไปทางเจี้ยนเฉินเขาพูดว่า “น้องเจี้ยนเฉินมันคงจะดีที่สุดถ้าเราทั้งคู่ไป หลังจากกินอาหารแห้งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เจ้าจะต้องป่วยเพราะมัน”
เจี้ยนเฉินส่ายหัวเบา ๆ “ข้าขอขอบคุณในความมีน้ำใจของท่านหลิงเทียนครั้งนี้ แต่ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องไปทำ ข้าจะต้องจากไปในทันทีและไม่สามารถไปกับทุกคนได้ ถ้าข้าทำผิดต่อหัวหน้าหลิงเทียน ข้าก็ขออภัย”
หลิงเทียนดูเสียใจ แต่เขาก็ไม่ได้พยายามชักชวนเจี้ยนเฉินให้อยู่ต่อไป เขาป้องมือคำนับพร้อมกับพูดว่า “ถ้าน้องเจี้ยนเฉินมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปทำละก็ ข้าก็จะไม่เหนี่ยวรั้งน้องชายไว้อีกต่อไป”
หลังจากที่เจี้ยนเฉินกล่าวคำอำลากับหลิงเทียน เขาก็ออกจากพื้นที่ทันที ตอนนี้เขาแยกตัวออกจากกลุ่มทหารรับจ้าง เขาก็ไม่มีหน้าที่ใด ๆ อีกต่อไป หากเขาต้องการจากไป เขาสามารถจากไปโดยไม่ต้องแจ้งให้ใครทราบ
หลังจากเจี้ยนเฉินจากไปแล้ว หลิงเทียนที่สวมเสื้อคลุมสีดำและทหารรับจ้างอีกสองสามคนกำลังพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ ในห้องอาหาร
“คาเลบ เจ้าแน่ใจว่าทหารรับจ้างคนที่ชื่อมู่หยุนมีทักษะการต่อสู้เช่นนั้นหรือ ? ” ชายชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวติดที่กับหลิงเทียนถาม เขามีผมสีดำยาวที่ด้านหลังศีรษะของเขา ใบหน้าของเขาเป็นสีทองแดงและมีบาดแผลที่ดูดุดันมากมาย เนื่องจากยังมีเลือดอยู่บนบาดแผลของเขา อาจบอกได้ว่าบาดแผลไหนเป็นแผลใหม่และบาดแผลไหนเป็นบาดแผลเก่าแล้ว
” ใช่แล้ว หัวหน้าไป่เฟยหยุน เมื่อทหารรับจ้างที่เรียกว่ามู่หยุนได้ใช้ทักษะในการต่อสู้ของเขา หลาย ๆ คนรอบ ๆ ได้เห็นมันและข้อมูลนี้ไม่ผิดเลย” คาเลบตอบ
“ถูกต้อง หัวหน้าไป่เฟยหยุน หัวหน้าหลิงเทียน ทุกคนที่รอดชีวิตจากการซุ่มโจมตีสามารถเป็นพยานได้ สิ่งที่มู่หยุนใช้เป็นทักษะการต่อสู้แน่นอนและมันก็เป็นทักษะขั้นสูงอีกด้วย” ทหารรับจ้างอีกคนกล่าว
แต่เดิมนี่เป็นลักษณะสำคัญที่ทหารรับจ้างควรรายงานก่อนหน้านี้ น่าเสียดายที่พวกเขาถูกซุ่มโจมตีโดยโจรไร้ขอบเขต ทักษะการต่อสู้เป็นสิ่งสุดท้ายในใจของพวกเขาแต่เนื่องจากชีวิตของพวกเขามีความสำคัญมากกว่า แม้ว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ หากพวกเขาไม่ได้มีชีวิตรอดเพื่อที่จะได้สนุกกับมัน ในที่สุดมันจะไม่ใช่จุดหมายที่สมบูรณ์
ยิ่งกว่านั้นสถานการณ์ปัจจุบันก็แตกต่างกัน เนื่องจากพวกเขาเข้าสู่อาณาจักรวายุคราม พวกเขาปลอดภัยชั่วคราว ตอนนี้พวกเขาสามารถพูดถึงทักษะการต่อสู้ที่มู่หยุนมี
แม้ว่าทหารรับจ้างทุกคนจะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ชีวิตในทวีปเทียนหยวนนั้นโหดร้ายอย่างยิ่ง แม้แต่ทหารรับจ้างเหล่านี้ก็ยังพยายามบังคับเอาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้เหมือนพวกโจรไร้ขอบเขต สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตลอดเวลาในทวีปเทียนหยวน
เมื่อได้ยินทหารรับจ้างสองคนนี้พูดคุยกัน ทหารรับจ้างคนอื่น ๆ ในห้องต่างขมวดคิ้ว
ชายเสื้อคลุมสีขาวมองไปที่หลิงเทียนและพูดว่า หัวหน้าหลิงเทียน เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้ ?
หลิงเทียนขมวดคิ้วของเขาเข้าด้วยกันในการไตร่ตรองก่อนที่จะเอ่ยออกมาช้า ๆ “ข้ามั่นใจว่ามู่หยุนรู้ดีว่าทักษะการต่อสู้ของเขารั่วไหลไปยังทหารรับจ้าง แต่สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจก็คือด้วยพละกำลังอันยิ่งใหญ่ของเขา ทำไมเขาไม่หนีไปในโอกาสแรกที่เขามีเมื่อเขารู้ว่าทักษะการต่อสู้ของเขาถูกเปิดเผยออกมา ? เป็นไปได้ไหมที่เขาเชื่อว่าเราจะไม่ทำอะไรกับเขา ? “
“คิดย้อนกลับไป แม้ว่าเขาจะเชื่อใจเรา เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาไม่ได้เป็นกังวลกับเราที่พยายามบังคับให้เขามอบทักษะการต่อสู้ของเขาออกมา? สิ่งนี้จะนำเขาไปสู่ความยากลำบากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนอาจถึงขั้นเสียชีวิต” หลิงเทียนวิเคราะห์ แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่
” นั่นหมายความว่าบรรดาทหารรับจ้างที่เรียกว่ามู่หยุนว่าเป็นคนงี่เง่าที่ไร้สติหรือเขาพึ่งการสนับสนุนบางประเภทที่ทำให้เขาไม่กลัวเลย” ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีขาวพึมพำกับตัวเอง
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หัวหน้าหลิงเทียนถามว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้พูดคุยกับมู่หยุน ในความคิดของข้า มู่หยุนไม่ใช่คนโง่เขลา เขาเป็นทหารรับจ้างผ่านศึกที่มีประสบการณ์ คนอย่างนั้นจะทำผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ไม่มีใครรู้บ้างหรือว่ามู่หยุนมาจากไหน?” ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีขาวคลุมถามต่อ
“มู่หยุนเข้าร่วมกับเราระหว่างทางและมีอาชีพเดียวกับเรา ข้าไม่ทราบรายละเอียดที่แน่นอน อย่าลืมว่า ทหารรับจ้างตัวคนเดียวเกือบทั้งหมดจะวางแผนในการเดินทางไกลโดยจะเข้าร่วมคาราวานและรับประกันได้ว่าการเดินทางจะราบรื่น เราไม่สามารถตั้งคำถามกับคนแบบนี้ได้” ชายวัยกลางคนตอบโต้ เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีฟ้าและใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อย ถ้าเจี้ยนเฉินอยู่ที่นี่เขาจะจำได้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นคนที่ตกลงให้เขาเข้าร่วมกองคาราวานในอาณาจักรเกอซุน
ทหารรับจ้างในห้องทั้งหมดเงียบสนิท หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดทหารรับจ้างคนหนึ่งก็ไม่สามารถยับยั้งอีกต่อไปแล้วพูดว่า หัวหน้า เราจะทำหรือไม่? หากเราประสบความสำเร็จในการได้รับทักษะการต่อสู้ เราจะได้รับความมั่งคั่ง แม้ว่าเราจะไม่ใช้มันเอง เราก็สามารถขายได้ เมื่อพิจารณาว่าทักษะการต่อสู้ที่มีค่าในทวีปเทียนหยวนนั้น เราสามารถได้รับราคาที่สูงเทียมฟ้าอย่างแน่นอน อย่าลืมว่าทักษะการต่อสู้นี้มีคุณภาพค่อนข้างสูง”
“หัวหน้า ทำไมเราไม่ใช้กำลังของพวกเราทั้งหมดในการต่อสู้ครั้งนี้ ? ” ทหารรับจ้างอีกคนหนึ่งกล่าว แววตาที่กระตือรือร้นอยู่ในดวงตาของเขา
หัวหน้าหลิงเทียนขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้ตอบทันที เขาหันกลับมามองชายสวมเสื้อคลุมสีขาวข้าง ๆ เขาแล้วถามว่า” หัวหน้าไป่เฟยหยุน เจ้ามีความคิดเห็นประการใดเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ ? “
ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีขาวเรียกว่าไป่เฟยหยุนขมวดคิ้วของเขา ดวงตาของเขาทอประกายและดูเหมือนว่าเขาลังเลที่จะตอบ
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หัวหน้าไป่เฟยหยุนก็พูดอย่างช้า ๆ ว่า “หัวหน้าหลิงเทียน ข้าแน่ใจว่าเจ้ายังจำการต่อสู้ที่เรามีต่อผู้เชี่ยวชาญจากโจรไร้ขอบเขตไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญลึกลับแอบช่วยเราได้หรือไม่ ? ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าไป่เฟยหยุน สีหน้าของทหารรับจ้างบางคนที่ไม่ทราบสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นอกเหนือจากคนทั้งห้าที่กลับมาไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ ในขั้นต้นทหารรับจ้างเหล่านี้สันนิษฐานว่าผู้เชี่ยวชาญจากโจรไร้ขอบเขตถูกสังหารโดยหัวหน้าชั้นสูงของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าสถานการณ์จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
หัวหน้าหลิงเทียนขยับเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงหนัก ๆ เต็มไปด้วยอารมณ์ “แน่นอนว่าข้าจำได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญลึกลับนั้นในความมืด ข้ากลัวว่าเราจะไม่รอดจากความเจ็บปวด”