บทที่ 122 การตายของเสือดำ![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 122 การตายของเสือดำ![รีไรท์]

ดวงตาของฉินจื้อเลื่อนลอย เขาที่เป็นถึงขั้นปรมาจารย์ระดับ3 ของสำนักราชาปีศาจ ตอนนี้ได้แต่มองลูกน้องโดนสังหารโดยจอมมารอย่างไร้ความปรานี

ตอนนี้เขาก็ได้ตระหนักแล้วว่า ความฉลาด แผนการอะไรนั่น เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับพลังอันไร้ขอบเขต ก็ช่างไร้ค่าเหลือเกิน

“ถอย…!”

เขาตะโกนด้วยความโกรธแค้นผสมความโศกเศร้า สำนักราชาปีศาจแห่งนี้ถูกทำลายมามากพอแล้ว ต้นตอของปัญหามาจากนายน้อย ต่อให้นายน้อยโง่ ๆ นั้นต้องตายตรงหน้าเขาสัก 10,000 ครั้ง ก็ยังทำให้เขาหายโกรธไม่ได้

อย่างไรก็ตามจะปล่อยให้นายน้อยตายตอนนี้ไม่ได้เพราะยังไงซะถึงนายน้อยหน้าโง่นี้จะเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนแต่ก็เป็นถึงผู้สืบทอดของเจ้าสำนักราชาปีศาจ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็ไม่รอดเหมือนกัน

ขั้นปรมาจารย์ 8 คน ตายไป 4 คนแล้ว นอกจากจงเหยียนที่หนีไปคนแรกสุด ตอนนี้ยังเหลือแค่ 3 คนเท่านั้นที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอย่างน่าอดสู

ฉู่ชวิ๋นมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว

…..

…..

ถางโร้วและหลิวซินซ่อนอยู่ในค่ายกลป้องกัน ไม่มีใครเข้ามาได้และตอนนี้ยังปลอดภัยดีอยู่

“เป็นอะไรไป?”

ถางโร้วเห็นหลิวซินอึดอัดอยู่ไม่เป็นสุข

ใบหน้าของหลิวซินแดงก่ำ เกร็งขาแน่นพร้อมกับเสียงพูดที่เบาเหมือนกับเสียงยุง “ฉันอยากใช้ห้องน้ำ”

เหมือนผลไม้จะทำให้เธอปวดท้อง

ถางโร้วเองก็รู้สึกลำบากใจเช่นกันที่เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ ค่ายกลป้องกันนี้ดีทุกอย่างยกเว้นความโปร่งใสที่ไม่มีอะไรปิดบัง ตอนที่ฉู่ชวิ๋นออกแบบคงไม่ได้คำนึงถึงสถานการณ์ที่พวกเธอเจออยู่ในตอนนี้

“เสี่ยวเฮย ดูนั้นสิ สาว ๆ ของนายกำลังปวดฉี่แหละ” เฉินยวี่ถิงที่อยู่ด้านนอกของค่ายกลก็เดินเข้ามาด้วยชุดโบราณสีแดง ตอนนี้เขากำลังจิบไวน์อย่างสบายใจพร้อมพูดกับพวกเธออย่างมีเล่ห์นัย

ดวงตาของเสือดำยังคงมองมายังหลิวซิน ดวงตาสีทองของมันมองมาด้วยสายตาลามกและโรคจิต

นั้นทำให้หลิวซินรู้สึกแย่มาก เธอมองมายังเพื่อนของเธอด้วยสีหน้าที่พร้อมจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

ถางโร้วมองไปที่โต๊ะอันสวยงามพิถีพิถันและพูดเบา ๆ “ฉันจะเอาโต๊ะนั้นบังไว้ให้นะ….”

ปัง!

ประตูถูกผลักเข้ามาอย่างแรง ไม่ใช้แค่เสี่ยวเฮยกับเฉินยวี่ถิงเท่านั้นที่ตกใจ หลิวซินและถางโร้วเองก็ตกใจเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าเป็นคนรู้จัก เฉินยวี่ถิงก็โล่งอกและบ่นอย่างไม่พอใจ “พี่จงเปิดเบา ๆ ก็ได้นะ?”

จงเหยียนขมวดคิ้วแน่น มองไปยังหญิงสาวทั้งสองที่อยู่อีกฝ่ายของค่ายกลป้องกัน “ค่ายกล?”

เท่าที่เธอรู้เฉพาะจอมยุทธ์เท่านั้นที่สามารถสร้างค่ายกลได้ พลังของมันยอดเยี่ยมมาก ถ้าใช้อย่างชำนาญมันจะสามารถสังหารคนที่มีระดับสูงกว่าผู้สร้างได้อย่างง่ายดาย

จงเหยียนไม่ได้สนใจเรื่องค่ายกลนี่ แต่สนใจคนที่สร้างมันมากกว่า แม้แต่ผู้ฝึกฝนจะมีน้อยแต่ทุกคนต่างมีฝีมือลึกลับยากจะคาดเดาและน่ากลัวกันทุกคนและจะดีกว่าที่จะไม่ทำให้ผู้ที่สร้างมันขึ้นมาต้องไม่พอใจ

“พี่จะทำให้ผมหัวใจวายแล้วเนี่ย” เฉินยวี่ถิงบ่นต่อไป

จงเหยียนไม่สนใจอะไร เธอมองสาว ๆ และยิ้มอย่างเป็นมิตร “สาวน้อยทั้งสองบอกพี่สาวมาหน่อยซิว่าได้ของแบบนี้มาจากไหนกัน?”

ถางโร้วและหลิวซินเงียบไม่พูดไม่จา คนที่อยู่กับเฉินยวี่ถิงจะต้องเป็นคนไม่ดีด้วยแน่ ๆ

จงเหยียนขมวดคิ้ว หญิงสาวทั้งสองดูก็รู้ว่าเฉินยวี่ถิงเป็นคนจับตัวมา แล้วยังมีจอมปีศาจผู้โหดเหี้ยมบุกเข้ามายังสำนักราชาปีศาจอีก ตอนนี้ถ้าไปมีเรื่องกับพวกผู้ฝึกตนอีกมันเหมือนกับการขุดหลุมฝังตัวเองและพวกพ้อง

“นายน้อยปล่อยพวกเธอไป เร็ว!” จงเหยียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ดวงตาของเฉินยวี่ถิงปูดเหมือนคางคกน่าเกลียด มองไปยังจงเหยียน เขาแปลกใจมากกับคำขอที่ฉุกละหุกแบบนี้ “อะไรของพี่ พวกเธอเป็นคนที่ฉันพามาให้ตัวเองกับเสี่ยวเฮยโดยเฉพาะ ยังไม่ได้เล่นอะไรกันเลยจะปล่อยพวกเธอไปได้ยังไง?”

จงเหยียนคิ้วกระตุกทันที เธออยากจะอ้วกออกมาไม่รู้เป็นเพราะคำพูดหรือหน้าตาของอีกฝ่ายกันแน่ ก่อนหน้านี้เชื้อสายของราชาปีศาจนั่นแกร่งกว่านี้มาก ทำไมลูกหลานของพวกเขาถึงเป็นขยะแบบนี้? สำนักราชาปีศาจกำลังจะพังทลายแล้ว เขายังมัวแต่ห่วงเรื่องเล่นกับผู้หญิงเนี่ยนะ?

“พี่จงนั่งลงแล้วหาอะไรดื่มก่อนไหม?” เฉินยวี่ถิงชวน

จงเหยียนเกือบจะลงไม้ลงมือแล้ว เธอเป็นห่วงเรื่องของฉินจื้อและคนอื่น ๆ ทำไมชายคนนี้ยังมัวมาชวนเธอมานั่งเล่นอีก? จิตใจของเธอหนักอึ้งทันที

จงเหยียนกำลังจะพูดให้เฉินยวี่ถิงปล่อยคนทั้งสองออกมา แต่ทันใดนั้นถางโร้วที่อยู่อีกฝั่งของกำแพงก็เห็นคนพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงทางประตูทันที!

ปัง!

ประตูไม้แตกกระจายทันที มีร่าง 3 ร่างพุ่งเข้ามาตาม ๆ กัน!

เฉินยวี่ถิงตกใจจนกลืนไวน์เข้าหลอดลมและเกือบจะสำลักตาย โชคดีที่ฉินจื้อรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงใช้ลมปราณเค้นไวน์ออกมาจากร่างของเขาให้

“ลุงฉิน นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เฉินยวี่ถิงเริ่มโกรธ จะให้เขามั่วผู้หญิงกับเสี่ยวเฮยดี ๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม?

“ทำไมคุณอยู่ที่นี่? แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ?” จงเหยียนเพิ่งเคยเห็นฉินจื้อมีสภาพทุลักทุเลแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่ในใจของเธอเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา

“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น! เธอพานายน้อยออกไปได้แล้ว!” น้ำเสียงของฉินจื้อแฝงไปด้วยความอ่อนล้า

“แล้วคุณล่ะ?!” จงเหยียนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เธอจึงรีบถามออกไป

ดวงตาของฉินจื้อเคร่งเครียดและเขาพูดด้วยความเกลียดชังไม่รู้จบ “ฉันจะไปปลุกผู้เฒ่าราชาปีศาจไม่มีอะไรจะเสียแล้ว!”

“ไม่ได้นะคะ มันอันตรายเกินไป คุณต้องไปกับพวกเรา!” จงเหยียนพูดด้วยความเป็นห่วง

ฉินจื้อมองจงเหยียนอย่างลึกซึ้งและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเธอไปก่อนเลย หลังจากนั้นฉันจะตามไป”

จงเหยียนรู้ว่ายังไงฉินจื้อก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดเบา ๆ “ฉันจะรอนะ!”

ฉินจื้อพยักหน้าและเดินไปยังหน้าต่างห้อง ริมหน้าต่างมีกระถางต้นไม้ เมื่อเขากดปุ่มหลังกระถาง เสียง ปี๊บ! ก็ดังขึ้น และแล้วประตูลับก็เปิดออก “รีบไปเร็ว!”

จงเหยียนหันหลังไปอย่างโดยดี และดึงตัวเฉินยวี่ถิงไปด้วย

แต่แล้วเฉินยวี่ถิงก็สะบัดมือของจงเหยียนออกอย่างไม่คาดคิด ก่อนที่จะเตะโต๊ะด้วยความโกรธ ถ้วยชามและแก้วไวน์กระเด็นออกจากโต๊ะ ก่อนที่จะแตกทันทีเมื่อกระทบกับพื้น

“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? จะพาฉันไปไหน!” เขาขึ้นเสียง เขายังอยากเห็นหลิวซินฉี่รดกางเกงอยู่เลย

ฉินจื้อโมโหมาก เขาไม่มีเวลาแล้วจึงรีบตะโกนไล่ “รีบหนีไป เร็ว! ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!”

พรึบ!

แต่ไม่ทันแล้ว…แสงสีขาวพุ่งผ่านพวกเขา แล้วค่อย ๆ หายไปยังเส้นขอบฟ้า

แกร๊ก!

หลังคาไม้หลุดไปหนึ่งแผ่น แล้วค่อย ๆ ถล่มลงมาแต่ชิ้นส่วนที่ถล่มลงมากลับลอยออกไปข้างนอก

“นายน้อย เร็วเข้า!” จงเหยียนรีบดึงแต่ก็ถูกสลัดมือทิ้งอีกครั้ง

เฉินยวี่ถิงมองไปยังเส้นขอบฟ้าด้วยสีหน้างุนงงและพูดอย่างโง่เขลา “ให้ตายเถอะ หลังคาของฉันล่ะ”

ฉู่ชวิ๋นยืนอยู่บนเสาหลักบ้าน เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างเยือกเย็น

จนกระทั่งถางโร้วมองเห็นฉู่ชวิ๋นและโพล่งว่า ‘พี่ฉู่ชวิ๋น’ ขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ทำให้แววตาที่เยือกเย็นนั่นอ่อนโยนขึ้นมาทันที

ฉินจื้อและจงเหยียนรู้สึกเหมือนหลงเข้ามาอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง

เฉินยวี่ถิงมองด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ดวงตาของเขาจ้องมองเหมือนคางคก เต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชัง

ฉู่ชวิ๋นนั้นหล่อเหลาและแต่งตัวดูดี อยู่ท่ามกลางหมอกราวกับเทพบุตร เมื่อมองมาที่เฉินยวี่ถิงอีกที เขาแต่งตัวอนาจารซึ่งเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“ไป!”

ฉินจื้อจะลากเฉินยวี่ถิงเข้าไปในประตูให้ได้ แต่โชคไม่ดีเลยที่เขาช้าเกินไป

ตู้ม!

ฉู่ชวิ๋นนั้นเร็วกว่า เขาใช้เส้นไหมวิญญาณทำลายกำแพงไม้แล้วประตูลับก็ถูกปิดตายถาวร

ฉู่ชวิ๋นเอามือทาบค่ายกลป้องกันเพื่อปลดค่ายกล เขารู้สึกดีมากที่ค่ายกลปกป้องผู้หญิงของเขาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

“พี่ฉู่ชวิ๋น!” ถางโร้วกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของฉู่ชวิ๋น น้ำเสียงขอเธอแฝงไปด้วยรู้สึกผิดอย่างมาก “ขอโทษจริงๆ ที่สร้างเรื่องให้กับพี่อีกแล้ว”

ฉู่ชวิ๋นตัวแข็งไปหลายวินาที จริง ๆ แล้วเขาต้องเป็นคนขอโทษเธอสิ เพราะเขานี้แหละเป็นตัวการของปัญหาทุกครั้งเลย ทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

โฮกกกก!!

เสือดำเห็นกำแพงหายไปแล้ว มันก็แทบรอไม่ไหววิ่งเข้าใส่หลิวซินทันที

หลิวซินกรีดร้องทันทีที่เห็นสัตว์ร้ายวิ่งเข้ามาหาตัวของเธอ

ฟึบ!

เส้นไหมวิญญาณของฉู่ชวิ๋นก่อตัวเป็นตาข่ายปกป้องหลิวซินเอาไว้ เสือดำที่ไม่ทันตั้งตัวปะทะกับคมดาบนับร้อยของตัวตาข่ายทันที

ฉัวะ!

ตาข่ายขนาดใหญ่หดตัวและเสือดำก็กรีดร้องออกมาอย่างทรมาน มันถูกหั่นเป็นก้อนเนื้อขนาดเท่านิ้วมือกองอยู่กับพื้นพร้อมกับเลือดจำนวนมาก

แม้ว่ามันจะตาย แต่ฉากการตายนั้นสยดสยองมาก หลิวซินหลับตาปี๋เพื่อบอกกับตัวเองว่าเธอไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้นและโชคยังดีที่เธอกลั้นฉี่เอาไว้ได้อยู่

ฉินจื้อและคนอื่น ๆ ตัวเย็นเฉียบไปหมดแล้ว ถ้าพวกเขารอดไปได้พวกเขาคงจะไม่อยากกินเนื้อไปอีกนาน

“แกกล้าฆ่าเสี่ยวเฮยของฉัน!” แค่เห็นถางโร้ววิ่งเข้าไปกอดฉู่ชวิ๋นเขาก็อิจฉาจนแถบเป็นบ้าแล้ว ไม่ว่าจะโรคจิตหรือไม่ ใคร ๆ ก็รู้ว่าถางโร้วนั้นสวยมาก

ฉู่ชวิ๋นเหลือบไปมองต้นเสียงโดยที่อีกมือยังโอบเอวถางโร้วเอาไว้และอีกมือก็ดึงหลิวซินขึ้นมา ก่อนที่จะพากันเดินออกไป

ฉินจื้อและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึง ฉู่ชวิ๋นเลือกที่จะไปทั้งอย่างนั้นเลยเนี่ยนะ? พวกเขาประหลาดใจกับอารมณ์ที่โหดร้ายเช่นนี้มาก เขาปล่อยเฉินยวี่ถิงไปได้ยังไง? แต่อย่างน้อยความลับของสำนักราชาปีศาจก็ยังปลอดภัยอยู่

“ฉันได้ส่งข้อความไปยังราชาปีศาจแล้วและเขาจะกลับมาในไม่ช้า เราแค่ต้องปกป้องผู้เฒ่าราชาปีศาจเอาไว้ ตราบใดที่ผู้เฒ่าราชาปีศาจยังอยู่ สำนักราชาปีศาจก็ต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้!” แม้ว่าฉินจื้อจะพูดปลุกใจ แต่ความจริงก็คือความจริง มรดกของราชาปีศาจตอนนี้ถูกทำลายไปแล้วโดยฉู่ชวิ๋น 80% ยกเว้นศิษย์หลายสิบคนที่อยู่ขั้นนักสู้พลังชีพจร ที่เหลือก็เป็นผู้ที่รอดชีวิตโดยบังเอิญ

เฉินยวี่ถิงไม่ได้ใส่ใจอะไรทั้งนั้น เขาซ่อนอยู่ในที่แห่งนี้ทำให้ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นภายนอก เขารู้แค่ชายคนนั้นฆ่าเสือดำของเขาและพาผู้หญิงของเขาไป เขาเองก็เป็นหนึ่งในสำนักราชาปีศาจ ทำไมถึงต้องมาพบเจอความสูญเสียอะไรแบบนี้และกรีดร้องทันที “ลุงฉิน ทำไมถึงได้ใจเย็นแบบนี้? ทำไมมันถึงเข้ามาได้? ลุงจะส่งคนไปจับมันมาใช่ไหม และฉันจะทำให้มันทรมานกว่าที่เสี่ยวเฮยได้รับอีก”

เขาเป็นนายน้อยของที่สำนักราชาปีศาจและเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของราชาปีศาจ อยากได้อะไรต้องได้ ถูกปกป้องมาช้านานโดยขั้นปรมาจารย์ของพ่อ เขาไม่เคยรู้เลยว่าคำว่ากลัวเป็นยังไง

ฉินจื้อหน้ากระตุกทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น ร่างของเขาบาดเจ็บมามากพอแล้ว ไม่คิดเลยว่าสายเลือดของราชาปีศาจจะเหยาะแหยะขนาดนี้ได้ หรือว่าในสมองของเขามีแต่ขี้เลื่อยกันแน่? ทำไมเขาถึงไม่รู้ถึงเรื่องที่เกิดข้างนอกเลย? แต่ดันกลับมาโกรธกับเรื่องเล็ก ๆ เพียงแค่เสือดำของตัวเองตายเนี่ยนะ?

อีก 3 คนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพวกเขาเพียงภาวนาในใจว่าไม่ขอให้วันที่เฉินยวี่ถิงที่โง่เขลาต้องปกครองสำนักราชาปีศาจมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็เกรงว่าสำนักราชาปีศาจคงจะถูกทำลายในไม่ช้า

“นายน้อย สำนักราชาปีศาจไม่เหลืออะไรแล้ว….” ฉินจื้อกัดฟันพูด

“จะบ้าเหรอ? ลูกศิษย์สำนักราชาปีศาจมีนับพันนับหมื่น จะไม่มีใครได้ยังไงหรือพวกเขาตายห่ากันหมดแล้ว?” เฉินยวี่ถิงโมโหที่ลูกน้องพูดอะไรขัดใจตัวเองออกมาแบบนี้

“นายน้อยช่างเกรียงไกร! แม้ไม่ออกไปก็รู้ว่าโลกด้านนอกเป็นอย่างไรก็รับรู้ได้ ใช่แล้ว! พวกเราตายกันไปเกือบหมดแล้ว! เพราะการโจมตีของไอ้หมอนั่น! ตอนนี้ผมเองก็ได้รับบาดเจ็บ มีแค่นายน้อยคนเดียวที่สบายดี ถ้ายังไงรบกวนท่านออกไปจับคน ๆ นั้นกลับมาเองด้วยเถอะ” ฉินจื้อปวดหัวกับความโง่ของเฉินยวี่ถิง จึงอดไม่ได้ที่จะพูดจาประชดประชันออกมา