เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงบนท้องนภาที่ไร้ขอบเขต มีดวงจันทร์ลอยสูงอยู่บนนั้น แสงจันทร์ขาวผ่องนั้น ดุจเส้นด้ายอันอ่อนโยนส่องแสงลงมา
ทำให้รอบด้านดูละมุนละไมน่าหลงใหลขึ้นหลายส่วน
แสงดาวระยิบระยับดูซุกซนน่ารักนั้น เจิดจ้าอยู่ท่ามกลางความมืดมิดไม่หยุด ทำให้ท้องฟ้าดูคึกคักอย่างยิ่ง
ขณะที่เล่อเหยาเหยาเดินเล่นไปช้าๆ ไม่นานก็กลับมาถึงหน้าทะเลสาบโดยไม่รู้ตัว
เห็นเพียงทะเลสาบ ริมตลิ่งต้นหลิวปลิวไสว สายลมเย็นพัดโชยอย่างช้าๆ
เงาจันทร์ในน้ำเป็นประกายสีเงินระยิบระยับ ทำให้รอบด้านงดงามดุจความฝัน
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดตกตะลึงไม่ได้ ฝีเท้าก็หยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว เสพทัศนียภาพอันสวยงามตรงหน้าอยู่เงียบๆ
คิดไปแล้ว เมืองที่สะดวกสบายมีมลพิษในปัจจุบัน แม้จะมีเงินทอง ก็ยากที่จะได้เห็นค่ำคืนที่ปลอดโปร่งไร้มลพิษเช่นนี้
และลมตอนกลางคืนที่พัดผ่านมาอย่างเย็นสบายนั้น ทำให้คนอดอุทานไม่ได้
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาที่อยู่ในทัศนียภาพอันสวยงาม หลับตาลงช้าๆ อดสูดลมหายใจเอาอากาศที่สดชื่นเข้าไปไม่ได้ รู้สึกร่างกายปลอดโปร่งไม่น้อย
เวลานี้พลันมีเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยน กลับดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ
“ฮ่าๆ น้องเหยาเลือกสถานที่ได้ไม่เลวเลย!”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังอย่างฉับพลัน เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก แต่ว่าหลังได้สติ จึงหันหน้ากลับไปมองเห็นรูปร่างของคนด้านหลังชัดเจน จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ใช้มือข้างหนึ่งตบลงบนหน้าอกที่เต้นระรัวของตน พลางเอ่ยว่า
“ที่แท้พี่ไป๋นี่เอง ข้าตกใจแทบแย่”
“ฮ่าๆ ขอภัยที่ทำให้เจ้าตกใจ ”
เห็นเล่อเหยาเหยาตบหน้าอกตนเองไม่หยุด สีหน้าดูยังหวาดกลัวอยู่ ตงฟางไป๋จึงอดเอ่ยปากขึ้นไม่ได้
“ไม่เป็นไร ยังไงข้าก็ตกใจไปแล้ว!”
เมื่อเห็นสีหน้าขอโทษอย่างจริงใจของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกละอายใจ
ทันใดนั้น พลันฉุกคิดขึ้นได้ ก่อนเอ่ยถามว่า
“เหตุใดพี่ไป๋ถึงออกมาล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋เพียงหัวเราะเสียงทุ้ม เดินไปข้างหน้า ยืนเคียงไหล่กับเล่อเหยาเหยา สายตามองไปด้านหน้า น้ำเสียงนั้นแฝงความอ่อนโยนแหบพร่า
“ด้านในเสียงดังเกินไป รวมทั้งดื่มสุราไปไม่น้อย เลยรู้สึกเวียนหัว คิดออกมาเดินให้สร่างเมา แล้วเจ้าล่ะ”
สำหรับคำถามที่ถามกลับมาของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาเพียงยิ้ม ก่อนเอ่ยความจริงออกไป
“เฮ้อ ข้าออกมาไม่ได้หรือขอรับ หากข้าไม่ออกมา ต้องถูกพวกเขากรอกสุราจนล้มพับแน่!”
เล่อเหยาเหยาพลางพูด บนใบหน้าปรากฏท่าทาง ‘ผู้น้อยกลัวแล้ว’ ที่เกินจริงออกมา เห็นเช่นนั้น ทำให้ตงฟางไป๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้
“ฮ่าๆ น้องเหยาช่างน่ารักเสียจริง!”
“เอ่อ”
สำหรับการชื่นชมอย่างไม่ทันตั้งตัวของตงฟางไป๋ ทำให้เล่อเหยาเหยาตะลึงเล็กน้อย พลันเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับนัยน์ตาดำขลับที่อ่อนโยนอบอุ่นของเขา
หัวใจคล้ายเต้นระรัว
ยามค่ำคืนอันมืดมิด ดวงจันทร์นั้นสาดแสงลงมา
ทำให้น้ำในทะเลสาบแวววาว ไปถึงทางช้างเผือก
สายลมยามค่ำคืน พัดต้นหลิวโอนเอนไปตามลม ทิวทัศน์ดึงดูดใจ ทุกที่เผยให้เห็นถึงความเรียบง่ายและนุ่นนวลอย่างชัดเจน
ส่วนสิ่งชวนหลงใหลใต้แสงจันทร์นั้น มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง ยืนอยู่เงียบๆ ริมตลิ่ง
สายลมยามค่ำคืนพัดเสื้อผ้าขาวดุจหิมะ ผมยาวดุจเส้นไหมของเขานั้น ทำให้เขาดูงามสง่าดุจเทพเซียนที่บริสุทธิ์สูงส่ง
สิ่งที่ดึงดูดผู้คนที่สุดคือ ใบหน้าหล่อเหลาเปล่งปลั่งของเขา!
คิ้วกระบี้โค้งงอ ดูอัธยาศัยดี ดวงตาดุจดวงดาวเจิดจรัส แววตากลอกกลิ้งไปมา มีเสน่ห์งดงามโดดเด่น มัวเมาผู้คนดุจสุรา
ริมฝีปากแดงกระดกเล็กน้อย ใต้จมูกคมดุจกระบี่นั้น ทำให้เขาดูสุภาพอ่อนโยนสูงส่งสง่างามดุจหยกอันล้ำค่า
งามแปลกตาดุจไผ่เขียว บุคลิกสง่าดุจไข่มุก!
เล่อเหยาเหยาก็มองอย่างตกตะลึง
กระทั่ง เสียงของตงฟางไป๋ดังขึ้นอีกครั้ง จึงทำให้เธอที่ตกตะลึงกับความหล่อเหลาของเขาได้สติ
“น้องเหยามองสิ่งใดหรือ หรือใบหน้าของข้าเปื้อน!”
เห็นเล่อเหยาเหยามองตนอย่างตกตะลึง ตงฟางไป๋อดเอ่ยอย่างยิ้มแย้มไม่ได้
เมื่อได้ยิน ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาเก้อเขินชั่วขณะ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสายตาแฝงรอยยิ้มของตงฟางไป๋ ทำให้เธอเขินอายจนแทบอยากโดดลงไปในทะเลสาบ ไม่ขึ้นมาทำเรื่องขายหน้าอีก
สวรรค์!
เหตุใดพักนี้เธอมักทำเรื่องน่าอับอายออกไป!
ทว่าจะโทษเธอก็ไม่ได้ ผู้ใดให้ชายหนุ่มตรงหน้าหน้าตาน่ามองเช่นนี้ สำหรับความงามของทุกอย่างทั้งหมดนี้ มักทำให้คนยากที่จะถอนสายตากลับได้
เล่อเหยาเหยาหลังจากสงบสติอารมณ์ชั่วขณะ เพื่อปิดบังเรื่องน่าอายของตนเมื่อครู่ ดังนั้นจึงพลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“โอ้ จริงสิ เหตุใดพี่ไป๋จึงเข้าร่วมการแข่งเรือมังกรล่ะ เมื่อครู่ตอนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำข้าเห็นท่าน ยังคิดว่าข้าตาฝาดไป!”
เมื่อทราบว่าเล่อเหยาเหยาตั้งใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ตงฟางไป๋เพียงยิ้มจางๆ พลันได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยถาม จึงยิ้มมุมปาก ก่อนละสายตาจากเล่อเหยาเหยา มองไกลออกไป
แม้สายตาตงฟางไป๋จะอยู่ในที่ห่างไกลออกไป แต่เขากลับมีแววตาเลื่อนลอย ใบหน้าปรากฏความโศกเศร้าขึ้นมาหลายส่วน คล้ายกับหลุดออกจากค่ำคืนที่น่าหลงใหล พลันนึกย้อนถึงเรื่องเสียใจบางอย่าง
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาก็รับรู้ได้ว่า ตนเองคล้ายเอ่ยถึงเรื่องเสียใจของตงฟางไป๋ขึ้นมา ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงเล็กน้อย คิดจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา คิดไม่ถึง ตงฟางไป๋จะพลันเอ่ยปากขึ้น
“เล่ากันว่าหากคนที่ได้รางวัลในการแข่งเรือมังกร ต่างจะได้รับการคุ้มครองจากเทพแห่งน้ำ และประทานพรให้เขาข้อหนึ่ง”
“หา มีเรื่องเล่าเช่นนี้ด้วยหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาเบิกตากว้าง แววตาปรากฎความแปลกใจหลายส่วน
เพราะเธอไม่เชื่อในสิ่งใด ชายหนุ่มดุจเทพมาจุติตรงหน้านี้ กลับเชื่อเรื่องลึกลับพวกนั้น
แต่เมื่อเห็นสีหน้าโศกเศร้าของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยารู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีเรื่องราวบางอย่างแน่นอน
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ตงฟางไป๋เมื่อเห็นใบหน้าแปลกใจของเล่อเหยาเหยา อาจเพราะคาดเดาความคิดในใจของเธอได้ จึงอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าต้องคิดว่าเหตุใดข้าจึงเชื่อเรื่องลี้ลับเช่นนี้แน่ ใช่หรือไม่”
“เอ่อ ฮ่าๆๆ ”
เมื่อถูกตงฟางไป๋เดาความคิดออก เล่อเหยาเหยากระดากใจเล็กน้อย จึงเพียงหัวเราะออกมา
ทันใดนั้น ได้ยินตงฟางไป๋เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
“ความจริง ข้าก็ไม่เชื่อ!”
“เอ่อ”
หลังได้ยินคำพูดที่ขัดแย้งกับก่อนหน้านี้ของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาตกตะลึงอีกครั้ง สุดท้ายเธอยังเลือกจะเงียบต่อไป เพราะ ในใจเธอรู้ดีว่าตอนนี้ใจของตงฟางไป๋รู้สึกทุกข์ ดังนั้น เธอจึงยอมเป็นผู้ฟังให้กับเขา ฟังเรื่องทุกข์ใจของเขา
อาจเพราะรู้ความคิดในใจของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋จึงหันหน้ากลับมายิ้มให้กับเธอ และเอ่ยว่า
“น้องเหยา เจ้ารู้หรือไม่ ตอนข้าพบเจ้าครั้งแรก ก็รู้สึกคุ้นเคยกับเจ้า ดังนั้นจึงชื่นชอบเจ้าอย่างมาก อาจเป็นเพราะว่า อายุของเจ้าใกล้เคียงกับน้องสาวของข้า!”
“หา น้องสาว ที่แท้พี่ไป๋ยังมีน้องสาวอยู่อีกคน!”
หลังจากได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยามีน้ำเสียงตกใจ
เพราะเธอไม่รู้จริงๆ ว่าตงฟางไป๋ยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง!
“ใช่แล้ว ข้ายังมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง ปีนี้เธออายุสิบหก น่าเสียดายที่ข้าตามหาเธอไม่พบ”
ตงฟางไป๋พอพูดถึงตรงนี้ ภายในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเสียใจอย่างไม่ปิดบัง กระทั่งสีหน้ายังโศกเศร้าอย่างหนัก
เห็นเช่นนั้น ใจของเล่อเหยาเหยาอดกระตุกอย่างรุนแรงไม่ได้ คล้ายมีคนใช้มือสอดเข้าไปในหัวใจของเธอ จนเจ็บปวดอย่างมาก
แม้เธอรู้ว่าตนไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องเสียใจของผู้อื่นอีก แต่ในใจกลับพลันทะลักความแปลกใจออกมา และไม่รู้จะทำเช่นไร เพราะอยากรู้อย่างมากว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ดังนั้น เธอจึงเอ่ยปากถามออกไปอย่างไม่คิดว่า
“เหตุใดท่านจึงหาเธอไม่พบ เธออยู่ที่ใด”
หลังคำพูดแปลกใจของเล่อเหยาเหยา บรรยากาศที่ริมตลิ่งพลันเงียบงัน
เมื่อเล่อเหยาเหยาเอ่ยประโยคนี้จบ ความจริงเธอก็เสียใจเช่นกัน
กัดลิ้นแน่น แอบก่นด่าตนเองในใจ เหตุใดเธอถึงสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้!
อาจเป็นเพราะเขาไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้เสียใจ เธอถามเช่นนี้ ไม่ใช่สะกิดบาดแผลของเขาหรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาทั้งกังวลและร้อนใจ ดังนั้นพลันเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง ตรงข้ามกับตงฟางไป๋ที่นิ่งเงียบไม่พูดจา
“ขออภัย ข้าไม่ควรถามเช่นนี้ ท่านไม่อยากพูด ไม่ต้องพูดถึงมันก็ได้”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยด้วยสีหน้าสำนึกผิด เพราะชายหนุ่มตรงหน้างดงามเช่นนี้ เธอจึงไม่อยากให้เขาเสียใจ!
หลังจากเล่อเหยาเหยาเอ่ยประโยคนี้จบ ตงฟางไป๋อดหันหน้ากลับมาไม่ได้ จากนั้นก็มองไปยังใบหน้าเล็กที่กังวลสำนึกผิดนั้นของเล่อเหยาเหยา
เมื่อเห็นหนุ่มน้อยจิ้มลิ้มบอบบางตรงหน้า สายตาแฝงความเสียใจ ใบหน้าของตงฟางไป๋อดเปล่งประกายเล็กน้อยไม่ได้
ไม่รู้เหตุใด บนตัวหนุ่มน้อยผู้นี้ มักมีบุคลิกที่ทำให้คนสบายใจมีความสุข
เมื่ออยู่กับเขา มักอดรู้สึกมีความสุข ผ่อนคลายขึ้นมาไม่ได้ และความเจ็บปวดที่เดิมทีกดทับอยู่ในใจตลอดเวลา ก็อยากให้เขาบอกเล่าออกมา
ดังนั้น ตงฟางไป๋หลังไตร่ตรองครู่หนึ่ง เห็นแววตาขอโทษของเล่อเหยาเหยา ค่อยๆ เผยอริมฝีปากเอ่ยขึ้น
“ความจริง ข้าเป็นคนทำน้องสาวหายไป ปีนั้นข้าเพิ่งสี่ขวบ ท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่ที่บ้านพอดี จึงให้แม่นมคนหนึ่งดูแลเราสองพี่น้อง ปีนั้นน้องสาวข้าเพิ่งเกิด เธอตัวเล็กมาก น่ารักอย่างยิ่ง ข้ารักน้องสาวมาก ปรารถนามาตั้งแต่เด็กจะเป็นพี่ชายที่ดี ปกป้องน้องสาวให้ได้ แต่คาดไม่ถึง หลายวันต่อมาพลันเกิดฝนตกหนักจนน้ำท่วม แม่นมเพื่อปกป้องเราสองพี่น้องจึงจมน้ำตาย ข้าที่ตัวคนเดียวจึงยังกอดห่อผ้าที่ภายในมีน้องสาวอยู่ไว้ ปีนขึ้นไปถึงบนหลังคา แต่น้ำท่วมน่ากลัวจริงๆ มันพัดพาเพื่อนบ้านมากมายที่สนิทสนมกับข้าไป ข้ามองดูพวกเขาถูกน้ำพัดพาไปทีละคนกับตาตนเอง ในใจข้าหวาดกลัวอย่างหนัก ภาวนาให้มีคนมาช่วยเหลือข้าอยู่ตลอดเวลา น่าเสียดายน้ำท่วมรุนแรงเกินไป ไม่นานก็ทำให้ข้าจมลงในน้ำ ตอนนั้นข้าว่ายน้ำไม่แข็ง รวมทั้งอ้อมกอดยังมีน้องสาว ยามนั้นข้าหวังจริงๆ ว่า แม้ข้าจะต้องตาย ก็ไม่อยากให้น้องสาวได้รับอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น แต่สุดท้ายน้องสาวของข้ายังถูกน้ำพัดหลุดจากมือของข้าไป”
…………………………………………..