“จะเสียเงินแค่ไหนเชียว ที่พวกเจ้าตัดไม่มากเสียหน่อย ที่แพงคือผ้าสองผืนนั้น! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
ฮวาเหนียงยิ้มพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าพูดถูกแล้ว ผ้าของพวกเจ้าไม่ได้ใช้เงินมากเท่าไร”
เงินส่วนใหญ่เสียไปกับผ้าสองผืนนั้น
สีน้ำเงินเข้มและสีฟ้าครามน่าจะเอาไปตัดเสื้อให้บุรุษ
เซียวจื่อเซวียนนึกว่าผ้านั่นพี่สะใภ้ใหญ่อยากได้เอง จึงกล่าวอย่างรู้ความ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกับน้องสาวซื้อเถอะขอรับ ข้ายังมีเสื้ออยู่ ข้าไม่เอาจริงๆ “
กล่าวจบ จึงกล่าวเยี่ยงสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย “ผู้ชายอย่างเราใส่เสื้อผ้าดูไม่ดีหน่อยไม่เป็นอะไร น้องสาวกับพี่สะใภ้ใหญ่ต้องใส่เสื้อผ้าดูดี”
นี่เป็นคำพูดจากใจจริงของเขา
ตอนนี้เขารู้สึกว่า พี่สะใภ้ใหญ่ดีต่อพวกเขามากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากขนาดนี้เพื่อตัดเสื้ออีก เสื้อผ้าของปีก่อน เย็บต่อแขนเสื้อและขากางเกงเพิ่มก็ยังสวมใส่ได้!
เซี่ยยวี่หลัวใช้มือปิดปากแย้มรอยยิ้ม “ผ้านั่นไม่ได้ซื้อให้ข้าเสียหน่อย! “
เด็กคนนี้พูดจากใจจริง! เซียวจื่อเซวียนคิดเผื่อนาง ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่ากระไร นั่นหมายความว่านางเข้าไปอยู่ในใจเด็กสองคนแล้ว
ฮวาเหนียงก็รู้สึกสุขใจเสียยิ่งกว่ากระไร เด็กคนนี้ช่างมีจิตใจดีนัก ดูพูดเข้าสิ แค่ฟังก็รู้สึกอิ่มเอมใจแล้ว “ช่างเป็นเด็กที่รู้จักเอาใจใส่ผู้อื่น ไม่เสียทีที่พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าเอ็นดูเจ้าถึงเพียงนี้ ผ้าสองผืนนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าซื้อไปตัดเสื้อให้พี่ใหญ่ของพวกเจ้า ดูสิว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าดีต่อพี่ใหญ่แค่ไหน สองสามีภรรยาช่างรักใคร่กลมเกลียวกันเสียจริง! “
ฮวาเหนียงกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พลางไหวคิ้วให้เซี่ยยวี่หลัวเป็นเชิงหยอกเย้า
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอย่างเก้อเขิน!
นางรู้สึกอายจนไม่ค่อยกล้ามองเด็กสองคน อยากหารูบนพื้นมุดหนีไปเสีย บอกว่านางดีต่อเซียวยวี่ต่อหน้าเด็กสองคน ทั้งยังบอกว่าพวกเขาสองสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว?
เฮ้อ ถ้ามีอสนีบาตฟาดลงมาสักเปรี้ยง คงฟาดใส่นางจนไหม้เกรียมเป็นแน่
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งกลับไม่ได้คิดเหมือนเซี่ยยวี่หลัว
พวกเขาต่างคิดว่า เมื่อพี่สะใภ้ใหญ่ดีต่อพวกเขา ย่อมดีต่อพี่ใหญ่โดยปริยาย พอได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะตัดเสื้อให้พี่ใหญ่ ดวงตาก็ลุกวาว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะตัดเสื้อให้พี่ใหญ่ด้วยงั้นหรือ? “
เมื่อครู่เซียวจื่อเซวียนลองสัมผัสผ้าฝ้ายผืนนั้นดู อ่อนนุ่มและลื่น ตัดเสื้อใส่บนกายต้องรู้สึกสบายมากแน่นอน พี่ใหญ่ผิวขาว ทั้งยังหน้าตาดี สีฟ้าครามและสีน้ำเงินเข้มนี้ หากพี่ใหญ่สวมใส่บนกาย ต้องดูดีเป็นพิเศษแน่
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกวางตัวไม่ค่อยถูก กล่าวเช่นนี้ เท่ากับกำลังบอกคนอื่นว่า แต่ก่อนนางไม่เคยตัดเสื้อให้สามีของนางแม้แต่ตัวเดียวไม่ใช่หรือ!
ทว่า เซี่ยยวี่หลัวในอดีตไม่เคยทำอะไรให้สามีตัวเองเลยแม้แต่อย่างเดียวจริงๆ
“คือ…” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มแก้เก้อ “กว่าพี่ใหญ่ของพวกเจ้าจะกลับมาก็เดือนห้าแล้ว ถึงเวลาอากาศจะร้อนขึ้น ข้าคิดจะตัดให้เขาสักสองตัว พอเขากลับมาก็จะได้ใส่”
เซียวจื่อเมิ่งกอดเซี่ยยวี่หลัวพลางหอมแก้มทีหนึ่ง ดีอกดีใจยิ่งกว่าตัดเสื้อให้นางเสียอีก
“ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ…”
ฮวาเหนียงมองสองพี่น้องกับเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางประหลาดใจ ภายในใจก็แอบคิด ตัดเสื้อให้สามีตัวเอง ทำให้น้องชายน้องสาวสามีตื่นเต้นดีใจได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวเห็นท่าทางประหลาดใจของนาง ภายในใจก็รู้สึกขมขื่นแต่ไม่อาจกล่าวออกมาได้ หากท่านรู้ว่าเมื่อก่อนข้าเป็นคนอย่างไร ท่านก็จะไม่รู้สึกแปลกใจ!
เซียวจื่อเซวียนก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบ เขาเป็นเด็กผู้ชาย อายที่จะแสดงความดีใจของตัวเองเหมือนน้องสาว ได้แต่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ
เซียวจื่อเมิ่งหอมแก้มเซี่ยยวี่หลัวทีหนึ่ง โอบคอเซี่ยยวี่หลัวไว้ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านก็ตัดเสื้อด้วย ดีหรือไม่เจ้าคะ? พวกเรามีเสื้อใหม่กันทุกคน ท่านคนเดียวที่ไม่มี…”
หัวใจเซี่ยยวี่หลัวอบอุ่นประหนึ่งวันฟ้าโปร่งแสงแดดเจิดจ้าในฤดูร้อนก็มิปาน ภายในใจอบอุ่นเสียยิ่งกว่ากระไร
ทำไมถึงมีเด็กที่เอาใจใส่และน่ารักถึงเพียงนี้กัน!
ฮวาเหนียงเห็นดังนั้น ก็รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ “ยวี่หลัว เจ้าสอนเด็กสองคนนี้อย่างไรกัน เหตุใดถึงว่าง่ายและรู้ความถึงเพียงนี้”
สอนอย่างไร?
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน หากให้ฮวาเหนียงรู้ว่า เซี่ยยวี่หลัวในอดีตทั้งตีทั้งด่าเด็กสองคนนี้ เกรงว่าฮวาเหนียงคงกรอกตาใส่นาง
เซี่ยยวี่หลัวชำระเงิน เดิมทีฮวาเหนียงบอกว่าไม่ต้อง แต่เซี่ยยวี่หลัวไม่ยอม ยืนกรานจะจ่ายเงิน บอกว่าเป็นคนละเรื่องกัน ฮวาเหนียงจึงยอมรับไว้ พร้อมส่งพวกนางออกไปถึงประตูใหญ่
ซื้อผ้าเสร็จแล้ว เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนไปตลาดเพื่อซื้อเนื้อหมูสองจิน เห็นว่าในตลาดมีผลไม้สดใหม่วางขาย นางจึงซื้อมาเจ็ดถึงแปดลูก ทั้งยังมีขนมที่เพิ่งอบเสร็จ ซื้อมาสองกล่อง แล้วจึงกลับไปอย่างดีอกดีใจ
ระหว่างทางกลับ เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าข้างทางมีแม่น้ำ พอคิดได้ว่าอากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าต่อไปเด็กสองคนอาจลงไปว่ายน้ำเล่น จึงเอ่ยย้ำกำชับ ว่าห้ามลงน้ำเด็ดขาด
นางกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง ทั้งยังกล่าวย้ำแล้วย้ำอีก เพื่อให้เด็กสองคนจดจำได้อย่างขึ้นใจ
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้าอย่างว่าง่าย พร้อมบอกว่านางเข้าใจแล้ว
แต่เซียวจื่อเซวียนค่อนข้างซุกซน “รู้แล้วน่า พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าระยะนี้ท่านช่างจู้จี้เหลือเกิน พูดอยู่นั่นแหละ เหมือนท่านปู่เซียวไม่มีผิด! “
นี่เขากำลังว่านางอายุมากแล้วจึงขี้บ่นงั้นหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวถลึงตาคู่งาม “เซียวจื่อเซวียน…”
เซียวจื่อเซวียนวิ่งหนีไปไกลแล้ว มีเพียงเสียงดีอกดีใจของเขาที่ดังแว่วมา “พี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเมิ่ง รีบไล่ตามข้าให้ทันสิ! “
เซียวจื่อเมิ่งสาวเท้าก้าวเล็กวิ่งไปด้านหน้า พร้อมตะโกนเสียงใส “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเรารีบตามไปกันเถอะเจ้าค่ะ! พี่รอง ท่านรอพวกเราก่อน! “
เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าเด็กสองคนไม่มีอคติต่อนางแม้แต่น้อยแล้ว ก็แย้มรอยยิ้มประหนึ่งดอกไม้ผลิบาน
“นกอินทรีจะจับลูกไก่น้อยแล้ว กุ๊กกุ๊กกุ๊ก เจ้าพวกลูกไก่รีบวิ่งหนีไป…”
ร้องเพลงหยอกล้อและหัวเราะอย่างมีความสุขไปตลอดทาง
หลังจากกลับไป ก็บอกเล่าทุกอย่างให้เซียวจื่อเซวียนฟังเช่นเคย เมื่อเห็นพี่สะใภ้ใหญ่นำเงินออกมายี่สิบตำลึง เซียวจื่อเซวียนตกใจจนแทบหมดสติ
เงินยี่สิบตำลึงเชียว!
ในใจเซียวจื่อเซวียน นั่นถือเป็นจำนวนเงินสูงเสียดฟ้า!
เขาเติบใหญ่จนถึงตอนนี้ อย่าว่าแต่เงินยี่สิบตำลึงเลย แม้แต่สิบตำลึงเขาก็ยังไม่เคยเห็น!
“พี่… พี่… พี่สะใภ้ใหญ่…” เซียวจื่อเซวียนพูดติดๆ ขัดๆ ไม่ง่ายเลยกว่าจะพูดออกมาเป็นประโยคได้ “พวกนี้… ท่านหามาได้งั้นหรือขอรับ? “
เขารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นเร็วเกินไป เร็วจนแทบหลุดออกมาจากช่องอกแล้ว
“นี่เป็นผลกำไรเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางรินน้ำให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง “ดูเจ้าตกใจเข้าสิ! “
จะให้คนที่ไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อน อยู่ๆ ก็ไปบอกว่าเจ้ามีเงินยี่สิบตำลึง ทั้งยังเป็นผลกำไรเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น เดือนต่อไป แล้วเดือนต่อๆ ไป ขอเพียงฮวาหม่านยียังอยู่ จะได้ส่วนแบ่งทุกเดือน จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร!
เซียวจื่อเซวียนลูบก้อนเงินขนาดใหญ่สองก้อนนั้น ตกใจจนคางแทบหลุด
เขาโตจนป่านนี้แล้วยังไม่เคยเห็นเงินก้อนใหญ่เท่านี้มาก่อนเลย