บทที่ 122

“อะไรงั้นหรือ ?” ถังหยินหันมาถามนาง

ฟานหมินมองหน้าเขาด้วยความหวาดหวั่น ชายหนุ่มเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไรถูกใจคนสักเท่าไหร่ ทั้งยังเย็นชามากด้วย แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็สามารถปกป้องนางได้

อีกอย่าง ถ้าเกิดว่านางเลือกที่จะอยู่ในโรงน้ำชาต่อ ก็อาจจะถูกพวกนักฆ่าที่เหลือตามมาสังหารได้อีก ดังนั้นสถานที่เดียวที่นางจะรอดได้ในตอนนี้ก็คือจวนของถังหยิน

นางฝืนยิ้มออกมา “ครั้งนี้ข้าขอบคุณนายท่านมากจริง ๆ”

เมื่อเห็นนางที่จู่ ๆ ก็ทำตัวดี ชายหนุ่มก็พลันรู้สึกไม่คุ้นชิน อีกอย่าง มันต้องเป็นเขาต่างหากที่ต้องขอบคุณ ทั้งหมดเป็นเพราะนาง จึงทำให้เขาได้ดูดกลืนพลังของพวกมันมา

“ฟานหมินมีหนึ่งคำร้องขอให้ท่านอนุมัติ ท่านพอจะรับฟังมันได้หรือไม่ ?” ฟานหมินก้มหน้าอย่างเขินอาย

ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ว่ามาเลยแม่หญิงฟาน”

“ข้า… กังวลว่าพวกมันจะมากันอีก ดังนั้นขอไปหลบภัยที่จวนของท่านได้หรือไม่…” นางพูดอย่างเขินอาย

ถังหยินได้ยินแบบบนี้ก็เข้าใจทันที “ท่านอยากจะพักในจวนข้าสินะ ?”

สีหน้าของนางดีขึ้นทันตาเห็น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสายตาสมเพชตัวเอง “ทั้งเขตนี้ ข้าว่าจวนของท่านน่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”

โดยไม่รีรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปาก ฟานหมินก็พลันพูดต่อ “แต่ข้ารับประกันได้เลยว่าข้าจะไม่อยู่นานหรอก เพราะหลังจากนี้ท่านพ่อข้าก็คงจะส่งคนมาคุ้มครองข้าเพิ่มขึ้นแน่ ทว่าในช่วงเวลานี้ ได้โปรดให้ข้าอยู่กับท่านเถิด ข้ายินดีจ่ายเงินให้ท่านด้วยนะ !”

“เงินน่ะไม่ใช่ประเด็นหรอก” ถังหยินไม่อยากจะให้นางอยู่ในจวนของตน แต่ก็พยายามที่จะปฏิเสธแบบบเลี่ยง ๆ “ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกัน ข้าเกรงว่าจะกระทบถึงความสัมพันธ์และภาพลักษณ์ของท่านนะ”

“ข้าไม่สนหรอก” ฟานหมินพูดแย้งทันที

“ไม่มีแต่” ชายหนุ่มพยายามปฏิเสธ

นางมองถังหยินด้วยสีหน้าขมขื่น “หรือว่านายท่านไม่อยากช่วยข้ากัน ?”

นอกจากกิริยาเอาแต่ใจและเย่อหยิ่งของนางแล้ว ฟานหมินนับได้ว่าเป็นคนที่สวยมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถปฏิเสธนางได้ลง

แม้แต่พี่น้องฉางกวงเองก็เช่นกัน “นายท่าน…”

ถังหยินมองทั้งสอง แล้วหันมองฟานหมินต่อด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะตบหน้าผากตนเอง “จวนของข้ามันออกจะแออัดไปหน่อย ทั้งยังไม่มีอาหารดี ๆ เลย เทียบกับจวนตระกูลฟานไม่ได้หรอกนะ หวังว่าท่านจะไม่ว่าอะไร”

ฟานหมินดีใจสุดขีด “ไม่ต้องห่วงหรอกนายท่าน ข้าจะพยายามทำตัวให้คุ้นชินในเวลาอันใกล้”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ทั้ง ๆ ที่เขาแค่พูดเล่น ๆ เท่านั้น แต่ฟานหมินกลับเอาไปคิดจริงจังเสียแล้ว

เมื่อโล่งอก หญิงสาวก็พลันหัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าก็ต้องขอบคุณที่นายท่านให้ข้าไปอยู่ที่จวนท่านด้วย !”

ถังหยินหันไปบอกกับสองพี่น้อง “ช่วยนางเก็บของแล้วไปที่จวนข้า”

ไม่นานนัก ในระหว่างที่พวกเขากำลังเก็บข้าวของกันอยู่ ก็ได้มีพวกทหารที่ได้รับข่าวนี้วิ่งมากันยกใหญ่ และคนที่วิ่งนำมา ก็คือนายกองประจำจางลู่ ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยหยวนจี้นั่นเอง

เมื่อเห็นถังหยินอยู่ที่นี่ จางลู่ก็ตะลึงก่อนจะทำความเคารพ “ข้าน้อยจางลู่ขอคารวะนายท่าน”

ชายหนุ่มไม่รู้จักเขามากนัก แต่เมื่อเห็นความรวดเร็วของอีกฝ่ายที่มาถึงที่เกิดเหตุ มันก็ทำให้เขาดูน่าสนใจไม่น้อย ดังนั้นถังหยินจึงพยักหน้าให้ “จางลู่ มีพวกนอกกฎหมายอยู่มากมายในเมืองเฮิงตอนนี้ เพราะฉะนั้นช่วยเพิ่มกำลังการตรวจตราให้มากขึ้นด้วย”

“ข้าน้อยรับบัญชา” จางลู่ก้มหัวให้และหันมองไปยังโรงน้ำชา “นายท่าน นี่คือ…”

“มีหนึ่งในพวกนั้นเข้ามาป่วน แต่ว่าจับได้แล้ว ดังนั้นจงไปทำหน้าที่ของเจ้าเถอะ”

“ขอรับนายท่าน !”

จากนั้น จางลู่จึงได้หันกลับไปสั่งลูกน้องตัวเองที่มาช่วยพวกถังหยิน ให้พวกเขาจัดการทำความสะอาดสถานที่นี้โดยไม่ได้ถามอะไรมาก

เมื่อเห็นว่าเรื่องฝั่งนี้ได้รับการดูแลแล้ว ถังหยินจึงพาฟานหมินกับนักฆ่าอีก 2 คนกลับมาที่จวนของตน

มีคนรับใช้ที่เป็นหญิงน้อยมากในจวนหลังนี้ และเมื่อคิด ๆ ดูแล้ว ก็น่าจะมีแค่อัยเจียกับโอชิงเท่านั้นที่สามารถเป็นข้ารับใช้ชั่วคราวให้กับฟานหมินได้ แต่นั่นมันก็น่าจะมีปัญหาเล็กน้อย

ถังหยินพยายามจะดูแลฟานหมินให้ดีที่สุด แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่คิดอย่างนั้น

เมื่อมาถึงจวน ฟานหมินก็เริ่มแสดงอาการผิดหวังในทันที นางบ่นอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นสวนที่เล็กเกิน บ่อน้ำที่มีตะไคร่มากมาย ห้องที่ไม่สะอาด จนถังหยินไม่อาจทนได้อีกต่อไปและโยนฟานหมินให้ถังซ่งรับผิดชอบแทน

ชายแก่ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาทำตัวเย็นชาใส่ทุกคนยกเว้นแต่ถังหยิน ดังนั้นต่อให้ถูกพูดใส่มากแค่ไหนก็ยากที่จะง้างปากของเขาได้ สีหน้าของเขานั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย แม้ว่าฟานหมินจะเกรี้ยวกราดแค่ไหนก็ตาม

อีกด้านหนึ่ง ถังหยินก็ได้บอกให้เฉิงจินทรมานรีดเค้นข้อมูลจากนักฆ่าทั้งสองคนนี้

ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก นอกเสียจากรับคำ และทำตามคำสั่งของถังหยินในทันที

ไม่นานนักเวลาก็ล่วงผ่านไปถึงช่วงสาย ในที่สุดถังหยินก็มีเวลาได้นอนกับเขาบ้างเสียที

แต่แล้วเฉิงจินก็เข้ามาหาเขา จนทำให้ชายหนุ่มต้องรีบแต่งตัวเพื่อออกมาหา

เขาเข้ามาแล้วคำนับให้ “นายท่าน ข้าทำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“ได้อะไรบ้าง ?” ถังหยินถามพลางจิบบชา “บอกข้ามาให้หมด”

ตอนแรกเฉิงจินเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็เงียบไป

“พวกมันมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังสินะ ?”

เฉิงจินพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ พื้นเพของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาเลย”

“พวกมันเป็นคนของซ่งเทียน”

“ซ่งเทียน ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ซ่งเทียนคือคนของ 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่ของแคว้นเฟิง นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย เพราะยังไงเสียตระกูลฟานก็น่าจะทำข้อตกลงอะไรไว้มากมายกับคนพวกนั้นแล้วนี่นา ? แล้วจะมีเหตุผลอะไรได้อีกกัน ?

“ข้าไม่เข้าใจ มันไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะต้องทำการลอบสังหารฟานหมินเลยแม้แต่น้อย !”

“ก็อาจจะไม่ ข้าน้อยได้ลองแยกพวกมันมาทรมานแล้ว หากแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรอื่นที่เกี่ยวกับซ่งเทียนเลย อีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกมันไม่ได้มาเพื่อสังหารฟานหมิน แต่มาเพื่อจับกุมตัวนางขอรับ”

ถังหยินครุ่นคิด ก็ถูกนะ ในโรงน้ำชานั่น ถ้าหากทั้ง 5 คนนั้นพยายามจะฆ่าฟานหมินจริง พวกมันก็คงจะทำไปนานแล้ว เพราะต่อให้ถูกลูกน้องของนางขัดขวางไว้ มันก็คงไม่ยากลำบากเกินมือคนพวกนั้นหรอก

ซ่งเทียนอยากจะได้ตัวฟานหมินไปทำไมกัน ? ถ้าพวกเขาเป็นคนยากจนที่อยากได้ค่าไถ่จากตระกูลฟานก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับเป็นถึง 1 ใน 4 ตระกูลทรงอำนาจที่ลงมือ !

นี่เป็นเรื่องที่ประหลาดมาก ถังหยินส่ายหัวด้วยความหมดหวัง ไม่ว่าจะเพราะเหตุใดก็ตาม ทว่าเรื่องในค่ำคืนที่ผ่านมามันก็ต้องเกี่ยวข้องกับซ่งเทียนเป็นแน่แท้

เฉิงจินถามขึ้น “นายท่านต้องการข้อมูลอะไรจากพวกมันอีกหรือไม่ ?”

“ทำไมกัน ? เจ้าคิดไปเมืองหยานเพื่อทำการสืบสวนจากซ่งเทียนงั้นหรือ ? เป็นไปไม่ได้หรอก ปล่อยพวกมันไปเถอะ”

ถังหยินนั้นเป็นคนที่รู้ฐานะตัวเองดี ดังนั้นเขาจะไม่ฝืนตัวเองโดยเด็ดขาด …เพราะแค่การช่วยฟานหมินก็ถือได้ว่าเป็นการหาเหาใส่หัวตัวเองมากพอแล้ว

“ถ้างั้นจะให้ปล่อยพวกเขาไปเลยไหมขอรับ ?”

“ไม่ได้เด็ดขาด” ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชา “การปล่อยตัวพวกมันไปก็เท่ากับว่าเป็นการบอกให้ซ่งเทียนรู้ถึงตัวตนของเรา ให้ทุกคนทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเสีย”

เฉิงจินดูงุนงง หากแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”