ตอนที่ 123 ถ้าคนนี้เข้าจิงเฉิงต้องฮือฮาแน่!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ผู้หญิงคนนั้นละสายตา อ้าปากค้าง เหลือบมองฉินหร่านอีกครั้ง สุดท้ายก็สูดปาก “หมอลู่ ยาแก้ปวดครั้งก่อนไม่ได้ผล”

 

 

“เส้นประสาทอักเสบ ต่อให้กินยาวิเศษก็ไม่มีประโยชน์” ลู่จ้าวอิ่งโยนยาแก้ปวดอีกสองเม็ดให้เด็กผู้หญิงคนนั้น เอนตัวพิงพนัก “ทนเจ็บแป๊บเดียวดีกว่าเจ็บนาน”

 

 

จากนั้นลู่จ้าวอิ่งเขียนใบลาป่วยให้เด็กคนนี้

 

 

ขณะที่เขียนก็ไม่ลืมปลอบฉินหร่านไปพลาง “ถึงตอนนั้น ต่อให้เธอได้ศูนย์คะแนนก็ไม่เป็นไร”

 

 

เขานั่งไขว่ห้าง เอ่ยปากพูดอย่างสบายๆ

 

 

อันที่จริงลู่จ้าวอิ่งยังมีความคิดอื่นอีก

 

 

ถึงตอนนั้นแม้ฉินหร่านจะสอบไม่ติด เขากับเฉิงเจวี้ยนก็มีวิธี

 

 

แต่เรื่องพวกนี้ลู่จ้าวอิ่งไม่คิดจะบอกฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านก้มหน้าเล่นมือถือ พอได้ยินคำพูดของลู่จ้าวอิ่ง เธอก็ตอบส่งๆ ไปว่า “อืม”

 

 

กลับไม่รู้เลยว่า คำพูดของลู่จ้าวอิ่งจะเป็นการทิ้งหินก้อนใหญ่ลงในใจของเฉิงมู่และผู้บัญชาการห่าว

 

 

พวกเขาสองคนเดินเข้าไปข้างใน สบตากันแวบหนึ่งอย่างรู้ใจ

 

 

ฟังจากน้ำเสียงของลู่จ้าวอิ่งก็รู้ความนัยแฝงของเขา ไม่ว่าฉินหร่านจะสอบได้กี่คะแนนก็เข้าจิงเฉิงได้

 

 

ไม่พูดถึงสกุลเฉิง แค่ลู่จ้าวอิ่งคนเดียว หากต้องการโควตาในมหาวิทยาลัยจิงเฉิงสักที่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

 

 

ที่สำคัญคือ ลู่จ้าวอิ่งต้องยัดฉินหร่านเข้าไปในสาขาคอมพิวเตอร์แน่

 

 

คิดไปคิดมา ก็มีแค่คอมพิวเตอร์ที่ฉินหร่านลองดูหน่อยได้

 

 

คิดได้ดังนั้น เฉิงมู่ก็มองฉินหร่านแวบหนึ่ง ในสายตาเจือด้วยความอิจฉาอย่างปิดไว้ไม่มิด

 

 

นึกถึงตอนนั้น เขาเครียดหัวแทบแตกกว่าจะถูกเฉิงจินเคี่ยวเข็ญจนสอบติดมหาลัยจิงเฉิง ในนี้มีสาเหตุที่เขาพยายามทำคะแนนอย่างยิ่งอยู่ด้วย

 

 

แต่เพราะคะแนนของเขาไม่ถึง ไม่ติดสาขารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ถูกโอนไปอยู่สาขาโบราณคดีแทน

 

 

ฉินหร่านนอนเฉยๆ ก็ติดสาขาคอมพิวเตอร์ได้

 

 

ตอนแรกมือข้างหนึ่งของฉินหร่านเท้าคาง อีกข้างถือมือถือ ท่าทางเชื่องช้าไม่รู้ว่ากำลังส่งข้อความให้ใคร

 

 

รู้สึกถึงสายตาของเฉิงมู่ที่มองมา เธอหันหน้าเล็กน้อย มือไม่หยุดพิมพ์ แต่กลับเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่า”

 

 

“เปล่า” เฉิงมู่เบือนหน้าหนี

 

 

ปากเฉิงมู่ไม่พูด แต่ในใจกลับค่อนแคะอย่างบ้าคลั่ง เธอมันโง่ เธอรู้ไหมว่าเมื่อกี้ลู่จ้าวอิ่งเสนอเค้กก้อนใหญ่ขนาดไหนเธอ! เธอยังจะนิ่งเฉยได้ปานนี้อีกเหรอ!

 

 

คนเราไม่เหมือนกันจริงๆ

 

 

เฉิงมู่ก้มหน้าเริ่มส่งข้อความให้เฉิงจิน…

 

 

‘อ๊าก’

 

 

‘อ๊ากกกก’

 

 

‘ร่างทำตัวกร่างโผล่มาแล้ว’

 

 

ผู้บัญชาการห่าวที่นั่งข้างเขาก็คิดคล้ายๆ กัน

 

 

เพียงแต่เพราะคำเตือนเรียบเฉยของชีเฉิงจวิน เขาไม่ค่อยกล้าแสดงออกมากนัก กำมือถือเช่นเดียวกัน เลื่อนเจอข้อความเมื่อหลายวันที่เขายังไม่ได้ตอบ…

 

 

‘อย่าดูถูกเธอเชียวนะ ถึงเธอจะสอบไม่ติดมหาลัย แต่คุณชายลู่บอกแล้วว่า สอบไม่ติดก็จะเก็บโควตาของมหาลัยจิงเฉิงให้เธอ วางใจเถอะ ปีหน้าคุณต้องเห็นเธอที่จิงเฉิงแน่นอน’

 

 

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเขียนใบลาให้นักเรียนคนนั้นเสร็จแล้ว ให้เธอเอาใบลาไปขอลากับอาจารย์พรุ่งนี้

 

 

เด็กคนนั้นรับใบลาที่ลู่จ้าวอิ่งเขียนให้ไปอย่างยืดยาด

 

 

ยึกยักไปมา ละล้าละลังไม่ยอมไปสักที

 

 

ขณะที่ลู่จ้าวอิ่งกำลังสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จะสารภาพรักกับตัวเองหรือเปล่า

 

 

จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา “หมอลู่ ขอกระดาษกับปากกาหน่อยได้ไหมคะ”

 

 

เพราะใบหน้าครึ่งซีกของเธอบวม เวลาพูดฟังดูอู้อี้นิดหน่อย ไม่ชัดเจนมากนัก

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเลยฉีกกระดาษให้เธอแผ่นหนึ่ง โยนปากกาที่เพิ่งเขียนใบลาเมื่อครู่นี้ให้เธอ

 

 

ผู้หญิงคนนั้นรับกระดาษกับปากกาไปแล้วลุกขึ้น รวบรวมความกล้าอยู่นาน จากนั้นก็เดินไปหยุดตรงหน้าฉินหร่าน ยื่นกระดาษกับปากกาในมือให้ฉินหร่าน ท่าทางนอบน้อม “รุ่นพี่ฉิน ช่วยเซ็นให้ฉันหน่อยได้ไหม”

 

 

ฉินหร่านที่กำลังกดมือถือ ส่งข้อความให้ใครบางคนเงยหน้าอย่างงุนงง “…”

 

 

ถูกคนขอแบบนี้ครั้งแรก

 

 

ฉินหร่านนิ่งไปครู่หนึ่ง มองผู้หญิงคนนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย คิดๆ แล้วก็ยื่นมือออกไปรับ

 

 

ใช้มือซ้ายเขียนตัวหนังสือที่เรียบร้อยสองตัวแล้วยื่นให้ผู้หญิงคนนั้น

 

 

เพราะว่าปวดฟัน ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแทบจะไม่แสดงอารมณ์อะไร ดูอ่อนเพลีย แต่หลังรับลายเซ็นของฉินหร่านไปแล้ว ดวงตาก็เปล่งประกาย

 

 

ก้มหน้าตั้งใจพับให้เรียบร้อย เก็บใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง

 

 

สามคนในห้องพยาบาลเหลือบมองแวบหนึ่ง ทำหน้าอึ้งกันแทบจะทุกคน

 

 

ลู่จ้าวอิ่งพูดมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขานั่งไขว่ห้าง เลิกคิ้วคุยกับเด็กผู้หญิงคนนั้น “เธอขอลายเซ็นฉินหร่านไปทำไมน่ะ เธอเป็นไอดอลด้านไหน”

 

 

ผู้บัญชาการห่าวรอผู้หญิงตอบด้วยความสงสัย

 

 

“ฉันไม่เก่งวิชาเลข” ผู้หญิงมองลู่จ้าวอิ่งแวบหนึ่ง “ตั้งใจว่าจะเอาลายเซ็นของพี่ฉินหร่านกลับไปกราบไหว้บูชา”

 

 

“เธอไม่เก่งคณิตน่าจะไหว้โฮ่วเต๋อหลงไม่ใช่เหรอ บูชาเธอทำไม” ลู่จ้าวอิ่งถามอย่างลืมตัว

 

 

ถูกต้อง ถามความใจของพวกเขาออกไปแล้ว

 

 

ผู้บัญชาการห่าวกับเฉิงมู่พยักหน้าในใจ

 

 

ฉินหร่านยังเอาตัวเองไม่รอดเลย

 

 

“เพราะสอบกลางภาคครั้งนี้ รุ่นพี่ฉินหร่านทำข้อสอบวิปริตของโฮ่วเต๋อหลงได้คะแนนเต็ม” ผู้หญิงคนนั้นละสายตา หันมองฉินหร่านอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ กระซิบว่า “ทั้งเมืองมีแค่เธอคนเดียวที่ได้คะแนนเต็ม”

 

 

ผู้หญิงที่เอาชนะได้แม้กระทั่งโฮ่วเต๋อหลง รุ่นน้องมัธยมปลายปีหนึ่งปีสอง ทั้งหญิงชายที่รู้ข่าว ต่างเพิ่มคำว่าลึกลับต่อท้ายฉายาดาวโรงเรียนของฉินหร่าน

 

 

คนที่อยากได้ลายเซ็นของฉินหร่านมาบูชาไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว

 

 

ห้องพยาบาลเงียบสนิท

 

 

มือของลู่จ้าวอิ่งชะงัก เขาใช้มือแคะหู จากนั้นก็มองผู้หญิงคนนั้น “ขอโทษที เมื่อกี้หูฉันน่าจะมีปัญหา เธอพูดอีกรอบได้ไหม”

 

 

“รุ่นพี่ฉินหร่านสอบได้คะแนนเต็ม คะแนนเต็มคนเดียวในเมือง สอบได้เยอะกว่าสวีเหยากวงม.ปลายปีสามคนนั้นซะอีก อีกอย่าง ตามที่รุ่นพี่คนอื่นพูด ไม่ใช่แค่วิชาคณิตที่รุ่นพี่ฉินหร่านได้คะแนนเต็ม แต่วิชาชีวะ ภาษาอังกฤษกับเคมีก็ได้เต็มหมดเลย” ผู้หญิงพูดเสร็จ ก็บอกลาฉินหร่าน จากนั้นขอบคุณลู่จ้าวอิ่ง เอามือกุมหน้าเดินออกจากห้องไป

 

 

“คุณชายสวีก็อยู่ที่นี่เหรอ” ผู้บัญชาการห่าวพูดเสียงเบา

 

 

เฉิงมู่พยักหน้า

 

 

คุณชายสวีเป็นหลานของท่านสวี สืบทอดพรสวรรค์ของท่านสวี สมัยเรียนประถม คณิตศาสตร์ก็ไม่มีใครในแวดวงพวกเขาเทียบได้เลยสักคน โด่งดังอย่างมาก

 

 

“ฉินหร่านได้คะแนนเต็มไม่พอ ยังได้คะแนนเต็มภายใต้สถานการณ์ที่คุณชายสวีไม่ได้คะแนนเต็มงั้นเหรอ” ความตกใจที่ยากจะอธิบายได้ก่อตัวขึ้นในใจผู้บัญชาการห่าว

 

 

ผู้บัญชาการห่าวก้มหน้ามองมือถือโดยไม่รู้ตัว แชทที่ตนเพิ่งจะค่อนแคะไปเมื่อครู่นี้…

 

 

‘ในแวดวงจิงเฉิง หาส่งๆ มาสักคน ไอคิวก็น่าจะสูงกว่าเธอ’

 

 

อา เสียหน้า

 

 

เขาเรียกคืนข้อความนี้ จากนั้นเงยหน้ามองฉินหร่าน หากวันหน้าคนคนนี้เข้าไปอยู่จิงเฉิงละก็…

 

 

 

 

เฉิงเจวี้ยนกลับมาก็เห็นฉินหร่านนั่งเล่นเกมอยู่มุมหนึ่ง อีกสามคนกลับมีท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดปัญหาชีวิต

 

 

“เป็นอะไรไป” เขาถอดเสื้อโค้ตออก ก้มหน้าพับแขนเสื้อของเสื้อเชิ้ตขึ้นมา

 

 

ใบหน้าเรียบเฉย

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเลยเล่าเรื่องคะแนนของฉินหร่าน

 

 

เฉิงเจวี้ยนก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองฉินหร่าน เม้มปากเล็กน้อย

 

 

ใช้ได้

 

 

ฉินหร่านยกมือเงียบๆ กดปีกหมวกเบสบอลบนหัวลงนิดหน่อย พยายามปิดสายตาของเฉิงเจวี้ยน

 

 

“ท่านเจวี้ยน ทางเรามีเบาะแสแล้ว” ผู้บัญชาการห่าวลุกขึ้น หยิบข้อมูลที่สืบทราบมาให้เฉิงเจวี้ยนอย่างเคร่งขรึม

 

 

เฉิงเจวี้ยนละสายตา นั่งลงอีกมุม ยื่นมือไปพลิกดูอย่างเชื่องช้า

 

 

ลู่จ้าวอิ่งล้วงมือถือออกมา กำลังไล่ดูฟอรัมของโรงเรียน

 

 

“อ้อ จริงสิ” ลู่จ้าวอิ่งเห็นโพสต์ยอดนิยมอันแรกเป็นคารวะเทพแห่งการเรียน คารวะฉินหร่านอะไรพวกนั้น ก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฉินเสี่ยวหร่านสอบได้ดีขนาดนี้ ต้องให้รางวัลหน่อยแล้ว”

 

 

ขณะที่พูดเขาก็โยนมือถือลงบนโต๊ะ

 

 

จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปข้างตู้ กดรหัสปลดล็อกประตูตู้ ล้วงบัตรออกจากข้างในหลายใบ “อะนี่ บัตรเข้าชมการแข่งขันของหยางเสิน ฉันต้องติดหนี้บุญคุณอย่างใหญ่หลวงกว่าจะได้มา ไม่มีใครมีบัตรเยอะเท่าฉันแล้ว”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งไม่บ้าดารา แต่เขาชอบเล่นเกมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เกมท่องยุทธภพเป็นเกมเดียวที่เขาเล่น

 

 

OST เป็นทีมเดียวที่เขาชอบ

 

 

เกมท่องยุทธภพมีความเป็นสากลสูงมาก ความนิยมของสมาชิกห้าคนในทีมไม่ด้อยกว่าดาราทั่วไปเลย

 

 

โดยเฉพาะกัปตันทีมอย่างหยางเฟย ตอนนี้แค่โพสต์เดียวในเวยป๋อก็มีคอมเมนต์สูงถึงหกเจ็ดหมื่นแล้ว ใบหน้าถูกแฟนคลับล้อกันเล่นๆ ว่าทั้งที่ใช้หน้าตาหากินได้แต่ดึงดันจะใช้ความสามารถ

 

 

เบียดฉินซิวเฉินมือวางอันดับหนึ่งเรื่องหน้าตาของวงการบันเทิงอย่างไม่มีข้อถกเถียง

 

 

ความนิยมแบบนี้แม้แต่ดาราแนวสองทั่วไปก็ทำไม่ได้

 

 

ก้ำกึ่งระหว่างแนวสองกับแนวหน้า

 

 

ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่า ความนิยมแบบนี้ บัตรเข้าชมการแข่งขันของพวกเขาเรียกได้ว่าหายาก ลู่จ้าวอิ่งแย่งพวกแฟนคลับสาวๆ ที่บ้าคลั่งพวกนั้นได้อย่างไร

 

 

แต่ยังเหลือเวลาอีกหลายวันก่อนการแข่งขัน ทางเว็บยังไม่เริ่มขายบัตร ที่ลู่จ้าวอิ่งหาบัตรพวกนี้มาได้ เบื้องหลังก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเหมือนกัน

 

 

ฉินหร่านมองบัตรที่ลู่จ้าวอิ่งให้เธอประหนึ่งถวายของล้ำค่าด้วยท่าทางครุ่นคิด

 

 

“คุณหนูฉิน รับไว้เถอะ” เฉิงมู่พูดขึ้นหลังได้สติ “บัตรนี่ได้มายากจริงๆ ทีม OST อยู่ใต้สังกัด อวิ๋นกวง ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป คุณรู้จักใช่ไหม บริษัทการเงินอันดับหนึ่งของเอเชีย พวกเขาไม่ขาดเงิน”

 

 

จากนั้นฉินหร่านก็วางมือถือลง พูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “งั้นฉันยิ่งรับไว้ไม่ได้เลย”

 

 

“ทำไมเธอไม่เอาล่ะ เธอเป็นแฟนคลับของหยางเสินไม่ใช่เหรอ” ลู่จ้าวอิ่งยัดบัตรใส่มือเธอ

 

 

ฉินหร่านเงยหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปม

 

 

เธอจ้องลู่จ้าวอิ่ง ราวกับสงสัยว่าเธอไปเป็นแฟนคลับของหยางเสินตอนไหน

 

 

ลู่จ้าวอิ่งยืนพิงโต๊ะข้างๆ เธอ ก้มหน้ายิ้ม ใบหน้าดูอวดดีทีเดียว “ยังจะปิดฉันอีกเหรอ” เขายื่นมือไปแตะหมวกเบสบอลบนหัวฉินหร่าน “ถ้าเธอไม่ใช่แฟนคลับของ OST เธอจะทำหมวกเลียนแบบวงในของพวกเขาหรือไง”

 

 

พอได้ยินที่ลู่จ้าวอิ่งพูด ฉินหร่านก็อดยื่นมือไปลูบหมวกเบสบอลบนหัวไม่ได้

 

 

“แฟนคลับหลายคนจะทำหมวกก็อปแบบของพวกเขา วันนั้นพอเธอไปดูการแข่งขัน เธอจะพบว่ามีกันแทบจะทุกคน พวกเขาไม่เคยออกสินค้ามาจำหน่ายเลย หมวกนี่มีแค่คนในเท่านั้นที่มี” เห็นได้ชัดว่าลู่จ้าวอิ่งมีประสบการณ์มาก เขายื่นมือออกไปจะถอดหมวดบนหัวฉินหร่านลงมาพลิกดู “หมวกวงในจะมีรหัสเฉพาะอยู่ข้างหลัง ใบนี้เป็นหมวกก็อปไม่มี…”