ตอนที่ 181 ความอัปยศครั้งใหญ่หลวง / ตอนที่ 182 คุณรู้จักเยวา?

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 181 ความอัปยศครั้งใหญ่หลวง

 

 

“ไม่ใช่พวกขี้ขลาดงั้นเหรอ พวกแกไม่กล้าแข่งด้วยซ้ำ ถึงต้องพล่ามอะไรมากความอย่างนี้” ซ่งจืออี้ทำหน้าเ**้ยม

 

 

ถ้าพวกเขาตกลงตามที่ก็อดซีเสนอ พวกเขาจะไม่มีโอกาสเอาชนะซีเอ็ชวันและไม่มีวันได้เอาชนะผู้หญิงคนนั้นแน่ ถ้าพวกเขาปฏิเสธการแข่งขันรอบล้างตานี้ พวกเขาจะชนะได้ยังไง

 

 

“ฮ่า ฮ่า! มีแต่พวกขี้แพ้และพวกขี้ขลาดทั้งนั้นเลยว่ะ” ซ่งจืออี้ยิ้มเยาะอย่างจองหอง “เผยอวี่ถัง แกไม่ใช่ลูกผู้ชาย แกสร้างความอัปยศอดสูให้กับพวกเราทุกคน”

 

 

เผยอวี่ถังเม้มปากแน่นก่อนจะตอบกลับไปอย่างท้าทาย “แล้วไงวะ ก็แค่ไม่อยากแข่ง ฉันจะยั่วประสาทแกให้อกแตกตาย!”

 

 

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรถ้าเขาจะแพ้ แต่เขายอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับหลินเยียนไม่ได้ ถ้าผลออกมาเสมอเขาก็ไม่ต้องเจ็บปวดกับความพ่ายแพ้ สำหรับเขาแล้วเป็นสถานการณ์ที่มีแต่ได้กับได้ ยิ่งไปกว่านั้นแอร์คอมมานเดอร์คือคู่แข่งที่ไม่ธรรมดา เขาติดระดับท็อปแปดของระดับสองในการแข่งขันสากล เขาไม่ใช่คนโง่ ทำไมเขาจะต้องยืนกรานแข่งต่อทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องแพ้กันล่ะ

 

 

“ฮ่ะ…”

 

 

ซ่งจืออี้สาวเท้าเข้าไปหาเผยอวี่ถังและยกมือท้วมๆ ตบแก้มเผยอวี่ถังเบาๆ “แกนี่มันไอ้ลูกหมารอบจัดจริงๆ”

 

 

“ไปให้พ้น!”

 

 

เผยอวี่ถังโกรธจัดจนเส้นเลือดบนขมับปูดโปน เขาอยากซัดมันสักเปรี้ยง แต่ก็ห้ามตัวเองไว้

 

 

เขาจำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ใหญ่ได้ว่าจะไม่ใช้กำลังอีก ถ้าเกิดเขาพลาดทำอะไรลงไป เขาต้องก้มหน้ารับกรรมกับผลที่ตามมา

 

 

“ทำไม อยากต่อยฉันเหรอ? เข้ามาสิวะ!” ซ่งจืออี้ตบแก้มเผยอวี่ถังเบาๆ อีกครั้ง

 

 

ก่อนที่เผยอวี่ถังจะทันได้ตอบโต้อะไร หลินเยียนก็ผุดลุกขึ้นจากที่นั่งและมองไปที่ซ่งจืออี้ “ฉันไม่ได้พูดว่าจะไม่แข่งสักหน่อย”

 

 

ซ่งจืออี้อึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินสิ่งที่หลินเยียนพูด เขาชะงักและหันไปทางเธอ “ต้องอย่างนี้สิ! เธอพูดเองนะ ฉันไม่ได้แหกกฎหรือบังคับให้เธอมาแข่งนะ”

 

 

“ตามนั้น” หลินเยียนตอบ

 

 

สมาชิกทีมซีเอ็ชวันและเผยอวี่ถังถึงกับไปไม่เป็น หลินเยียนเสียสติไปแล้วหรือไง

 

 

พวกเขามีโอกาสใช้ช่องโหว่ของการเดิมพันเพื่อเลื่อนการแข่งขันออกไปอย่างไม่มีกำหนดแล้วแท้ๆ!

 

 

เฮ้อ…

 

 

ก็อดซีมองไปที่หลินเยียนและถอนหายใจออกมาเบาๆ หลินเยียนบุ่มบ่ามเกินไปเลยติดกับพวกนั้นจนได้ ซ่งจืออี้และพวกรอให้หลินเยียนตอบตกลงแทบไม่ไหว

 

 

“พี่เยียน พี่บ้าไปแล้วเหรอ” เผยอวี่ถังมองหลินเยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แอร์คอมมานเดอร์คือคู่แข่งของพี่ในการแข่งขันรอบหน้านะ!”

 

 

ถึงยังไงทุกอย่างก็สายเกินแก้ หลินเยียนตอบตกลงไปแล้ว และซ่งจืออี้ไม่ยอมให้เธอถอนคำพูดแน่

 

 

ซ่งจืออี้รีบควักโทรศัพท์ออกมาและต่อสาย

 

 

“สวัสดีแอร์คอมมานเดอร์ คุณจะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่”

 

 

“ได้ เราอยู่ที่ห้องรับรองของซีเอ็ชวัน เข้ามาและเตรียมตัวแข่งได้เลย”

 

 

ซ่งจืออี้วางสาย

 

 

ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

 

 

ซ่งเย่าหนานรีบกระโจนไปที่ประตูและเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว

 

 

ชายหนุ่มในชุดฟอร์มสีฟ้าของทีมสปีดก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ พร้อมกับถือหมวกกันน็อคไว้ในมือ

 

 

“กัปตัน!”

 

 

ลูกทีมสปีดรีบเข้าไปรุมล้อมเมื่อเห็นชายหนุ่ม ทุกคนท่าทางดูโกรธแค้น แต่ก็ทำท่าราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิดมา ไม่มีใครกล้าสบตาชายคนนั้น

 

 

แอร์คอมมานเดอร์ดูสดใสและกระปรี้กระเปร่าด้วยทรงผมซอยสั้น แต่ถึงกระนั้นเขากลับดูไม่ค่อยมีความสุขเลย

 

 

“เกิดอะไรขึ้น ได้ยินมาว่าพวกนายแพ้ผู้หญิงงั้นเหรอ” แอร์คอมมานเดอร์สอบสวนลูกทีม

 

 

นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่หลวงของทั้งแอร์คอมมานเดอร์และทีมสปีด

 

 

 

 

 

ตอนที่ 182 คุณรู้จักเยวา?

 

 

“กัปตัน พวกเราขอโทษ…เราหละหลวมเอง ถ้ากัปตันให้โอกาสพวกเราอีกครั้ง…” ลูกทีมของสปีดคนหนึ่งเม้มปาก

 

 

พวกเขารู้ว่าแอร์คอมมานเดอร์รู้สึกขายหน้ามาก แต่พวกเขาก็รู้สึกละอายใจไม่น้อยไปกว่านั้น

 

 

“ให้โอกาสพวกนายอีกครั้ง?” แอร์คอมมานเดอร์เยาะเยือกเย็น “ในสนาม ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ ถ้าพวกนายแพ้ นายจะไปบอกฝั่งตรงข้ามได้เหรอว่านายทำพลาดและอยากได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง”

 

 

ไม่มีใครพูดอะไรเมื่อได้ยินแอร์คอมมานเดอร์พูดอย่างนั้น

 

 

อย่างที่แอร์คอมมานเดอร์ได้กล่าวไว้ ชัยชนะก็คือชัยชนะ เมื่อเป็นการแข่งขัน ทุกคนสนใจแต่ผลของการแข่งขันเท่านั้น ใครจะมาสนว่านักแข่งทำพลาดหรือทำได้ไม่เต็มศักยภาพกันล่ะ

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้น ลูกทีมสปีดทุกคนต่างแสดงสีหน้าอับอาย

 

 

แอร์คอมมานเดอร์พูดถูกต้องทุกอย่าง พวกเขาทั้งสี่คนพ่ายแพ้ให้กับสตรี หากข่าวนี่แพร่ออกไปละก็…

 

 

“เอาน่า แอร์คอมมานเดอร์ อย่าตำหนิพวกเขาอีกเลย ใช่การแข่งขันที่เป็นทางการซะเมื่อไหร่กัน อีกอย่างคู่แข่งของเราก็ไม่ใช่คนเด่นคนดังอะไร ก็เข้าใจได้ที่พวกเขาจะไม่ระวังตัวและประมาทความสามารถของฝั่งตรงข้ามไปหน่อย” ซ่งจืออี้ยิ้มกริ่ม

 

 

สมาชิกทีมสปีดทุกคนหันไปมองเขาด้วยความซึ้งใจ

 

 

พวกเขาก็คิดแบบเดียวกันกับซ่งจืออี้ สิ่งที่เขาพูดตรงใจพวกเขาทุกอย่าง

 

 

ถ้าพวกเขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นักแข่งธรรมดา พวกเขาคงไม่ชะล่าใจขนาดนี้หรอก ตั้งแต่ช่วงออกตัว พวกเขาคงทำสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ผู้หญิงคนนี้มีโอกาสชนะแม้แต่นิดเดียว

 

 

“ซ่งจืออี้ วางใจได้เลย ผลการแข่งขันต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้ว่าลูกทีมผมจะทำพลาด แต่ผมไม่มีวันแพ้แน่นอน” แอร์คอมมานเดอร์บอกซ่งจืออี้

 

 

“ฮ่า ฮ่า…ผมเชื่อคุณอยู่แล้ว แอร์คอมมานเดอร์ คุณเป็นปรมาจารย์ระดับท็อปแปดของการแข่งขันระดับสอง คุณจะทำพลาดได้ยังไง” ซ่งจืออี้หัวเราะออกมาเสียงดัง

 

 

“ใช่แล้ว อาจารย์แอร์คอมมานเดอร์ คุณเคยพูดไว้ว่า…คุณรู้จักอาจารย์ลั่งหมั่ง? คุณจะแนะนำให้ผมรู้จักเขาเมื่อไหร่ เราควรเชิญเขามาในเมืองหลวง ผมจะจัดการทุกอย่างให้เอง พวกคุณจะมีแต่ความสุขและความพอใจ” ซ่งเย่าหนานพูดจาฉอเลาะพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 

 

“ฮ่า ฮ่า…ลั่งหมั่งคือคู่แข่งที่ฉันนับถือที่สุด ไม่แน่สักวันถ้ามีโอกาส ฉันอาจสามารถเชิญเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ หรือ เยวา มาด้วย” แอร์คอมมานเดอร์ยิ้มตอบ

 

 

“จริงเหรอครับ” ซ่งเย่าหนานลิงโลด “แอร์คอมมานเดอร์ คุณพูดว่ารู้จักเยวา…เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ”

 

 

“จริงสิ!” แอร์คอมมานเดอร์ชายตามองซ่งเย่าหนาน “ฉันจำความรู้สึกตอนที่เจอกับเยวา อาจารย์ของลั่งหมั่งที่การแข่งขันระดับสองได้ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ลั่งหมั่งเข้าร่วมแข่งในการแข่งขันสากลนัดสำคัญ อาจารย์ของเขาเลยมาให้กำลังใจด้วย นายนึกไม่ออกแน่ว่าเยวาชื่นชมฉันขนาดไหน เธอบอกว่าฉันมีศักยภาพมากกว่าลั่งหมั่งและอยากได้ฉันมาเป็นศิษย์ แต่ตอนนั้นฉันตอบปฏิเสธไป”

 

 

“อาจารย์แอร์คอมมานเดอร์ คุณสุดยอดไปเลย!” ซ่งเย่าหนานมองไปที่เขาและยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชม

 

 

หลินเยียนประหลาดใจสุดๆ กับสิ่งที่แอร์คอมมานเดอร์คุยโว เขาโม้เก่งจริงๆ แฮะ

 

 

เธอไม่รู้จักเขาเลยสักนิด แต่เขากลับพูดเป็นตุเป็นตะว่าเธอบอกว่าเขามีศักยภาพมากกว่าลั่งหมั่ง…แถมเธอถึงขั้นเคยชวนเขามาเป็นเด็กในสังกัด? ที่สำคัญเขาโกหกอย่างน่าไม่อายว่าบอกปฏิเสธคำเชิญของเธอ

 

 

“ฮ่า ฮ่า…อาจารย์คอมมานเดอร์ ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะ ผมจะเลี้ยงมื้อค่ำฉลองหลังจากที่คุณชนะการแข่งครั้งนี้” ซ่งจืออี้พูดขัดขึ้น

 

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแข่งขันที่อยู่ตรงหน้า เรื่องอื่นค่อยเอาไปคุยกันตอนงานเลี้ยงมื้อค่ำ