หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.427 – การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
บนท้องฟ้า
แสงอันไพศาลได้กวาดข้ามโลกทั้งใบ ราวกับสายน้ำที่ตกลงสู่พื้นโลก
รังสีแสงอันงดงามนี้คือกฏเกณฑ์จากโลกปรภพ
มันคือแสงที่จะเป็นตัวนำพาคนตายนับล้านๆคนไปเกิดใหม่
ตามแรงกรรมจากในอดีตชาติของคนตาย คนตายทั้งหมดจะถูกส่งไปเกิดใหม่ในหกวิถีแห่งสังสารวัฏอื่นๆอีกห้าโลก
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ได้ไปเกิดใหม่ จะปรากฏขึ้นในโลกที่เกินกว่าขอบเขตของมนุษย์จะจินตนาการได้
หากไปเกิดใหม่อีกครั้งในอาณาจักรสวรรค์ ก็อาจจะเป็นการถือกำเนิดขึ้นจากดอกบัว บ้างก็ก่อร่างสร้างกายขึ้นจากสายลมสีทอง ขณะที่บ้างก็ถือกำเนิดขึ้นจากผลที่ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ดึกดำบรรพ์
หากไปเกิดใหม่อีกครั้งในอาณาจักรของอาชูร่าทั้งสี่เผ่าพันธุ์ ก็อาจจะเป็นการถือกำเนิดขึ้นจากพวกน้ำ บ้างก็ไฟ บ้างก็ทอง บ้างก็จากดอกไม้
กล่าวได้ว่าโลกสวรรค์กับโลกอาชูร่าน่ะ เป็นโลกชั้นสูงหากนับจากในบรรดาหกวิถี
ในขณะที่หากคนตายถูกส่งไปเกิดใหม่อีกครั้งในโลกจ้าวอสูรหรือผีร้าย มันก็จะคล้ายคลึงกับการไปถือกำเนิดใหม่ในโลกมนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น สรีระ สีผิว ความนึกคิด สถานะ ฯลฯ
แถมขณะนี้ โลกปรภพและโลกมนุษย์ก็ยังเกิดการผสานรวมกันอย่างรุนแรง
กฏแห่งการถือกำเนิดใหม่จึงปรากฏออกมาในรูปแบบของประกายเจิดจรัส มันแขวนอยู่บนฟากฟ้าราวกับม่านแสง โอบอุ้มทุกคนตายเอาไว้
แต่ภายใต้ท้องฟ้าที่กำลังสาดรังสีแสงนี้ คนตายกลับยังมิได้จากไป
พวกเขายังคงเฝ้ารอให้กำแพงอุปสรรคที่ใช้ป้องกันโลกถือกำเนิดขึ้น
โลกใหม่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
เหนือท้องฟ้าเบื้องบน เผ่ามารนับไม่ถ้วนเปล่งเสียงร้องด้วยความกระวนกระวาย แม้กระทั่งอสูรกายก็ยังเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
ขณะที่ท้องฟ้าเบื้องล่าง มีเพียงแค่ความเงียบ
คนตายนับล้านล้านกำลังจดจ้องแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความระแวดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่ามารตนใดย่างกรายเข้ามา
กู่ฉิงซานเชื่อมต่อกับเทพธิดากงเจิ้ง เขาขอให้เธอเปิดม่านแสงนับสิบๆเรียงติดต่อกันเพื่อบันทึกทุกรูปแบบของเผ่ามารที่ปรากฏขึ้นทั้งหมดโดยเร็วที่สุด
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่มนุษย์ได้เผชิญกับเผ่ามารในระยะประชิด
รูปร่าง ลักษณะ ประเภท และแม้กระทั่งนิสัยหรือพฤติกรรมของพวกมาร ก็ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลอันทรงคุณค่าในอนาคต!
กู่ฉิงซานจ้องจอม่านแสงตาไม่กระพริบเป็นเวลามานานกว่าสิบนาที
ในที่สุด เขาก็ถอนหายใจบรรเทาความตึงเครียดออกมา
-โชคดีจริงๆ ที่ไม่มี ‘อสูรกายที่แท้จริง’ อยู่ที่นี่
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะโลกมนุษย์น่ะอ่อนแอเกินไป ดังนั้นอสูรกายที่มาเยือน ทั้งหมดจึงเป็นอสูรกายดัดแปลง
อสูรกายงูดำสามหัวตัวแรกก็เหมือนกัน ดูจากพลังของมัน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นอสูรกายดัดแปลง
จากบทเรียนที่ได้เรียนรู้มาจากความผิดพลาดของอสูรกายสามหัว ส่งผลให้อสูรกายดัดแปลงตนอื่นๆมิกล้าที่จะย่างกรายเข้ามาในโลกมนุษย์
กระทั่งอสูรกายที่อยู่ระดับปฐมบทแห่งความโกลาหลที่มีเพียงสองตนในที่นี้ ก็ยังมิกล้าที่จะลงมา
พวกมันกำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่ออยู่บนท้องฟ้า โดยคาดหวังว่าเหล่าคนตายจะจากไปโดยเร็วไว
ทว่าบรรดาคนตาย กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเลย
ทั้งสองจึงต่างจ้องสบตากันโดยปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งนาทีสุดท้ายได้ผ่านไป
พลันบังเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นบนผืนฟ้า ราวกับมีสายฟ้าที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วนกำลังปะทะเปรี๊ยะๆซึ่งกันและกัน
คลื่นความผันหวนที่มองไม่เห็นกระเพื่อมไหว คล้ายดั่งระลอกคลื่นของฝูงม้าที่ย่ำลงควบวิ่ง สั่นสะเทือนไปทั้งโลกหล้า
ในเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นเอง เผ่ามารที่ยังไม่จากไปต่างก็กรีดร้องโหยหวนออกมา
ขณะที่อสูรกายตนแล้วตนเล่าสบถคำรามและค่อยๆถอยกลับไป
กำแพงอุปสรรคของโลกใหม่กำลังค่อยๆก่อตัว แพร่กระจายปกคลุมไปตลอดทั้งโลกอย่างช้าๆ
เผ่ามารทั้งหมดที่สัมผัสโดนกำแพงอุปสรรคของโลกพลันติดไฟลุกพรึบ! และสลายกลายเป็นขี้เถ้าลอยฟุ้งทันที
แม้กระทั่งอสูรกายก็ยังไม่สามารถที่จะต้านทานพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของโลกได้
ในเมื่อกำแพงอุปสรรคของโลกค่อยๆขยายตัวขึ้น พวกมันจึงร้องตะโกนออกมาอย่างไม่ยินยอม และจากโลกมนุษย์ไปด้วยจิตใจหดหู่ในที่สุด
ดวงตะวันค่อยๆปรากฏขึ้น
ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกปกคลุมไปด้วยแสงแดดสว่างไสว
ท้องฟ้าสีครามสดใส ไร้ซึ่งเมฆหมอกใดๆ และแน่นอน — ว่าไร้ซึ่งเผ่ามารใดๆให้พบเห็นด้วยเช่นกัน
“จบแล้วสินะ?”
กู่ฉิงซานบ่นงึมงำ
เขาหันไปมองดูหน้าต่างระบบเทพสงคราม
เห็นแค่เพียงสองบรรทัดเส้นแสงหิ่งห้อยที่ลอยเด่นอยู่บนนั้น
“โลกใหม่ยังคงอยู่ในกระบวนการผสานรวมอย่างต่อเนื่อง”
“กำแพงอุปสรรคใหม่ที่คอยคุ้มครองโลกได้ก่อร่างขึ้นแล้วโดยสมบูรณ์”
สำเร็จแล้ว!
เจ็ดชั่วโมงได้ผ่านพ้นไป และเผ่ามารก็ล้มเหลวในการบุกเข้ามาในโลก!
กู่ฉิงซานหันไปมองดูคนตายอีกครั้ง
เห็นแค่เพียงเลขบุญของคนตายทั้งหมดกลับกลายเป็น – (ลบ)
ถึงแม้ว่าทางเลือกนี้ เหล่าคนตายจะเป็นคนเลือกมันด้วยตนเอง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ พวกเขากลับค่อนข้างที่จะมีความสุขมากกว่ารู้สึกหดหู่
“ทุกคน ข้าขอโทษ … ”
กู่ฉิงซานกำลังจะเอ่ยต่อ แต่ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
เสียงของเครื่องจักรคำนวณบุญกังวานขึ้นในหูของทุกผู้คน
“คนตายทั้งหมดโปรดทราบ”
“คนตายทั้งหมดโปรดทราบ”
“คนตายทั้งหมดโปรดทราบ”
“คนตายทั้งหมดโปรดทราบ”
“นับจากนี้ไป เลขบุญของพวกเจ้าจะถูกปรับเปลี่ยน”
เหล่าคนตายเงยหน้าขึ้น และแสดงท่าทางตั้งใจฟัง
เครื่องจักรคำนวณบุญยังคงกล่าวต่อ “ตลอดทั้งหกอาณาจักรกำลังจะกลับคืนสู่เสถียรภาพอีกครั้ง ดังนั้น มันจึงถึงเวลาอันเหมาสมแล้วที่พวกเจ้าจะได้รับบุญอย่างเต็มที่ .. ตอนนี้ก็มาทำการแจกจ่ายแต้มบุญครั้งสุดท้ายกันเถิด”
“ในสงครามปรภพครั้งแรก พวกเจ้าไม่ได้ประสบความสำเร็จในการป้องกันไม่ให้เผ่ามารบุกเข้ามาทำลายโลกมนุษย์ , มิสามารถหยุดการสมคบคิดของอาณาจักรสวรรค์ นั่นจึงหมายความว่าในช่วงเวลานั้น ชีวิตและความตายของตลอดทั้งโลกหกวิถีจึงยังมิได้รับการช่วยเหลือ”
“นอกเหนือไปจากนี้ ยังมีเรื่องที่ราชาภูติได้ทำการผสานรวมโลกมนุษย์กับโลกปรภพเข้าด้วยกันอีกด้วย”
“ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า : คราวก่อน คนตายทุกคนไม่ได้ช่วยโลกทั้งหกวิถีเอาไว้ได้ บุญใหญ่ที่ได้รับจึงถูกยกเลิก และจะได้รับเพียงบุญเล็กๆน้อยๆจากการร่วมมือกันไปช่วยเก็บรวบรวมแหล่งกำเนิดธาตุดินและธาตุไม้ ที่จะแบ่งกันอย่างเป็นธรรมเท่านั้น”
“หากจะให้อธิบายอย่างเฉพาะเจาะจง ก็จะเป็นดังนี้”
“คนตายที่ได้ทำการเลือกกลับไปเกิดใหม่แล้วในช่วงเวลาสุดท้าย พวกเขาได้เผยให้เห็นถึงธาตุแท้ ปลดปล่อยความคิดชั่วร้ายที่มีต่อโลกและมีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเกือบจะนำไปสู่การล่มสลายของโลกมนุษย์”
“ข้อสรุป : พฤติกรรมเช่นนี้เปรียบเสมือนกับการชมชอบมองเห็นผู้อื่นถูกสังหาร มีอำนาจแต่ไม่คิดช่วยเหลือหรือขัดขวางสิ่งเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นแต้มบุญที่พวกเขาสมควรจะได้รับก็จะลดลง”
“การคำนวณขั้นสุดท้าย สรุปได้ดังนี้ : เหล่าคนตายที่เลือกจะไปกำเนิดใหม่ ที่เดิมทีสมควรจะได้รับแต้มบุญมหาศาล สุดท้ายแล้วจะได้รับแค่บุญจากการช่วยช่วงชิงแหล่งกำเนิดธาตุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้แต้มบุญที่ได้มา ยังจะต้องถูกหักออกจากการกระทำความผิดอันได้แก่ การประพฤติชั่ว ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก — ความดีชั่วที่กระทำมาหักลบกลบกัน ผลลัพธ์คือ ‘สมดุล’ ”
“การพิพากษา : ตัดสินว่าคนตายที่เลือกไปถือกำเนิดใหม่แล้ว ร่างกายใหม่ที่พวกเขาถือกำเนิดจะได้รับแต้มบุญเป็น 0 ”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เครื่องจักรคำนวณบุญก็หยุดลงชั่วคราว
ขณะที่การแสดงออกทางสีหน้าของคนตายที่ยังไม่จากไปดูปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
สิบตัวตนสุดแกร่งเลือกที่จะไปเกิดใหม่ทันที พร้อมด้วยความคิดชั่วร้ายของพวกเขาครั้งสุดท้ายที่มีต่อโลก ดูเหมือนจะตีกลับตารปัตร มันกลับกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง และถูกตอบโต้โดยการมาถึงของเครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคล
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เครื่องจักรคำนวณบุญก็เริ่มเอ่ยต่อ
“ขณะที่คนตายทั้งหมดที่ไม่ได้เลือกไปเกิดใหม่ ได้ทำการช่วยเหลือให้ทั้งสองโลกผสานรวมกันได้จนสำเร็จ”
“พวกเขาสามารถปกป้องโลกใบใหม่จนกระทั่งกำแพงอุปสรรคปรากฏขึ้นได้”
“และกำแพงอุปสรรคในโลกใหม่นี้ ก็จะนำไปสู่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการป้องกันของกำแพงอุปสรรคในโลกอื่นๆทั้งหก”
“กล่าวได้ว่าคราวนี้ ‘โลกทั้งหกได้ถูกช่วยเหลือไว้อย่างแท้จริงแล้ว’ ”
“สรุป : คนตายที่เลือกว่ายังไม่ได้ไปเกิดใหม่ได้ช่วยเหลือโลกทั้งหกวิถีเอาไว้”
“เริ่มทำการคำนวณบุญที่ได้ทำการช่วยเหลือโลกทั้งหก และส่งไปไปยังเหล่าคนตายที่ยังไม่ได้ไปเกิดใหม่”
ขณะนั้นเอง แถบตัวเลขเหนือศีรษะของคนตายทั้งหมดก็ปรากฏขึ้น
พวกเขาต่างพากันเงยหน้าขึ้นมอง
เห็นแค่เพียงตัวเลขที่เปลี่ยนจาก – เป็น 0 และต่อมาก็ขยับขึ้นเป็น +
และตัวเลขบวกก็ยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บุญกำลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เหล่าคนตายอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องออกมา
เห็นได้ชัดว่าการเลือกที่จะอยู่ในโลกใบนี้ส่งผลให้แต้มบุญลดหลั่นลง แต่ในตอนท้ายที่สุด ตนกลับได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาลยิ่งกว่าเดิม!
ผ่านไปสักพัก ตัวเลขเหนือศีรษะของคนตายก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป แต่พวกเขาทุกคนที่แหงนมองต่างก็ล้วนแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา — เพราะเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคลประกาศอีกครั้ง
“การกลับไปเกิดใหม่ของคนตายทั้งหมด กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ตามลำดับแต้มบุญที่ได้รับ”
“คนตายจะลืมเรื่องราวในอดีตชาติและปัจจุบันทั้งหมด เพื่อต้อนรับกับชีวิตใหม่ของพวกเขา”
“โปรดจัดการสิ่งที่ค้างคาอยู่อย่างรอบคอบด้วย”
ว่าจบ เครื่องจักรคำนวณบุญก็หายไป และความเงียบก็กลับคืนมา
เบื้องบนท้องฟ้า รังสีแสงอันไพศาลสาดกระทบลงมาราวกับธารน้ำตกอีกครั้ง
คนตายหลายแสนล้านต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ
“ขอบพระคุณท่านราชาภูติ!” คนตายคนหนึ่งตะโกนขึ้น
กู่ฉิงซานยิ้มและตะโกนกลับไปว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก! เป็นเจ้าต่างหากที่ช่วยเหลือโลกใบนี้ไว้ เป็นเจ้าต่างหากที่สมควรได้รับความคำขอบคุณจากข้า!”
เหล่าคนตายเริ่มโห่ร้องอย่างดุเดือด
“พวกเราได้ช่วยโลกมนุษย์เอาไว้!”
“ราชาภูติทรงพระเจริญ!”
“เจ้าพวกขยะที่รีบไปเกิดใหม่ ฮ่าฮ่าฮ่า ตอนนี้พวกมันคงตกตะลึงกลายเป็นโง่งมกันไปหมดแล้ว!”
“ข้าล่ะอยากจะเห็นสีหน้าของพวกมันจริงๆ!”
……..
ณ โรงพยาบาลของรัฐบาลกลาง
“ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ” ชูร่าหญิงหันไปมองแม่ที่กำลังโอบอุ้มทารกที่กำลังหลับไหล
“ฉันต้องขอบคุณเธอจริงๆ ถ้ายังไงช่วยทิ้งข้อมูลติดต่อเอาไว้จะได้รึเปล่า พอดีว่าฉันอยากจะชวนเธอไปกินอาหารด้วยกันที่บ้านน่ะ” แม่ลูกอ่อนกล่าวด้วยความรู้สึกรู้คุณ
“คงไม่จำเป็นหรอก เพราะพวกเราคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว” ชูร่าหญิงยิ้มตอบและกล่าวออกมา
เธอทะยานตัวสูงขึ้น บินขึ้นไปบนท้องฟ้า และมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของวิลล่าบนภูเขา
ณ บริเวณพื้นที่เปิดโล่งเบื้องหน้าของวิลล่า
ผู้คุมนรกทั้งเจ็ดต่างทยอยกันเข้ามาโอบกอดกู่ฉิงซานทีละคน ทีละคน
พวกเขายังคงยึดติดกับฉากนี้ และไม่เต็มใจที่จะเข้าไปในม่านแสง แต่สุดท้ายก็จำต้องจากโลกนี้ไป
จนกระทั่งเหลือเพียงชูร่าหญิงเป็นคนสุดท้าย
เฝ้ารอจนกระทั่งหกผู้คุมนรกหายไปในม่านแสง เธอจึงเดินเข้ามาหากู่ฉิงซาน
“ข้ายังไม่สามารถจากไปในตอนนี้ได้” เธอกล่าว
“ทำไมกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“เพราะเจ้ายังติดค้างสัญญาว่าจะดวลกับข้าอยู่” ชูร่าหญิงกล่าว
เธออธิบายว่า “ตัวข้าน่ะคืออาชูร่า และในช่วงชีวิตของข้า หากจากไปดื้อๆโดยยังมิได้ต่อสู้กับตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นเจ้า คงมิแคล้วมีสิ่งติดค้างหลงเหลือทิ้งเอาไว้ในจิตใจเป็นแน่”
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ
นั่นก็จริง เพราะอาชูร่าน่ะเป็นเผ่าพันธ์แห่งสงคราม และการต่อสู้ก็เป็นความสุขสำหรับพวกเขา
ทั้งสองได้ก้าวผ่านประสบการณ์มากมายมาด้วยกัน และท้ายที่สุดนี้ อาชูร่าหญิงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเห็นสหายเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา!
กู่ฉิงซานชักดาบเช่าหยินออกมา และกล่าวอย่างจริงจังว่า “เข้าใจแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็เร่งมือเถอะ ข้าไม่ต้องการให้แต้มบุญของเจ้าถูกหักมากจนเกินไปหรอกนะ”
ชูร่าหญิงชักกระบี่ยาวออกจากเบื้องหลังเธอ น้ำเสียงยกสูงขึ้น “และในครั้งนี้ ข้าก็จะไม่แสดงความเมตตาออกมาแล้วเช่นกัน!”
ว่าจบ ร่างของเธอก็กระพริบไหว ใบกระบี่สาดแสงระยับ ร่ายระบำออกมาเป็นคมมืดนับไม่ถ้วน ทั้งทิ่มทั้งแทงเข้าใส่กู่ฉิงซานโดยตรง
และกู่ฉิงซานก็วาดดาบออกไปต้อนรับเธอ
ทั้งสองฝ่ายวูบไหวและแปรเปลี่ยนกระบวนท่าสาดใส่กันไปเรื่อยๆ ในพริบตาก็บังเกิดการปะทะกันอยู่หลายตลบ
กระบี่ของอาชูร่าหญิงช่างดุร้ายรุนแรง ทุกการจ้วงแทงล้วนเป็นการลงมือที่หมายจะทำให้ทุกอย่างจบลงในกระบวนท่าเดียว
ขณะที่กู่ฉิงซานตอบโต้กลับไปอย่างไม่ยี่หร่ะ
ไม่นานนัก กู่ฉิงซานก็มองเห็นช่องว่างของอีกฝ่าย ตนจึงจ้วงดาบยาว ทิ่มแทงออกไปเบื้องหน้าทันที
ดาบยาวพุ่งเข้าใส่ตำแหน่งหัวใจของชูร่าหญิง และฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนจะไม่ทันวาดคมกระบี่เข้ามาต่อต้าน!
ทว่าช่างน่าฉงน แม้จะผ่านไปชั่วขณะแล้ว แต่ชูร่าหญิงยังคงนิ่งงัน ราวกับว่าเธอไม่ทันตระหนักได้ถึงคมดาบของกู่ฉิงซานเลย
และทันใดนั้น ปลายดาบยาวก็เจาะเข้าไปทะลุหน้าอกเธอ
“นี่เจ้า .. ”
กู่ฉิงซานพยายามอย่างเต็มกำลังที่จะเบี่ยงวิถีดาบยาวในวินาทีสุดท้าย
แท้จริงแล้ว เป็นชูร่าหญิงเองที่ลวงเขา และยินยอมเสียสละกายเพื่อรับกระบวนท่านี้!
อย่างไรก็ตาม คมกระบี่ที่สาดประกายสะท้อนแสงกลับมิได้จ้วงแทงสวนใส่กู่ฉิงซาน มันกลับถูกทิ้งลงบนพื้น
และมีเพียงร่างของชูร่าหญิงเท่านั้นที่โผเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
เธอเอนอิงศีรษะตัวเองเบาๆลงบนไหล่ของกู่ฉิงซาน
“เอาจริงๆนะ … ข้าไม่อยากที่จะลืมเจ้าเลย .. ”
ปากเอ่ยเสียงกระซิบ
และทันใดนั้นเอง ม่านแสงจากท้องฟ้าก็เข้าปกคลุมร่างกายของเธอ
น้ำตาที่ไหลอาบหน้าถูกปาดออก ชูร่าหญิงยิ้มให้กู่ฉิงซานอย่างอ่อนโยน
ก่อนที่จะบังเกิดกระแสลมพัดผ่าน
เธอได้จากไปแล้ว …