“เฮ้อ…เสี่ยวหงชนะอีกแล้ว” ลั่วจื่อผิงพูดอย่างจนใจ
ใช่ เสี่ยวหงเป็นฝ่ายชนะ
ไม่ต้องแบ่งฝ่ายอะไรกันแล้ว
ไม่ว่าเสี่ยวหงอยู่ฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นก็จะชนะ
แม้มันจะถูกมนุษย์หมาป่าฆ่าอย่างโหดเหี้ยมตั้งแต่รอบแรก มันก็สามารถแว้งกัดผ่านเบาะแสต่างๆ ได้ แถมความแม่นยำในการคาดเดาก็สูงอย่างน่ากลัว
ไป๋หลิงนวดหัวคิ้ว นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า การแบ่งทีมสมดุลหรือไม่ไม่สำคัญเลย
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด…แท้จริงแล้วก็คือเสี่ยวหง!
“พี่ไป๋ อันที่จริงท่านเป็นมนุษย์ใช่ไหม”
จู่ๆ เสี่ยวหงก็โพล่งขึ้นมา พร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์
ไป๋หลิงชะงักเล็กน้อย ถามอย่างยียวนว่า “ไยจึงคิดเช่นนี้”
“ข้าอ่านความรู้สึกจากตัวท่าน มองเห็นจิตวิญญาณ” ดวงตากลมของเสี่ยวหงจดจ้องไป๋หลิงอย่างงดงามชวนมอง
พวกอันหลินได้ฟังก็นิ่งไป
โอ้โฮ เห็นจิตวิญญาณด้วยหรือ
เสี่ยวหงสุดยอดขนาดนี้เชียว!
ไป๋หลิงหัวเราะเบาๆ ไม่ตอบอะไร แต่เบนสายตามองลูกบอลสีขาวเหนือสะพานไม้แล้วพูดว่า “พลังของลูกเสินหลิงจวนจะหมดแล้ว พวกเจ้ามีเวลาห้าวินาที อย่าพลาดเสียละ”
ทุกคนที่ยังไม่ทันได้สติก็ต้องงงอีกครั้ง
อะไรกัน นี่นับเป็นการช่วยเหลือหรือไม่
ไป๋หลิงใจดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด คงไม่ได้มีกับดักอะไรอีกหรอกนะ
เมื่อเห็นทุกคนทั้งตกใจและฉงน ไป๋หลิงก็ไม่พูดอะไรต่อ ค่อยๆ เลือนหายไปจากที่เดิม
เชื่อคำนางดีไหม
ความจริงไม่ว่าอย่างไร รอให้ลูกบอลสีขาวหยุดยิงลำแสง พวกเขาก็จะลองดูสักตั้งอยู่ดี
ไป๋หลิงไม่จำเป็นจะต้องออกปากเตือนเลย…
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะลองดูก่อน” อันหลินกล่าว
“เฮ้อ ไปด้วยกันดีกว่า อย่างไรเสียก็มีแค่โอกาสนี้ ผ่านก็ผ่าน ไม่ผ่านก็ไม่ผ่าน” เหมียวเถียนโบกมือ ชัดเจนว่าตั้งใจจะไปลุยกับอันหลิน
เป็นอย่างที่เหมียวเถียนพูด มีแค่โอกาสนี้เพียงหนเดียวแล้ว ทุกคนปล่อยให้อันหลินไปเสี่ยงอันตรายเพียงลำพังไม่ได้ จึงพากันไปยืนข้างหลังเขา
เมื่อเห็นสมาชิกทุกคนตัดสินใจเช่นนี้ อันหลินก็ซาบซึ้งใจ ไม่ห้ามพวกเขาอีก
ทันใดนั้น ลูกบอลสีขาวก็หยุดยิงลำแสง แม้แต่แสงก็หม่นลงไปเล็กน้อย
จิตวิญญาณแห่งสายลม!
สายลมรายล้อมสองเท้าของอันหลิน ความเร็วพุ่งทะยาน ลอยไปหาลูกบอลสีขาวในพริบตา!
แม้ไป๋หลิงจะบอกว่าพวกเขามีเวลาห้าวินาที แต่อันหลินก็พยายามสุดความสามารถ อาศัยช่วงเวลาอันน้อยนิด เขาข้ามระยะทางร่วมร้อยเมตรในเวลาไม่ถึงสองวินาที
สองมือตบลูกบอลสีขาว ถ่ายเทพลังปราณอย่างบ้าคลั่ง!
ตอนนี้ทุกคนก็ข้ามสะพานไม้มายืนอยู่ข้างอันหลินแล้ว จ้องลูกบอลลูกนั้นด้วยความตึงเครียด ด้วยเกรงว่ามันจะปล่อยลำแสงออกมากะทันหัน
เสียงปานหุ่นยนต์ดังขึ้นอีกครั้ง “การทดสอบแห่งการดับสูญสำเร็จ”
ทุกคนได้ฟังก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาผ่านการทดสอบที่น่ากลัวนี่แล้ว!
เกิดความรู้สึกวิงเวียนขึ้นชั่วครู่ จากนั้นพวกเขาก็มาถึงพื้นที่สีขาวบริสุทธิ์อีกครั้ง
ร่างของไป๋หลิงปรากฏให้เห็นอีกครั้ง ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
“ขอแสดงความยินดีที่พวกเจ้าผ่านการทดสอบ ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนจะได้รับการสืบทอดสายเลือดของสถาบันวิจัย ส่วนจะได้การสืบทอดประเภทใดกันนั้น ข้าจะช่วยเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด”
ฝ่ามือขาวผ่องของนางตบลูกบอลสีดำทะมึน ลำแสงสาดส่องทุกคนอย่างถ้วนทั่ว
“เพียงพอนลม กระต่ายเงิน มังกรกระบี่ วานรปีศาจ” ไป๋หลิงมองพวกเขาแล้วเอ่ยปาก
จากนั้นนางก็ชี้ไปที่เจ้าอัปลักษณ์ นัยน์ตาฉายประกายบางอย่าง กล่าวว่า “เทพแห่งความมืด”
นางหันมองกระเป๋าของอันหลิน “กระจกสมาน”
สุดท้ายนางก็มองอันหลิน คิ้วงามขมวดเป็นปม ยิ่งมองก็ยิ่งงุนงง ราวกับว่าตกอยู่ในความลำบากใจกับการตัดสินใจ
อันหลิน “…”
ไป๋หลิงลูบคางเนียนของตัวเอง กัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าอยากได้การสืบทอดอะไร”
อันหลินชะงักเล็กน้อยแล้วชี้ที่ตัวเอง “ให้ข้าเลือกเองหรือ”
ไป๋หลิงมองอันหลิงด้วยความสับสน ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าอ่านเจ้าไม่ออก ตัดสินใจไม่ได้ ฉะนั้น…เจ้าเลือกเองเถอะ!”
อันหลิน “…ข้าไม่เอาได้ไหม”
ไป๋หลิงหัวเราะเบาๆ “ไม่ได้! ทำไม ไม่เชื่อใจการสืบทอดสายเลือดของสถาบันเราหรือ”
“ต้องรู้ว่าการสืบทอดที่พวกเจ้ารับในตอนนี้ เป็นการสืบทอดชั้นสูงสุดของสถาบันวิจัยอารยธรรมดาวม่วง คนทั่วไปไม่มีแม้แต่โอกาสได้สัมผัสด้วยซ้ำ”
ขณะที่พูด นางก็ใช้ปลายนิ้วจิ้มหน้าผากของอันหลิน
ตัวเลือกต่างๆ นานาผุดขึ้นมาในหัวอันหลินในชั่วพริบตา แม้แต่ลักษณะเด่นทางพันธุกรรมของสายเลือดก็เด่นชัดอยู่ภายใน
เขามองการสืบทอดเหล่านี้ ตัดสินใจเลือกไม่ถูก คิดในใจว่าต้องการอะไรหรือไม่ต้องการอะไร ขออะไรที่สุดยอดก็แล้วกัน
เขาที่คิดเช่นนั้น จู่ๆ ก็เปิดหน้าจอ ‘การสืบทอดแห่งมรรควิถี’ ขึ้นมา
“ชะตาสวรรค์จะมาเยือน สรรพสิ่งดับสูญ…”
ข้อมูลเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขาไม่ขาดสาย นี่ไม่ใช่การสืบทอดทางสายเลือด แต่เป็นข้อมูลมากเหลือคณานับ ราวกับฝังลึกลงในหัวสมองของอันหลิน!
เปรี๊ยะ…
เกิดเสียงกังวานดังมาจากลูกบอลสีดำ มันแตกแล้ว…
ไป๋หลิงน่าซีดเป็นครั้งแรก ชักนิ้วออกอย่างตื่นตระหนก มองอันหลินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ยามนี้ พวกเหมียวเถียนได้รับการสืบทอดแล้ว ต่างก็ลืมตาขึ้น
พวกเขามองอากัปกิริยาของไป๋หลิง จากนั้นมองลูกบอลสีดำอย่างอดตกใจไม่ได้
มีเพียงอันหลินที่เกาหัวอย่างไม่เข้าใจ “การสืบทอดยังไม่สิ้นสุด ไยจึงหยุดลงแล้วล่ะ”
มุมปากของไป๋หลิงกระตุก รู้สึกมีอารมณ์บางอย่างคุกรุ่นในใจ อึดอัดใจอย่างยิ่ง
“เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่”
นางมองอันหลิน แม้แต่เสียงก็เริ่มสั่นเครือขึ้นมา
“ข้าคืออันหลินอย่างไรเล่า เป็นมนุษย์โลก ศิษย์ของสรวงสวรรค์”
“ตกลงเจ้าจะให้การสืบทอดหรือไม่ หยุดกลางคันหมายความว่าอย่างไร ไม่รู้หรือไงว่าการหยุดพูดกลางคัน มันทำให้คนทรมานน่ะ” อันหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ใบหน้างามของไป๋หลิงเริ่มแดงระเรื่อ โมโหจนเนื้อตัวสั่นเทา
ทรมานหรือ ข้าต่างหากที่ทรมาน!
ข้อมูลของศูนย์กลางถูกเจ้าขโมยไปเกือบครึ่ง แต่เจ้าทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวมันหมายความว่าอย่างไร!
“ไม่มี รีบไสหัวไป!”
เมื่อนางโบกมือ พวกอันหลินก็รู้สึกเวียนหัวตาลาย ร่างก็กลับไปอยู่บนสะพานไม้แห่งนั้น
อันหลิน “… แย่แล้ว ตัวนิ่มพูดอะไรกันแน่นะ”
ทุกคน “…”
แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นท่าทางของไป๋หลิงที่โมโหเพราะอันหลิน พวกเขาก็รู้สึกสะใจมากเช่นกัน!
ประตูบานใหม่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
พวกอันหลินเดินเข้าไป
จากนั้น พวกเขาก็มาถึงลานโล่งกว้างแห่งหนึ่ง ที่นี่มีโต๊ะ เก้าอี้ มีสิ่งประดิษฐ์แปลกพิสดารลอยอยู่กลางอากาศ
ฉากนี้คุ้นเคยเป็นอย่างมาก เพราะนี่เป็นโถงใหญ่ที่พวกเขาเจอตอนเพิ่งมาถึง!
“กลับ…กลับมาแล้วหรือ” เหมียวเถียนไม่อยากจะเชื่อ
กลับกันเป็นซุนเซิ่งเหลียนที่นึกอะไรขึ้นมาได้ ป้องปากแล้วขำ “นี่คงจะเป็นความดีความชอบของหัวหน้า”
ทุกคนได้ยินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นต่างก็นึกถึงท่าทางที่ไป๋หลิงโมโหพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พากันหัวเราะออกมาอย่างรู้ใจ
นี่เป็นปิดประตูไล่แขกในตำนานหรือ
พูดได้แค่ว่า พี่อัน…เยี่ยมสุดๆ!
อันหลินไม่สนใจคำชื่นชมและความซาบซึ้งใจของสมาชิก แต่กลับมองสิ่งประดิษฐ์จักรกลห้าชิ้นที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าแปลกพิลึก
“สิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีของศูนย์วิจัยสายเลือดของสิ่งมีชีวิต ศูนย์กลางคือยาหลอมร้อยสัตว์ สามารถทำให้พลังแห่งเทคโนโลยีและพลังแห่งสายเลือดเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้มีม่านมิติขวางกั้น…”
“หากต้องการเปิดมันละก็ ขอแค่…”
พลังปราณไหลมารวมกันที่ปลายนิ้วของเขา วาดแผนผังค่ายกลอันซับซ้อนลงบนม่านมิติที่มีกันดั้มร่างมนุษย์อยู่
จากนั้น ค่ายกลส่องแสงสว่างไสว ประหนึ่งเป็นกุญแจ ฉีกม่านมิติชั้นนั้น!
อันหลินเก็บกันดั้มตัวนี้ใส่ในแหวนมิติอย่างไม่ลังเล
จากนั้น เขาก็เดินมายืนตรงหน้าสิ่งประดิษฐ์จักรกลอีกชิ้น ทำเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้…
ไป๋หลิงกำลังซ่อมแซมลูกบอลสีดำ รู้เรื่องที่อันหลินกำลังทำผ่านจิตสัมผัส ทำเอานางโมโหแทบกระอักเลือด
“อันหลิน…เกินไปแล้วนะ!!!”
นางตะโกนลั่น เงื้อมือขึ้นตบอากาศ
จู่ๆ ประตูที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอกก็เปิดออกโดยพลัน อันหลินที่เพิ่งเก็บกันดั้มชิ้นที่สอง รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ก็ถูกแรงมหาศาลซัดออกไปจากประตูทันที โดยไม่ต้องเป่าแตรเรียกมังกรมาเปิดประตูด้วยซ้ำ…
…………………..