ตอนที่ 108.1 จุมพิตเลือด (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ค่ำคืนอันเงียบสงัด

คืนนี้คล้ายต่างได้รับอิทธิพลจากความระทมทุกข์บนตัวชายหนุ่ม เพราะตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ไร้เสียงผู้คน

หลังฟังตงฟางไป๋อยู่อย่างเงียบๆ จากภายในน้ำเสียงของเขาเมื่อครู่ เล่อเหยาเหยารับรู้ได้ถึงความเสียใจของเขา ใจคล้ายระทมทุกข์เช่นกัน

ตอนนี้เธอจึงพบว่า ชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ อบอุ่นราวแสงอาทิตย์ในเดือนสามมาตลอด แท้ที่จริงในใจก็มีความทุกข์ที่ไม่มีผู้ใดรู้

ในใจของตงฟางไป๋ ต้องเจ็บปวดแน่นอน!

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เล่อเหยาเหยารู้ว่าเขากำลังโทษตนเอง นำเอาความผิดทั้งหมดโยนไว้บนตัวตนเอง ทำให้เล่อเหยาเหยาอดห่วงใยไม่ได้ รู้สึกปวดใจแทนเขา

“พี่ไป๋ ท่านอย่าโทษตนเองเช่นนั้น ความจริงนั่นมิใช่ความผิดของท่าน ยามนั้นท่านยังเป็นเพียงเด็กอายุสี่ขวบคนหนึ่ง การมีชีวิตรอดจากน้ำท่วมที่น่าหวาดกลัวขนาดนั้นมาได้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หากน้องสาวของท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านต้องมีวันที่ได้พบเธอแน่นอน อีกทั้งข้าเชื่อว่า หากน้องสาวของท่านรู้ว่ามีพี่ชายที่แสนดีเช่นนี้ ตามหาเธอตลอด เธอต้องไม่โทษท่าน และยังรู้สึกดีใจมากแน่!”

“จริงหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา แม้จะรู้ว่าเล่อเหยาเหยาปลอบใจตน แต่ในใจตงฟางไป๋ยังรู้สึกถึงความสุขเล็กๆ ในความทุกข์

ส่วนเล่อเหยาเหยาเมื่อเห็นสายตาชายหนุ่มตรงหน้าที่เคยงามสง่าอ่อนโยน เวลานี้ดุจเด็กน้อยที่อมทุกข์บอบบาง ทำให้คนที่เห็นปวดใจ ดังนั้นเธอจึงพลันเอ่ยขึ้นว่า

“ใช่ หากข้าเป็นน้องสาวของท่าน ต้องคิดเช่นนี้แน่ และข้าอิจฉาน้องสาวของท่านเสียจริง หากข้ามีพี่ชายที่แสนดีเช่นท่าน จะมีความสุขมากเพียงใดกัน!”

ประโยคนี้ เล่อเหยาเหยาพูดออกมาจากใจ

เพราะเป็นลูกคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก แม้จะได้รับความรักทะนุถนอมจากบิดามารดา แต่ภายในจิตใต้สำนึก เธอยังคิดว่าหากตนมีพี่น้อง ต้องยอดเยี่ยมอย่างมากแน่!

โดยเฉพาะพี่ชายเช่นตงฟางไป๋นี้ สุภาพอ่อนโยน รูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลา นี่คือลักษณะของพี่ชายที่แสนดีในใจของหญิงสาวทุกคน!

ก่อนที่เล่อเหยาเหยาจะถอนหายใจออกมา ตงฟางไป๋ที่อยู่ข้างกายเธอ หลังได้ยินคำพูดนี้ของเธอ มีสีหน้าตกตะลึง พลันยกมุมปากยิ้มแย้มออกมา

รอยยิ้มน่าหลงใหลนั้น ทำให้ความโศกเศร้าบนใบหน้าของเขาค่อยๆ มลายหายไป

“ฮ่าๆ น้องเหยา ข้าเองก็คิดเช่นนี้ หากข้ามีน้องชายที่น่ารักน่าสนใจเช่นอย่างเจ้า ข้าต้องดีใจอย่างมากแน่!”

“ฮ่าๆ ได้ฟังคำพูดพี่ไป๋ ข้าดีใจเสียจริง เมื่อเป็นเช่นนี้ วันหน้าพวกเราเป็นพี่น้องกันแล้วนะ พี่ไป๋ท่านพูดแล้วคำไหนคำนั้น ท่านจะปฏิเสธไม่ได้แล้ว!”

เล่อเหยาเหยากระพริบดวงตางดงามครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มอย่างอ่อนหวาน

ดีจริง พี่ไป๋ยิ้มแล้ว!

เมื่อเห็นรอยยิ้มน่าหลงใหลบนใบหน้าชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกดีใจ

เช่นเดียวกันกับเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

ขณะถอนหายใจ แม้เขายังตามหาน้องสาวไม่พบ แต่สวรรค์ยังเมตตากับเขา อย่างน้อยส่งน้องชายคนหนึ่งมาให้เขา มิใช่หรือ!

พอคิดถึงตรงนี้ ตงฟางไป๋อดยิ้มมุมปากอย่างมีความสุขขึ้นไม่ได้

รอยยิ้มน่าหลงใหลเช่นนี้นั้น คล้ายกลับแสงจันทร์ที่ส่องสว่างในตอนกลางคืนอันมืดมิด แฝงไปด้วยความสง่าและละมุนงดงาม

ขณะที่เล่อเหยาเหยาและตงฟางไป๋ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข กลับไม่รู้เลยว่าจากพวกเขาไปไม่ไกลมีเงาร่างทะมึนยืนอยู่

เมฆดำเคลื่อนเข้ามาบดบังพระจันทร์บนท้องฟ้า ค่ำคืนที่เดิมทีชวนหลงใหล ถูกปกคลุมด้วยพยับเมฆมืดหม่น เหลือเพียงไฟเขาวัวที่ถูกแขวนไว้บนหลังคาสูง พยายามเปล่งแสงอ่อนโยนออกมายามค่ำคืน

ส่องแสงให้ต้นไม้มีเงาสีสันหลากหลาย และทำให้ชายหนุ่มในมุมนั้น ดูลึกลับ น่าตกตะลึง ดุจปีศาจในยามค่ำคืน ส่วนสายตาของชายหนุ่ม ตกอยู่ที่คนตัวเล็กที่งดงามผู้นั้น

อาจเป็นเพราะรับรู้ถึงสายตามุ่งร้ายนั้น ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ใบหน้ายิ้มแย้ม พลันสั่นเทิ้มทั้งตัว จู่ๆ รู้สึกหนาวเหน็บ ตั้งแต่ฝ่าเท้าคืบคลานขึ้นไปทีละนิ้วจนถึงเหนือศีรษะ

“เอ่อ”

ไอสังหารรุนแรงยิ่งนัก!

ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงงัน ในใจหนาวสั่น

ดวงตางดงามอดกวาดมองไปรอบด้านชั่วขณะไม่ได้ แต่เวลานี้พระจันทร์หลบซ่อนเข้าไปในชั้นเมฆ ทำให้ทุกสิ่งรอบด้านต่างมืดมิด ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงย่อมมองไม่เห็นสิ่งใด

ทว่า ไอสังหารที่รุนแรงเช่นนี้นั้น ทำให้คนเมินเฉยไม่ได้

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงสงสัยในใจ และข้องใจกังวลขึ้นมา

ตงฟางไป๋ที่ยืนอยู่ข้างกายเล่อเหยาเหยา เมื่อเห็นท่าทางสีหน้าระแวงของเล่อเหยาเหยา รอยยิ้มบนใบหน้าลดน้อยลง และอดเอ่ยถามอย่างแปลกใจไม่ได้

“น้องเหยา เป็นสิ่งใดไปหรือ”

“เอ่อ ไม่มีอะไร อาจแป็นพราะข้าคิดมากเกินไป ฮ่าๆ พวกเราออกมานานแล้ว รีบกลับกันเถิด!”

สำหรับสายตาห่วงใยของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาเพียงหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา

อาจเพราะตนคิดมากไป!เพราะที่นี่นอกจากตงฟางไป๋และตน เดิมทีไม่มีผู้ใดมิใช่หรือ!

ทว่าแม้จะคิดเช่นนี้ แต่ในใจเล่อเหยาเหยายังคงวิตกกังวลอยู่

ดังนั้น ขณะหมุนตัวจึงไม่ระวัง เท้าเกี่ยวบางสิ่งเข้า

เล่อเหยาเหยายังไม่ได้ตั้งตัว เสียง ‘อา’ ดังขึ้นพร้อมกับร่างกายพลันสูญเสียการทรงตัว พุ่งกระโจนตรงไปด้านหน้า

เมื่อเห็นตนกระโจนจนจะต้องล้มลงบนพื้น เล่อเหยาเหยาก็ตกใจปิดตาแน่น รอรับความเจ็บปวดที่จะตามมา

ทันใดนั้น เอวเธอกลับมีมือใหญ่ทรงพลังกอดรัดเอาไว้ได้ทันเวลา ทำให้เธอรอดพ้นจากการหกล้มครั้งนี้

“น้องเหยา ระวังด้วย”

“เอ่อ  ขอบคุณพี่ไป๋ โชคดีที่มีท่าน เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่!”

เมื่อยืนได้อย่างมั่งคง เล่อเหยาเหยาจึงตบหน้าอกไม่หยุด พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

ส่วนตงฟางไป๋หลังได้ยินคำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยา เพียงยิ้มออกมา แต่ว่ายังไม่ทันเอ่ยสิ่งใด หางตาคล้ายเห็นบางอย่างเข้า ใบหน้าหล่อเหลาจึงตกตะลึงชั่วขณะ

เมื่อเห็นสีหน้าผิดปกติของตงฟางไป๋ ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ถอนหายใจอยู่ มีสีหน้าไม่เข้าใจ จึงกระพริบตาเปี่ยมไปด้วยความแปลกใจครู่หนึ่ง ก่อนจะมองตามตงฟางไป๋ไป

เมื่อเห็นชายหนุ่มสูงใหญ่ที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงความหนาวเย็นยะเยือกกำลังพัดผ่านมาที่เธออย่างรวดเร็วดุจลมกรด

และทำให้เล่อเหยาเหยาเสียวสันหลัง หนังศีรษะชาวาบ

ในใจก็พลันคิดได้ทันที

เธอควรจะนึกได้ว่าคนที่สามารถส่งไอสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ออกมาได้ นอกจากพญายมแล้ว ยังจะป็นผู้ใดอีก!

พญายมน่าจะมาอยู่ที่นี่นานพอสมควรแล้ว!

และเรื่องราวระหว่างเธอและตงฟางไป๋เมื่อครู่ เขาต้องเห็นอย่างชัดเจนแน่นอน

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ แล้วเช่นไร!

เธอกับตงฟางไป๋บริสุทธิ์ต่อกัน ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ทว่าพญายมน่าตายนี้ เหตุใดจึงโมโหขนาดนี้ ทำให้เธอคิดว่า ตนคล้ายผู้หญิงที่ปีนกำแพงแอบไปหาชายชู้ ส่วนพญายมคือสามีขี้อิจฉาผู้นั้น

เพ่ย เพ่ย เพ่ย!

นี่เธอคิดฟุ้งซ่านสิ่งใดกัน ปีนกำแพงอันใด สามีขี้อิจฉาอันใดกัน!

หากพญายมเป็นสามีของเธอจริง เธอขอตายไปเสียดีกว่า!

เพราะผู้ใดจะยอมเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่เพียงขยับก็โมโห นิสัยโหดเหี้ยม และเอาแน่เอานอนไม่ได้นี้ทุกวัน!

ตอนเป็นบ่าวของเขา เธอยังกดดันอย่างหนัก หากเป็นผู้หญิงของเขาละก็…

เอ่อ…

เอาเถอะ นั่นคือเรื่องที่เธอไม่ควรคิด!

ทว่าพญายมตอนนี้ เป็นอย่างไรกันแน่

เขากำลังโมโหเรื่องใด หรือผู้ใดยั่วโมโหเขา!

เรื่องพวกนี้น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเธอ!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาคิดจากไป เพราะพอคิดถึงเรื่องน่ารังเกียจที่พญายมทำกับเธอเมื่อคืน เธอยังไม่อยากเห็นหน้าเขา!

ทว่าเล่อเหยาเหยาคิดเช่นนี้ แต่กลับมักมีคนไม่ยอมให้เธอสมปรารถนา

“ไป๋ ข้ามีเรื่องจะสั่งงานขันทีผู้นี้ เจ้ากลับไปก่อนเถิด!”

“หากเป็นเช่นนี้ก็ ได้!น้องเหยา เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ตงฟางไป๋ยิ้มหลังเอ่ยจบ ก่อนหมุนตัวเดินจากไป

เมื่อเห็นตงฟางไป๋จากไปเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาจึงหวาดกลัวในใจ อยากจะเอ่ยบางอย่างกับแผ่นหลังของตงฟางไป๋ที่จากไป แต่กลับถูกทำลายลงด้วยสายตาเคร่งขรึมนั้น ทำให้คำพูดทั้งหมดของเธอถูกกลืนลงไปในลำคอ ไม่ได้เอ่ยออกมา

ฮือๆ พี่ไป๋ ท่านจะไปเช่นนี้ไม่ได้ ท่านไป ข้าต้องเคราะห์ร้ายแน่!

เล่อเหยาเหยาตะโกนอยู่ในใจ สีหน้าดูอยากร้องไห้ออกมา แต่ไร้น้ำตา

แต่ตงฟางไป๋กลับไม่ได้ยินร้องเรียกในใจของเธอ จึงเดินจากไปไกลแล้ว

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาผิดหวังทันที

ค่อยๆ ละสายตาจากเงาร่างของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาหันใบหน้ากลับมาราวหุ่นยนตร์ ก่อนถูกต้อนรับด้วยใบหน้าเย่อหยิ่งเย็นชาของพญายม

จึงฉีกยิ้มที่ดูแย่กว่าร้องไห้ออกมา ก่อนจะเอ่ยตะกุกตะกักขึ้น

“คา…คาระวะท่า…ท่านอ๋อง มิทราบท่านอ๋องมีเรื่องใดจะรับสั่งบ่าวหรือ บ่าวจะรีบไปจัดการทันที!”

เพียงออกห่างจากพญายม เรื่องใดเล่อเหยาเหยายินยอมทำทันที!

เล่อเหยาเหยาคิดเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่พญายม คล้ายเกิดมาเพื่อเอาชนะตน

เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงภาพด้านหน้ามืดลง พญายมที่เดิมทีอยู่ห่างออกไปกว่าห้าก้าว ไม่รู้มายืนอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อใด และเขาอยู่ใกล้ชิดเธออย่างมาก ใกล้จนกลิ่นอำพันทะเลที่หอมน่าดมนั้นโชยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยังมีไอสังหารที่ไร้รูปแต่ทรงพลัง ทำให้เล่อเหยาเหยาพลันขนลุกไปทั้งตัว

เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงหนังศีรษะชาวาบ สองเท้าอดก้าวถอยหลังไปไม่ได้

เพราะไอสังหารบนร่างกายพญายมรุนแรงเกินไป ปีศาจตัวน้อยเช่นเธอควรออกไปให้ห่างจากเขาจึงดีที่สุด

แต่ว่าเธอถอยหลังไปเพียงก้าวเดียว พญายมกลับก้าวเดินขึ้นมาอีกครั้ง

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาทำสิ่งใดไม่ถูก

ดังนั้นจึงถอยหลังไปอีกครั้ง

คิดไม่ถึง พญายมคล้ายทำทุกอย่างเช่นเธอ ยิ่งเธอถอยหลัง เขายิ่งเดินตามติดขึ้นมา

สุดท้ายกระทั่งเธอถอยต่อไปไม่ได้ เพราะด้านหลังเธอคือทะเลสาบแวววาวระยิบระยับ หากถอยอีกครั้งเธอต้องตกลงไป

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้

แม้ในใจจะหวาดกลัวพญายม แต่สิ่งที่มากที่สุดกลับเป็นโมโหและสับสน

พญายมน่าตายนี้ คิดทำสิ่งใดกันแน่!