บทที่ 146 ถือว่าข้าขอร้องเจ้า

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

หลินชิงเวยตบล่วมยาของตน หรี่ตายิ้มพูดกับหลินเสวี่ยหรง “สิ่งนี้ข้าก็นำมาด้วยแล้ว เจ้าว่าข้ามาทำอันใด?”

หลินเสวี่ยหรงแค่นเสียงเย็น ชัดเจนยิ่งนักว่านางไม่รับน้ำใจ “ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีที่นี่!”

หลินชิงเวย “ที่จริงข้ามาด้วยเจตนาดี แต่ทันทีที่เข้าประตูมาก็เห็นหน้าเจ้าข้าจึงเปลี่ยนใจกะทันหัน หากเจ้าขอร้องข้า ข้ายังพอจะพิจารณาได้”

หลินเสวี่ยหรงโกรธจนหัวเราะออกมา “ขอร้องเจ้า? ฝันไปเถอะ ข้าหลินเสวี่ยหรงชาตินี้ก็ไม่มีทางขอร้องเจ้า! ข้าไม่ต้อนรับเจ้าเข้ามาในเรือนข้าเช่นกัน หลีกไป ข้าจะเข้าวังไปเชิญหมอหลวงมารักษาท่านอ๋องด้วยตัวเอง!”

หลินชิงเวยหลีกทางให้นางอย่างใจกว้าง เซียวเยี่ยนมองหลินชิงเวยอย่างไม่กระจ่างแจ้ง หลินชิงเวยส่งสายตาว่า “อย่าหุนหันพลันแล่น” ราวกับกำลังพูดว่า เสด็จอาอย่าเพิ่งใจร้อน หยอกนางเล่นเท่านั้นเอง

อีกทั้งหลินเสวี่ยหรงรู้ดีว่าหลินเสวี่ยหรงจะกลืนน้ำลายตนเองอย่างรวดเร็ว

หลินเสวี่ยหรงเดินผ่านร่างของหลินชิงเวย นางยังเดินออกไปไม่ได้กี่ก้าว หลินชิงเวยก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านว่า “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดคนที่เจ้าส่งไปเชิญหมอหลวงล้วนเข้าประตูวังหลวงไม่ได้? เจ้าเป็นแค่อนุเล็กๆ คนหนึ่ง คิดว่าจะเข้าไปได้หรือ?” โทษหลินชิงเวยไม่ได้ที่เพียงมองแค่แวบเดียวมองสถานะอนุของนางออก นี่ไม่ใช่เรื่องยากอันใด หลินเสวี่ยหรงแต่งกายราวกับนางจิ้งจอกอย่างไรอย่างนั้น ไหนเลยจะมีท่าทางของประมุขฝ่ายหญิงของจวนแม้สักกระผีก?

เพียงแต่คำว่า “อนุเล็กๆ” สองคำนี้ เมื่อหลินเสวี่ยหรงฟังแล้วบาดหูอย่างยิ่งยวด นางถลึงตามองหลินชิงเวยด้วยสายตาคับแค้นใจดวงหน้าซีดขาว หลินชิงเวยพูดต่ออย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ข้าเชื่อว่าเจ้าไปก็เข้าวังไม่ได้เช่นกัน เจ้าไม่ใช่ทั้งพระชายาและไม่ใช่ฮูหยินตราตั้ง ผู้อื่นจะปล่อยให้เจ้าไปหรือ?” หยุดไปครู่หนึ่งก็พูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “อีกทั้งเสด็จอามีความอดทนอดกลั้น คนทั้งหมดของจวนเซี่ยนอ๋องที่เจ้าส่งออกไปก่อนหน้านี้ล้วนถูกขัดขวาง”

หลินเสวี่ยหรงตัวสั่นเทิ้ม มิน่าเล่า มิน่าเล่าข่าวนี้ส่งไปไม่ถึงวังหลวง ถึงกับถูกเซ่อเจิ้งอ๋องขัดวางเอาไว้! นางมิกล้ามีท่าทีใดๆ ต่อเซ่อเจิ้งอ๋องได้แต่กรีดร้องเสียงแหลมใส่หลินชิงเวยอย่างขาดสติ “หลินชิงเวย เจ้าต้องการอย่างไรกันแน่! ความผิดฐานวางแผนทำร้ายเซี่ยนอ๋องมีโทษถึงตายเจ้ารู้หรือไม่?!”

หลินชิงเวยแบะปาก “เจ้าไม่มีสมองหรือน้ำปัสสาวะเข้าสมองของเจ้ากันแน่ เสด็จอากำลังช่วยเจ้าอยู่”

หลินเสวี่ยหรงเกือบจะทนไม่ไหวเงยหน้าขึ้นหัวเราะ นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันถากถาง “ช่วยข้า? ท่านอ๋องป่วยหนักจนหมดสติไม่ฟื้น เซ่อเจิ้งอ๋องไม่ให้พวกเราเข้าวังไปเชิญหมอหลวง นี่กำลังช่วยข้าหรือซ้ำเติมข้ากันแน่?”

หลินชิงเวย “ข้ามิใช่อยู่ที่นี่หรืออย่างไร หรือเจ้าคิดว่าข้าเก่งกาจไม่เท่าหมอหลวงในวังเหล่านั้น?” พูดแล้วก็หัวเราะขึ้นมา “คาดว่าเจ้าคงมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับความรักทั้งวัน ก่อนหน้านี้เมื่ออยู่จวนมหาเสนาบดีก็คิดแต่จะเอาอกเอาใจใต้เท้ามหาเสนาบดีกระมัง จึงไม่เคยใส่ใจว่าเซี่ยนอ๋องผู้นั้นของเจ้ามีสถานะและอำนาจอันใดในราชสำนัก เซี่ยนอ๋องประพฤติตนยโสโอหังมีใจคิดทรยศ หากจะโทษก็ต้องโทษที่ยามปกติเขาหยิ่งผยองเกินไป ฝ่าบาททรงหวาดระแวงเขาเป็นอย่างมาก เจ้าว่าหากเจ้าส่งคนเข้าวังไปกราบทูลฝ่าบาทเรื่องเชิญหมอหลวงสำเร็จ เซี่ยนอ๋องจะมีชีวิตยืนยาวขึ้นหรือตายเร็วขึ้นกันเล่า? นี่ก็คือสาเหตุที่เสด็จอาและข้ามาปรากฏกายที่นี่กลางดึก”

ทันทีที่พูดจบ หลินเสวี่ยหรงได้แต่ยืนทึ่มทื่ออยู่ที่นั่น

คำพูดเหล่านี้ของหลินชิงเวยล้วนถูกนางมองข้ามไปเสียสิ้น นางร้อนใจดั่งไฟสุม จิตใจของนางมุ่งแต่คิดจะหาคนมารักษาเซียวอี้ ทว่ากลับไม่รู้ว่าการกระทำที่ไม่ระมัดระวังเช่นนี้จะเป็นการบีบให้เขาเข้าสู่ทางตัน

เซ่อเจิ้งอ๋องพาหลินชิงเวยมาเยือนเป็นการส่วนตัวถึงหน้าประตูจวน ไม่มีความจำเป็นต้องหลอกลวงนางด้วยซ้ำ

หลินชิงเวยยักไหล่พูดอย่างไม่ยี่หระว่า “พอแล้ว ยามนี้เจ้ากระจ่างแจ้งในเรื่องนี้แล้ว จะทำอย่างไรก็สุดแท้แต่เจ้า” พูดแล้วก็หันกายเตรียมออกไปจากจวนเซี่ยนอ๋อง “หวังว่าครั้งนี้เจ้าจะเข้าวังได้อย่างราบรื่นและเชิญหมอหลวงมาได้จะได้ส่งเซี่ยนอ๋องขึ้นสวรรค์เร็วขึ้น”

“เจ้า!” หลินเสวี่ยหรงยังไม่ได้ก้าวจากไป หลินชิงเวยกลับมีท่าทีจะจากไปจริงๆ นางจึงอดที่จะร้อนใจไม่ได้นางหันมองไปเซ่อเจิ้งอ๋องไม่เห็นเซ่อเจิ้งอ๋องมีปฏิกิริยาใดๆ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะยับยั้งหลินชิงเวย หลินเสวี่ยหรงร้อนใจจนทนไม่ได้จึงส่งเสียงว่า “ในเมื่อเจ้ามาเพื่อรักษาท่านอ๋อง เช่นนั้นก็เข้าไปเถิด!”

หลินชิงเวยหยุดฝีเท้าหันกลับมองหลินเสวี่ยหรงด้วยหางและยิ้มอย่างไร้พิษสง “ไม่ใช่บอกแล้วหรือไรว่า ก่อนหน้านี้คิดจะช่วยรักษา แต่ยามนี้เห็นเจ้าแล้วไม่อยากช่วยรักษาแล้ว เซี่ยนอ๋องตายเร็วไปเกิดใหม่เร็ว อย่างมากทางเซ่อเจิ้งอ๋องก็ต้องเสียเวลาเล็กน้อยเท่านั้นเอง”

ปลายนิ้วเรียวยาวประดุจหยกของหลินเสวี่ยหรงบิดผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมในมือแน่น นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างคับแค้นใจ “เจ้าต้องการอย่างไรกันแน่?”

“เมื่อสักครู่ข้าพูดอย่างไรเล่า?” หลินชิงเวยมีความอดทน แต่หลินเสวี่ยหรงไม่มีความอดทนมากมายเช่นนั้น เซี่ยนอ๋องเซียวอี้ยิ่งไม่มีเวลาอดทนยิ่งกว่าพวกเขารอไม่ได้แล้ว

หลินเสวี่ยหรงประจันหน้าหลินชิงเวยอึดใจหนึ่ง สุดท้ายนางไม่อาจไม่ลงให้หลินชิงเวย จึงกล่าวกับหลินชิงเวยอย่างมีโทสะว่า “ต้องการให้ข้าขอร้องเจ้า เจ้าจึงจะยอมช่วยใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ได้ ถือว่าข้าขอร้องเจ้า!”

หลินชิงเวยพูดอย่างเห็นขัน “ท่าทางราวกับจะกินคนของเจ้าเช่นนี้ ไหนเลยจะมีท่าทีขอร้องผู้อื่นแม้เพียงครึ่งส่วน?”

สีหน้าของหลินเสวี่ยหรงขาวจนเขียว นางกัดฟันแน่น ดวงตาที่มองหลินชิงเวยนั้นเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ทว่าสุดท้ายนางยังคงหลุบตาลงต่ำถึงกับคุกเข่าลงช้าๆ เบื้องหน้าหลินชิงเวย “ขอร้องเจ้า ช่วยท่านอ๋องด้วย”

หลินชิงเวยเก็บงำรอยยิ้มบนใบหน้าของตน นางก้าวเท้าเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลินเสวี่ยหรงแล้วมองนาง จากนั้นยื่นปลายนิ้วออกไปนิ้วหนึ่งเชยคางของนางขึ้นมา หลินเสวี่ยหรงถูกบังคับให้เงยหน้า ดวงตาของนางฉาบไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ หลินชิงเวยเลิกคิ้วพูดว่า “ยามนี้เห็นเจ้าไร้หนทางต่อสู้เช่นนี้ ช่างหมดความน่าสนใจนัก”

เซียวเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นเรียบๆ “พอสมควรแล้วก็เข้าไปเถิด”

หลินชิงเวยเดินผ่านร่างของหลินเสวี่ยหรง ราวกับมองไม่เห็นหยาดน้ำตาที่ไหลพรากลงบนใบหน้างดงามรูปไข่อย่างน่าเวทนา นางและเซียวเยี่ยนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่เข้าไปในจวนเซี่ยนอ๋อง ตรงไปถึงห้องนอนที่เซียวอี้นอนอยู่

สีหน้าของเซียวอี้เขียวคล้ำ จุดอิ่นถังเป็นสีดำคล้ำ ริมฝีปากเป็นสีม่วง ชัดเจนยิ่งนักว่าเป็นอาการของผู้ต้องพิษ ว่ากันตามเหตุผลแล้วเขาน่าจะทนได้อีกไม่นาน แต่บัดนี้กลับยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย ตัวเซียวอี้เองมีวรยุทธ์ปกป้องร่างกายของตนอยู่แต่เดิม อีกทั้งในจวนยังสมุนไพรชั้นเลิศและโสมล้ำค่าไม่สามัญให้เขาต่อชีวิตได้ชั่วคราวเขาจึงสามารถอยู่มาถึงตอนนี้ได้

คนทั้งสองเข้ามาแล้ว เซียวอี้เผยอเปลือกตาขึ้นมาอย่างอ่อนล้า เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาเบื้องหน้าจึงค่อยๆ ปิดตาลง ริมฝีปากคล้ายมีคล้ายไม่มีรอยยิ้ม พูดอย่างขมขื่นว่า “ทั้งสองท่านมาส่งข้าเป็นครั้งสุดท้ายใช่หรือไม่” แม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นล่วมยาที่หลินชิงเวยสะพายไว้บนบ่ากลับกระจ่างแจ้งในใจ”

หลินชิงเวย “ใช่แล้ว เหตุใดท่านจึงยังไม่ตาย”

“ข้าไร้สามารถ แต่ดวงยังไม่ถึงฆาต”

หลินชิงเวยไม่เสียเวลาเช่นกันตรงเข้าไปจับชีพจรของเซียวอี้ ตรวจดูและถามไถ่อาการ จากนั้นฝังเข็มทันที เซียวเยี่ยนยืนอยู่ข้างหลังหลินชิงเวยอย่างไร้สุ้มเสียง ราวกับเขารู้ว่าหลินชิงเวยต้องการสิ่งใด ก่อนหน้าที่หลินชิงเวยจะขยับมือไม้ไปหยิบด้วยตนเองเขาจะเตรียมเอาไว้ให้หลินชิงเวยก่อนก้าวหนึ่งเสมอ

หลินชิงเวยอดที่จะหันไปมองเซียวเยี่ยนแวบหนึ่งไม่ได้ เห็นเซียวเยี่ยนยืนหันหลังให้กับแสงตะวัน สีหน้าและอารมณ์บนใบหน้านั้นประเดี๋ยวเข้มประเดี๋ยวจาง ทว่ากลับปนเปไปด้วยความเอาจริงเอาจัง

สามารถให้เซ่อเจิ้งอ๋องมาเป็นลูกมือได้ ถือเป็นเกียรติยิ่งนัก!