ตอนที่ 129 : เสร็จสิ้นภารกิจ

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 129 : เสร็จสิ้นภารกิจ

หลังจากได้เห็นเงื่อนไขในการวิวัฒนาการกิเลนไฟกลายพันธุ์แล้ว  หวังเย่าก็โล่งอก เขาได้มองไปที่กิเลนไฟและพูดขึ้น  “ กิเลนไฟ ผมมั่นใจว่าสามารถวิวัฒนาการเจ้านี่ได้ แต่ท่านต้องเตรียมของ 2 อย่างมาให้ผม อย่างแรกคือแร่ไฟขั้นสูง 500 กิโลกรัม อีกอย่างคือเลือดของสัตว์อสูรระดับราชันย์ 10,000 มิลลิลิตร “

“เด็กน้อย เจ้าก็พอมีความรู้ดีนี่ แร่ไฟนั้นมีพลังไฟที่แข็งแกร่ง มันทำให้รากฐานของข้ามั่นคง เจ้าต้องรู้ว่าแร่ไฟขั้นต้น 500 กิโลกรัมมีค่าพลังงานเท่ากับแร่ไฟขั้นกลางครึ่งกิโลกรัม แร่ไฟขั้นกลาง 500 กิโลกรัมมีค่าพลังงานเท่ากับแร่ไฟขั้นสูงครึ่งกิโลกรัม เท่ากับว่าจะต้องใช้แร่ไฟขั้นต้นกว่า 500,000 กิโลกรัม  ข้านอนอยู่ที่นี่มา 3,000 ปี แร่ไฟขั้นสูงมีแค่หมื่นกว่ากิโลกรัมเอง”

หวังเย่าเห็นแร่ไฟผ่านแผ่นดินที่แยกออก ซึ่งไม่ได้เข้าไปตรวจสอบมันด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงไม่เข้าใจมันดีนัก แต่คำอธิบายของกิเลนไฟนั้น ทำให้เขาได้ข้อมูลมามากมาย

อย่างแรก ระดับและเลเวลของกิเลนไฟนั้นสูงเกินไป ในอีกความหมายคือความแข็งแกร่งของมันสูงกว่ามิตินี้แล้ว มันไม่น่าจะใช่สัตว์อสูรของมิตินี้

อย่างที่สองคือร่างของกิเลนไฟนั้นทรงพลัง มิตินี้ได้ดูดซับพลังของกิเลนไฟไป จนเกิดเป็นแร่ไฟขึ้นมา หากมันอยู่นานกว่านี้ก็คงเกิดเหมืองแร่ไฟที่นี่

อย่างที่สามคือสายแร่ไฟที่นี่นั้นใหญ่โต ถ้าต้องขุดเอาแร่ไฟออกมาจริง ๆ งั้นคงได้แร่ไฟขั้นต้นมาอย่างน้อยพันล้านกิโลกรัม มันถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่าและยังมีจำนวนมาก มันสามารถใช้ทดแทนพลังงานที่มนุษย์ขาดหายไปได้

อย่างที่สี่คือกิเลนไฟไม่สนใจแร่ไฟขั้นต้น งั้นมันก็สามารถแลกเปลี่ยนกันได้

หลังจากที่คิดอยู่นาน หวังเย่าก็ยักคิ้วและพูดขึ้น  “ งั้นท่านก็เตรียมของให้พร้อมแล้วให้เจ้านั่นดูดซับมัน ผมมีภารกิจที่ต้องไปทำ ในอีก 3 วันผมจะกลับมาวิวัฒนาการให้มัน ตกลงไหม ? ”

กิเลนไฟมองไปที่หวังเย่าและพูดขึ้น  “ได้ ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่กล้าหนีออกจากมิตินี้ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ความแข็งแกร่งของเจ้า แต่ถ้าทำให้ข้าโกรธ เจ้าคงรู้ผลที่จะตามมา  ข้าพูดจริงทำจริง แต่สามคนที่เหลือน่ะต้องโดนจับตัวเอาไว้ ข้าไม่อยากจับตาดูพวกนี้”

เป็นธรรมดาที่หวังเย่าจะไม่มีปัญหา เขากับกิเลนไฟได้ตกลงกันแล้ว อีกฝ่ายคงไม่ผิดคำพูด ยังไงซะ กิเลนไฟก็เป็นสัตว์อสูรชั้นสูงที่ไม่คิดจะใส่ใจมนุษย์อย่างพวกเขา นี่ไม่ต้องนับเรื่องไล่ฆ่าพวกเขาเลย ดังนั้นหลงปู้หยู๋, เย่ฉิวเกาและฮวงจินเทียนจะปลอดภัยอย่างแน่นอน แต่แค่เสียอิสระไปชั่วคราว

“ตราบใดที่พวกเขาปลอดภัย ผมก็ไม่คัดค้านอะไร”  หวังเย่าตอบกลับ

กิเลนไฟมองไปยังทั้งสามคนก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา  “พวกเจ้าจะมาเองรึจะให้ข้าไปจับพวกเจ้ามา”

ได้ยินแบบนั้น ฮวงจินเทียนและเย่ฉิวเกาก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แต่เมื่อเห็นว่าหลงปู้หยู๋ไม่ได้คัดค้านอะไร ทั้งสองคนก็ได้แต่เดินเข้าไปสมทบ ยังไงซะสองคนนี้ก็ไม่ใช่คนทั่วไป พวกเขาหวงชีวิตตัวเองมากกว่าใคร

เมื่อสามคนนี้เดินเข้ามา กิเลนไฟก็ได้สร้างพายุพัดทั้งสามคนขึ้นไปก่อนจะจากไปพร้อมกับกิเลนไฟกลายพันธุ์

หวังเย่ายืนนิ่งอยู่สักพัก เมื่อเห็นกิเลนไฟกลับไปที่ก้นภูเขาแกะ เขาก็หันหลัง ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องไปยืนยันแร่ไฟพวกนั้นที่ก้นภูเขาด้วยตัวเอง เพราะยังไงซะการให้กิเลนไฟไปตรวจสอบก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร

สำหรับว่ากิเลนไฟจะหาเลือดสัตว์อสูรระดับราชันย์และแร่ไฟขั้นสูงมายังไงนั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวล

กิเลนกลายพันธุ์แค่ต้องดูดซับสมบัติเหล่านี้อย่างน้อย 3 วัน เป็นธรรมดาที่หวังเย่าจะไม่ยอมเสียเวลาเปล่า เขารีบมุ่งหน้าไปที่ชายฝั่ง ใน 3 วันนี้เขาต้องสำรวจน่านน้ำนี้ให้หมด

“จริงสิ อย่างแรกต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน” หวังเย่ามองไปที่เจ้าขาวและพูดขึ้น  “ฉันจะยกเลิกสัญญากับแก แกไปได้”

เจ้าขาวตาแดงก่ำและมองไปที่หวังเย่า เพราะสัญญาถูกยกเลิกไปแล้ว ทำให้ทั้งสองไม่มีการเชื่อมต่อกัน มันยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะขุดรูแล้วมุดลงไป

หวังเย่าไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเอาเรือเล็กออกมาก่อนจะขับออกไปทันที

แม่น้ำที่นี่มีลักษณะเป็นรูปวงกลม มันกว้างหลายร้อยไมล์ และตรงกลางก็เป็นป่าใหญ่

เพื่อที่จะตรวจว่าแม่น้ำนี้ลึกแค่ไหน หวังเย่าก็ได้ดำลงไป สุดท้ายเขาก็ได้ข้อสรุปว่าแม่น้ำนี้ลึกกว่า 500 เมตร ด้วยความลึกระดับนี้ไม่อาจจะเป็นที่อยู่ของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งได้

การสำรวจนั้นน่าเบื่อมาก โชคดีที่หวังเย่าเอาน้ำมันมามากพอทำให้เรือแล่นต่อไปได้เรื่อย ๆ

“ฉลามขาวระดับทองเลเวล 47”

หวังเย่าได้บันทึกสัตว์อสูรที่เขาได้เจอมา เขาอยากทำให้บันทึกนี้สมบูรณ์แบบไม่มีข้อผิดพลาด

อันที่จริงตราบใดที่สำรวจมิติถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าผ่านการทดสอบแล้ว ตอนนี้หวังเย่าได้สำรวจที่นี่ไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว

“กลุ่มปลาดาบผีเลเวลประมาณ 20-30 ลำตัวของมันจากหัวถึงหางยาวประมาณ 36 เมตร มันสามารถพุ่งชนได้”

หวังเย่าได้จดบันทึกทุกอย่างที่เขาเจอลงไป ในบันทึกแต่ละหน้านั้นมีตัวหนังสือเขียนเรียงเต็มหน้ากระดาษ

แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะส่งบันทึกนี้ให้กับฝ่ายตรวจสอบ เมื่อกลับไปแล้วเขาจะทำการเขียนรายงานขึ้นมาใหม่พร้อมกับแนบรูปและวัตถุดิบอื่น ๆ ลงไปด้วย

3 วันต่อมา

หวังเย่าสำรวจน่านน้ำเสร็จสิ้นแล้ว เนื่องจากเขาไม่สามารถดำน้ำได้นาน เขาจึงได้แต่เดินหน้าสำรวจต่อให้ไกลที่สุด เท่าที่เขาจะทำได้

ในแม่น้ำแห่งนี้มีสัตว์อสูรระดับราชันย์เพียงตัวเดียวซึ่งก็คือปลาหมึกยักษ์

แต่มันก็โชคร้ายที่โดนกิเลนไฟจับตัวไป ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นอาหารของกิเลนไฟกลายพันธุ์

หวังเย่าได้กลับมายังภูเขาแกะอีกครั้งก่อนจะลงไปที่ปล่องเขา

เมื่อมองไปรอบ ๆ เขาก็พบว่านี่คือเหมืองแร่ไฟ แม้ว่ารูปร่างของแร่จะประหลาดแต่มันก็มีขนาดเท่ากับกำปั้น มันมีแร่แบบนั้นอยู่เป็นจำนวนมาก

หวังเย่ารู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ส่งผ่านถึงมือ เขารู้ได้ทันทีว่าแร่นี้มีพลังไฟอยู่เป็นจำนวนมาก

“หือ ? ! ”  ตอนนั้นเอง หวังเย่าก็พบแร่สีแดงก่ำและแร่สีแดงทอง

ความร้อนจากแร่ทั้งสองที่ส่งผ่านมาถึงฝ่ามือนั้นร้อนกว่าแร่ไฟขั้นต้น ความร้อนของแร่สีแดงทองนั้นสูงกว่าแร่สีแดงเข้ม

หวังเย่าคิดว่าแร่สีแดงเข้มนี้คงเป็นแร่ไฟขั้นกลาง ส่วนแร่สีแดงทองนั้นคงเป็นแร่ไฟขั้นสูง

“แร่ไฟเยอะแบบนี้ก็เท่ากับพลังงานเป็นจำนวนมาก ถ้าฉันได้เหมืองนี่มาครอบครองก็คงจะดี”  หวังเย่าพูดด้วยตาที่เป็นประกาย