เฉินชางเดินกลับไปที่ห้องเวรโดยไม่พูดอะไร รีบปิดประตูแล้วล็อคให้สนิท!
เปลี่ยนอาชีพ!
นี่มันสุดยอดจนทนไม่ไหวแล้ว ปกติหากเป็นในเกมจะต้องตามหาผู้แนะนำอาชีพ แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุสะเทือนฟ้าสะเทือนดินอะไรขึ้นมาคงพูดยาก
เฉินชางนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างสงบ ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือน
[ยินดีด้วย คุณระดับ 20 แล้ว กรุณาพยายามทำภารกิจเปลี่ยนอาชีพให้เต็มที่ ก่อนภารกิจสำเร็จ จะไม่สามารถเพิ่มระดับได้อีก]
[เส้นทางการเปลี่ยนอาชีพ:
เส้นทางที่ 1: ตามหาผู้แนะนำที่มีคุณสมบัติมากพอสำหรับเปลี่ยนอาชีพ ทำภารกิจเปลี่ยนอาชีพกับผู้แนะนำให้สำเร็จ
เส้นทางที่ 2: กระตุ้นใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพ ทำภารกิจในใบรับรองเปลี่ยนอาชีพให้สำเร็จ
เส้นทางที่ 3: สร้างอาชีพใหม่ เปิดอาชีพของตนเอง]
[ข้อเสนอแนะ: วิธีการได้รับใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพ
1.มอนสเตอร์ระดับจักรพรรดิ
2.ของขวัญจากอาจารย์เลื่องชื่อ
3.ดรอปจากการดวลเดี่ยว (pk) …เป็นต้น!]
[กรุณารีบเปลี่ยนอาชีพให้สำเร็จและกลายเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น!]
เฉินชางมองข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาเป็นระลอก รู้สึกเหมือนมีข้อมูลจำนวนมากระเบิดออกมาในครั้งเดียว
การเปลี่ยนอาชีพมีอยู่สามวิธี วิธีแรกก็คือตามหาคนที่มีคุณสมบัติในการเป็นผู้แนะนำและทำภารกิจจากเขาให้สำเร็จ เช่นนี้ก็จะเปลี่ยนอาชีพได้ เพียงแต่…มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือคนที่มีคุณสมบัติเป็นผู้แนะนำมีมากขนาดนั้น ทำไมคนอื่นต้องมามอบหมายภารกิจเปลี่ยนอาชีพให้ตนด้วย ดังนั้นข้อนี้ดูเหมือนง่าย แต่ความจริงซ่อนไปด้วยเงื่อนไขมากมาย เช่นคนคนนั้นจะต้องสนใจคุณก่อน
บางที…เฉียนเลี่ยงอาจเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
เพราะเฉียนเลี่ยงเคยมอบภารกิจศิษย์อาจารย์สามเดือนให้เขาครั้งหนึ่ง หากตนสำเร็จภารกิจ ไม่แน่ว่าอาจมีโอกาสได้รับการยอมรับจากเฉียนเลี่ยง และเมื่อสำเร็จภารกิจ ผู้แนะนำก็อาจช่วยเปลี่ยนอาชีพได้
เฉียนเลี่ยงเป็นหมอผู้มีชื่อเสียงในวงการศัลยแพทย์ด้านตับและถุงน้ำดี ดังนั้นหากทำภารกิจเปลี่ยนอาชีพจากเขา บางทีตนอาจกลายเป็นศัลยแพทย์ด้านตับและถุงน้ำดี
หากศิษย์รับภารกิจเปลี่ยนอาชีพจากอาจารย์ อาจารย์เป็นอะไร ลูกศิษย์ก็สมควรเป็นอย่างนั้น
เส้นทางที่สองก็คือการกระตุ้นใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพ เมื่อสำเร็จภารกิจในใบรับรองก็จะเปลี่ยนอาชีพสำเร็จ เมื่อเป็นเช่นนี้ ใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพจะต้องมีข้อจำกัดทางอาชีพแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็หยิบใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพที่ได้มาจากการสังหาร ‘ไส้ติ่งระดับจักรพรรดิ’ ออกมา เมื่อนำออกมาแล้วก็พบว่าใบรับรองคล้ายกับบัตรเชิญ เป็นจดหมายแบบพับ
หลังจากเฉินชางพลิกดู พบว่าด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่ว่า “ใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพศัลยแพทย์ทรวงอก!”
นี่เป็นใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพเป็นศัลยแพทย์ทรวงอก!
เฉินชางลังเลครู่หนึ่ง เขารู้สึกกังวล
หากเปลี่ยนอาชีพได้ครั้งเดียว เฉินชางจะไม่เลือกเป็นศัลยแพทย์ทรวงอกแน่นอน
[ติ๊ง! การเปลี่ยนอาชีพทำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง]
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินชางก็ถอนใจออกมา หากเลือกได้เพียงครั้งเดียวจริงๆ จะต้องเลือกอย่างระมัดระวังหน่อย
ส่วนเส้นทางการเปลี่ยนอาชีพอย่างที่สาม เฉินชางยังรู้สึกงุนงง สร้างอาชีพด้วยตัวเองหรือ?
นี่สมควรเป็นระบบที่เตรียมไว้ให้พวกเทพ พวกมีพรสวรรค์และพวกไม่สนใจอะไร ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตน
เฉินชางมองดูเส้นทางการเปลี่ยนอาชีพทั้งสามเส้นทาง จมลงสู่การใคร่ครวญ
หากอิงตามนิยาย ละครโทรทัศน์ หรือละครทางอินเทอร์เน็ต การเปลี่ยนอาชีพทั้งสามวิธีนี้ วิธีที่สามสุดยอดที่สุด เป็นระบบเฉพาะตัวเอก! เส้นทางที่หนึ่งอาจจะดีหรือด้อย แต่อย่างน้อยก็มีผู้แนะนำคอยสั่งสอน มีไว้สำหรับคนเก่ง ส่วนเส้นทางที่สอง ใช้ใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพ…คงเป็นสิ่งที่ธรรมดาและขยะที่สุดแล้วละ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาหลายส่วน
เฮ้อ…
โชคดีที่เปลี่ยนอาชีพได้หลายครั้ง ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสอีกสักหน่อย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป กดใช้ใบรับรองการเปลี่ยนอาชีพทันที
[ต้องการเปลี่ยนอาชีพเป็นศัลยแพทย์ทรวงอกหรือไม่!]
[ใช่!]
[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจเปลี่ยนอาชีพเป็นศัลยแพทย์ทรวงอก
ความต้องการภารกิจ: สังหารมอนสเตอร์ระดับสูงหนึ่งตัวภายในหนึ่งอาทิตย์ หากสำเร็จจะได้รับรางวัล
ข้อเสนอแนะ: ยิ่งระดับของมอนสเตอร์สูง รางวัลที่จะได้รับหลังการเปลี่ยนอาชีพก็จะยิ่งมาก!]
ปฏิกิริยาแรกของเฉินชางก็คือ ตอนนั้นสังหารไส้ติ่งระดับจักรพรรดิเร็วเกินไปจริงๆ…
อย่างไรเสียมอนสเตอร์ธรรมดาก็หาได้ง่าย มอนสเตอร์ไม่ธรรมดาสิหายาก! ส่วนมอนสเตอร์ระดับจักรพรรดิก็น้อยยิ่งกว่าน้อย…ชั่วชีวิตหนึ่งอาจเจอครั้งเดียว!
ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเลย…
การเปลี่ยนอาชีพง่ายมาก แต่หากต้องการได้รับรางวัลดีๆ หลังเปลี่ยนอาชีพ ระดับความยากย่อมแตกต่างกันไป
จู่ๆ เฉินชางก็เกิดสงสัยขึ้นมา หากตนเอามอนสเตอร์ไส้ติ่งระดับแปดตัวหนึ่งมาทำการเปลี่ยนอาชีพ จะผ่านหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม เดิมทีตนก็เลือกเส้นทางการเปลี่ยนอาชีพที่โหลยโท่ยที่สุดแล้ว เฉินชางตัดสินใจจะพยายามสักหน่อย สังหารมอนสเตอร์ระดับสูงตัวหนึ่ง ถึงตอนนั้นอาจทำภารกิจให้สำเร็จได้
แต่ปัญหาที่สำคัญก็คือคำชี้แนะจากอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงของตนเหลือเพียงสองวันแล้ว
หลังจากสองวันนี้ผ่านไป มอนสเตอร์ชั้นยอดที่ตนจะสังหารได้ก็มีเพียงไส้ติ่งกับถุงน้ำดีแล้ว หากคิดทำอะไรเกินตัวคงจะยากเกินไป…
……
……
เพิ่งเปิดประตูห้องเวรออกไปก็เห็นฉินเยว่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น “เฉินชาง…คุณทำอะไรอยู่ในนั้น? ล็อคประตูทำไมคะ”
เฉินชางพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ใช่ว่ากลัวหมาโสดบางตัวทำไม่ดีไม่ร้ายผมหรือไง มันเรียกว่าอะไรนะ…โรคแพ้ภัยกลางคืน?!”
ฉินเยว่ได้ยินดังนั้นก็โกรธจนหัวเราะ “โอ้โห ให้ตายสิ เฉินชาง คุณให้ความสำคัญกับสุขภาพหน่อยได้หรือเปล่า! ยังมาแพ้กลางคืนอะไรอีก? สิ่งที่คุณไม่รู้ยังมีอีกมากเลยนะคะ? นั่นเขาเรียกว่าบุกห้องคนไข้ยามค่ำคืน!”
“ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าคุณไปเรียนภาษาอังกฤษดีๆ ขนาดนั้นมาจากไหน ที่แท้…คุณคิดว่าความรู้บนกระดาษมันน้อยเกินไป เลยอยากดูคลิปเพื่อศึกษาให้ลึกซึ้งสินะคะ? คุณนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันกำลังเฝ้ารอให้ภาษาญี่ปุ่นของคุณพัฒนาอยู่นะคะ!”
เฉินชางชะงักไป ไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บุกห้องคนไข้ยามค่ำคืนนี่เอง…ผมคิดว่าแพ้ภัยกลางคืนซะอีก อืม…ไม่ถูกสิ คุณรู้ได้ยังไง?”
ฉินเยว่หุบปากโดยพลัน ถลึงตากว้าง กระสับกระส่ายไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร “หึ! วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับคนอย่างพวกคุณ ฉันถูกทำให้เสียคนไปนานแล้วละ!”
พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงเฉินชางที่มีหน้าตาไร้เดียงสา คุณต่างหากที่เป็นมือเก๋า ใครทำให้ใครเสียคนกันแน่…
แต่ตกลงฉินเยว่พูดถูกหรือเปล่านะ? หรือว่าฉันพูดถูกแล้ว?
เฉินชางคิดว่าเดี๋ยวกลับไปตนจะต้องศึกษาให้ดีสักหน่อย ในฐานะที่เป็นบุคลากรที่ทำงานด้านการแพทย์ จะต้องมีจิตใจที่จะขวนขวายอยากรู้ความจริง จึงจะพัฒนาไม่หยุดยั้ง…
ตอนนี้เอง ไม่รู้ว่าฉางลี่น่าโผล่มาจากข้างหลังตั้งแต่เมื่อไร…
เดินมาพูดเงียบๆ ว่า “หมอเสี่ยวเฉิน เสี่ยวฉินพูดถูกแล้วค่ะ เป็นบุกห้องคนไข้ยามค่ำคืน…”
เฉินชางกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที
อีกไม่นานก็จะเป็นเวลาหกโมงแล้ว เฉินชางบิดขี้เกียจเล็กน้อย วันเสาร์อาทิตย์สำหรับคนอื่นคือการพักผ่อน แต่สำหรับตนคือการทำงานเสริม
เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปที่คลีนิกจางจื้อซิน เฉินชางก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
จะอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ต้องลงมือ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร? สรุปแล้วเขายังรู้สึกคาดหวังในใจ
การศัลยกรรมไม่เหมือนกับการผ่าตัด การตัดไส้ติ่งไม่จำเป็นต้องตัดให้ดูดีเหมือนกรีดตาสองชั้น แต่การผ่าตัดไส้ติ่งจะต้องใส่ใจว่าจะเกิดโรคแทรกซ้อนในภายหลังหรือไม่ จะลดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างไร
ทว่าเมื่อคิดถึงฟู่อวี้ฟาง เฉินชางก็รู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย
พรุ่งนี้จะทำเสร็จทั้งหน้าแล้ว จะเปลี่ยนไปทำหน้าอกหรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รู้สึกกดดันอย่างหนัก…
เฮ้อ ทำไมคนเรามันยากลำบากขนาดนี้นะ?