ทันทีที่ซั่งกวนฉู่กล่าวจบก็มีคนตะโกนอยู่ด้านนอกว่า “หัวหน้าสำนักศึกษามาถึงแล้ว ปรมาจารย์หมากรุกมาถึงแล้ว อาจารย์สวีมาถึงแล้ว อาจารย์หรงมาถึงแล้ว…”

ทุกๆคนประหลาดใจ

เกิดอันใดขึ้น?

เหตุใดหัวหน้าสำนักศึกษาก็มาด้วย รู้กันว่าหัวหน้าสำนักศึกษาน้อยนักที่จะเปิดเผยโฉมหน้า

“ปรมาจารย์หมากรุกอาวุโสเชิญ” ทุกคนในหัวหน้าสำนักศึกษาเชิญปรมาจารย์หมากรุกเข้ามาด้วยความเคารพนบน้อม

แม้แต่หัวหน้าสำนักศึกษาก็ยังให้ความเคารพเขาบ้าง

กู้ชูหน่วนลูบหน้าผาก

นางไม่สนใจว่าผู้ใดจะมาแต่เมื่อได้ยินคำว่า “ปรมาจารย์หมากรุก” สมองของนางก็โตขึ้น

“สวัสดีท่านหัวหน้าสำนักศึกษา สวัสดีท่านปรมาจารย์หมากรุก……”

ทุกคนทำความเคารพกันทีละคนๆ กู้ชูหน่วนนั้นก้มศีรษะและทำความเคารพตามด้วย เพียงภาวนาให้ปรมาจารย์หมากรุกอย่าได้เห็นนาง

ทว่าดวงตาของปรมาจารย์หมากรุกกลับเป็นประกายเห็นนางตั้งแต่แว๊บแรกแล้วตะโกนด้วยความยินดีว่า “อาจารย์ ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ เมื่อวานข้ารอท่านอยู่เป็นเวลานานแต่ไม่ได้พบทำให้ข้าร้อนรนแทบตาย”

ไร้สาระ

ทันทีที่การแข่งขันชุมนุมวิชาการสิ้นสุดลงก็คะยั้นคะยอให้นางสอนเทคนิคให้กับเขาแล้วนางจะไม่หลบไปได้หรือ?

ทุกๆคนมองไปยังกู้ชูหน่วนด้วยความอิจฉา

สามารถทำให้ปรมาจารย์หมากรุกเรียกว่าอาจารย์ได้ นางช่างโชคดียิ่งนัก

“ท่านอาจารย์ เมื่อวานหมากรุกหลิงหลงกระดานนั้นท่านล้มได้อย่างไร ช่วยชี้แนะข้าหน่อยได้หรือไม่ ยังมีอีกท่านแบ่งใจประลองกับพวกเราตั้งหลายคนได้อย่างไร?”

ปรมาจารย์หมากรุกฐานะสูงส่ง ไม่ว่าจะไปที่ใดก็เป็นผู้ที่อยู่เหนือทั้งนั้นแต่เขาผู้เฒ่าผู้หนึ่งเผชิญหน้ากับกู้ชูหน่วนกลับเป็นเหมือนเด็กที่ถ่อมตัวขอคำสอนโดยถามคำถามโน่นนี่มากมาย ยังเรียกท่านอาจารย์เป็นคำๆอย่างไม่อับอาย ไม่ได้สนใจสถานะของตนเองเลย

ทันใดนั้นทุกๆคนมองดูปรมาจารย์หมากรุกด้วยความงุนงง

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะไม่ตกใจ ภาพลักษณ์ปรมาจารย์หมากรุกช่างแตกต่างไปจากที่พวกเขาคิดเอาไว้มากนัก พวกเขาคิดมาตลอดว่าปรมาจารย์หมากรุกนั้นเยือกเย็น

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ไม่เห็นหรือว่าท่านหัวหน้าสำนักศึกษาและท่านอาจารย์อยู่กันหมด? พวกเขาเรียกท่านว่าผู้อาวุโสท่านเรียกข้าว่าท่านอาจารย์และข้าก็เรียกพวกเขาว่าท่านอาจารย์ ลำดับนั้นยุ่งเหยิงราวกับอาหารที่ผสมปนแปกันไปหมดแล้ว”

ความหมายก็คือว่าท่านอย่าได้เรียกข้าว่าอาจารย์อีกข้ากลัวอายุจะสั้น

แต่ปรมาจารย์หมากรุกไม่สนใจ โบกมือแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ไม่ยาก ต่อไปข้าเรียกพวกเขาว่าอาจารย์ปู่ก็พอแล้ว”

พรึ่บ……

อาจารย์สวี อาจารย์หรงและคนอื่นๆตกใจไม่น้อย

อาจารย์ปู่?

พวกเขาจะรับไหวได้อย่างไร

“ปรมาจารย์หมากรุกอาวุโสไม่ได้เด็ดขาด ท่านเป็นปรมาจารย์หมากรุกผู้มีชื่อเสียงทั่วใต้หล้า ฐานะของท่านสูงส่งยิ่งนักมีและอาวุโสกว่าพวกเรา พวกเราจะกล้าได้อย่างไร……”

“พูดเยอะแยะมากมายสิ่งใดกัน หรือว่าพวกเจ้าต้องการให้ข้าหลอกลวงอาจารย์และทำลายล้างบรรพชนของข้าหรือ?”

“คือว่า……”

ทุกคนมองมายังหัวหน้าสำนักศึกษาพร้อมเพรียงกัน

หัวหน้าสำนักศึกษาแก่ชรามากแล้วแต่สภาพร่างกายและจิตใจนั้นช่างดีนัก ใบหน้าเปล่งประกายพร้อมกลิ่นไอของนักปราชญ์ในตัว ทั่วทั้งร่างกายนั้นรู้สึกได้ถึงความเถรตรงซึ่งไม่สามารถลบหลู่ได้

หัวหน้าสำนักศึกษายิ้มแล้วกล่าวว่า “ปรมาจารย์หมากรุกกระปรี้กระเปร่าไร้กฎเกณฑ์ นิสัยอารมณ์อิสระเสรีเปิดเผยซึ่งข้านับถือยิ่งนัก แต่ว่าคำว่าอาจารย์ปู่คำหนึ่งของท่าน” เกรงว่าจะทำให้พวกเขาตกใจกันหมด ไม่เช่นนั้นก็เหมือนทุกๆคนเรียกว่าอาจารย์ก็พอ”

“อาจารย์ ท่านว่าได้หรือไม่?” ปรมาจารย์หมากรุกสากลถามกู้ชูหน่วนราวกับว่าหากกู้ชูหน่วนตอบว่าไม่ได้เขาก็คงจะแตกหักไม่ทำเสียแล้ว

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “แล้วแต่ท่านเถอะถามข้าทำไมกัน”

ปรมาจารย์หมากรุกเตือนอาจารย์สวีและคนอื่นๆว่า “เรียกพวกท่านว่าอาจารย์ก็ได้ แต่ในภายหน้าพวกท่านอย่าได้เรียกข้าว่าผู้อาวุโสอีกไม่เช่นนั้นข้าผู้เป็นอาจารย์จะโมโหแล้ว”

อาจารย์สวีและคนอื่นๆต่างเช็ดเหงื่อกัน

ความคิดของปรมาจารย์หมากรุกนั้นช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก

“พวกเจ้าสองคนเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสองในการแข่งขันชุมนุมวิชาการ”

หัวหน้าสำนักศึกษาลูบเคราอันขาวโพลนดังหิมะและมองไปที่กู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงอย่างละเอียดพร้อมกับเกิดรอยยิ้มที่พึงพอใจในแววตา “อายุยังน้อยก็มีความสามารถเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนักไม่เลวไม่เลว”

“อาหน่วน ไม่ว่าเจ้าจะมาจากที่ใด จำไว้ว่าอย่าได้ยึดติดเรื่องบางอย่างเกินไป หากยึดติดเกินไปความเกลียดชังก็จะบดบังตาเอาได้ง่าย”

จู่ๆหัวหน้าสำนักศึกษาก็กล่าวมาประโยคหนึ่งซึ่งทำให้กู้ชูหน่วนตกตะลึงอยู่ที่เดิมตรงนั้น

คำพูดของหัวหน้าสำนักศึกษาหมายความว่าอย่างไร?

เป็นไปได้ไหมที่จะรู้ว่านางไม่ใช่คนในโลกใบนี้?