บทที่ 148 อยากตายใช่หรือไม่

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

แสงไฟจากเปลวเทียนที่สะท้อนเข้าไปในแววตาของหลินชิงเวย มิอาจปิดบังดวงตาที่ทอประกายวับวาวใต้ผมหน้าม้าของนางได้ นางเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา สงบนิ่ง ความมั่นอกมั่นใจอย่างแรงกล้าล้วนแผ่กระจายออกมาจากร่างของนางอย่างไร้สุ้มเสียง ราวกับเพียงพอที่จะปลอบประโลมจิตใจคน นางสามารถจัดการเรื่องราวในมือได้อย่างงดงามสมบูรณ์

เมื่อเห็นว่าอุณหภูมิร้อนได้ที่พอสมควรแล้ว หลินชิงเวยจึงไม่รอช้าตวัดคมมีดเล่มบางลงบนผิวบริเวณหน้าอกของเซียวอี้ มีดเล่มนั้นคมกริบนางกรีดเบาๆ เพียงสองครั้งก็ปรากฏให้เห็นเป็นเครื่องหมายกากบาท นางเล็งตำแหน่งได้ดียิ่งและไม่ได้ทำให้เลือดออกมากนัก

แม้เซียวอี้จะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้วทว่ากลับอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขารู้สึกราวกับหัวใจของเขากำลังจะกระโดดออกมาข้างนอก เหมือนปลาตัวหนึ่งที่กำลังขาดน้ำ กำลังดิ้นรนสุดฤทธิ์เพื่อให้มีชีวิตรอด

หลินชิงเวยคิดในใจว่าก่อนลงมือผ่าตัดนางควรจะทำให้เซียวอี้หมดสติไป เข็มเงินที่สกัดปิดจุดชีพจรของเขายังแทบจะสกัดเอาไว้ไม่ได้ หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นเท่าใด เลือดก็จะไหลเร็วขึ้นเท่านั้น เช่นนี้แล้วไม่เป็นผลดีต่อการที่หลินชิงเวยจะหยิบสิ่งของสิ่งนั้นออกมา ยังจะทำให้เขามีอันตรายเพิ่มขึ้นอีกสองส่วน

หลินชิงเวยขมวดคิ้วพูดเสียงเย็น “อยากตายใช่หรือไม่? หายใจเข้าลึกๆ ให้การเต้นของหัวใจผ่อนช้าลง”

เซียวอี้สงบจิตใจลง แต่ปากแผลของเขามีเลือดไหลออกมา หลินชิงเวยกรีดเปิดปากแผลไม่ใหญ่มาก เช่นนี้แล้วจะทำให้เขาฟื้นฟูร่างกายได้อย่างง่ายดาย ขณะที่เซียวเยี่ยนหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง ยังไม่ทันรอให้เขาควบคุมการเต้นของหัวใจให้ช้าลงก็เห็นหลินชิงเวยลงมือรวดเร็วราวกับอินทรีย์ที่ตะครุบเหยื่อ ปลายนิ้วเรียวเล็กสองนิ้วแทรกเข้าไปในหัวใจของเซียวเยี่ยน ในระยะเวลาสั้นๆ เซียวอี้เจ็บจนกระตุก หลินชิงเวยก็ถอนมือกลับมา

หลินชิงเวยมองสิ่งของชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนแมงมุมสีดำระหว่างปลายนิ้วทั้งสองของตน แม้มันจะอยู่ใกล้หัวใจของเซียวอี้ทว่ามันได้ตายไปนานแล้ว มันไม่ขยับเคลื่อนไหว หลินชิงเวยโยนแมงมุมตัวน้อยลงไปบนภาวะกระเบื้องด้านข้าง เห็นเซียวอี้เจ็บปวดจนหมดสติไปแล้ว หลินชิงเวยหันกลับมาพูดกับเซียวเยี่ยน “ชั้นที่สองของล่วมยามีเข็มกับด้าย ท่านช่วยข้าสนเข็มสักหน่อย ด้านข้างยังมียาน้ำระงับความเจ็บปวด สนเข็มแล้วนำไปฆ่าเชื้อในน้ำยานี้ให้ข้า”

เซียวเยี่ยนทำงานอย่างรวดเร็วยิ่ง อีกทั้งไม่ต้องให้หลินชิงเวยพูดเป็นครั้งที่สอง ชั่วพริบตาเขาก็นำเข็มกับด้ายที่ผ่านการฆ่าเชื้อในน้ำยาสีเขียวส่งให้หลินชิงเวย

หลินชิงเวยเย็บแผลอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วราวกับไม่ต้องคำนึงถึงว่าเซียวอี้จะรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ นางเย็บแผลราวกับเย็บเสื้อผ้าอย่างไรอย่างนั้น ทว่าฝีเข็มกลับเรียบร้อยสวยงาม ทำให้ปากแผลที่เป็นเครื่องหมายกากบาทประสานเข้าหากันอย่างแนบสนิท

ต่อมานางเย็บทีละฝีเข็มๆ หลังจากใส่ยาแล้วจึงพันแผล เมื่อหันมาดูข้อมือของเซียวอี้อีกครั้ง เลือดแดงสดไหลออกลงมาทางปลายนิ้วของเขาหยดดังติ๋งๆ นางรีบห้ามเลือดให้เขาแล้วพันแผล

เซียวอี้ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย เซียวเยี่ยนจึงถามเรียบๆ ว่า “เขาตายแล้ว?”

หลินชิงเวยเอานิ้วไปรอใต้จมูกของเซียวแล้วพูดนิ่งๆ ว่า “เพียงแต่หมดสติไป”

หลินชิงเวยถอดถุงมือเปื้อนเลือดออก ใช้น้ำสะอาดในอ่างชะล้างคราบเลือดจนสะอาดสะอ้านแล้วทิ้งลงไปในขวดน้ำยาเพื่อแช่ต่อไป เข็มเงินและสิ่งอื่นล้วนต้องเก็บขึ้นมาให้เรียบร้อย รอกลับไปถึงตำหนักฉางเหยี่ยนแล้วค่อยฆ่าเชื้อ

เมื่อสักครู่นางรวบรวมสมาธิ ทั้งตำแหน่งและความลึกล้วนมิอาจผิดพลาด หลินชิงเวยใช้พละกำลังไปทั้งหมดแล้วกระทั่งเรี่ยวแรงที่จะเก็บล่วมยาก็ไม่เหลือ

เซียวเยี่ยนพลันเอ่ยขึ้นว่า “ไปนั่งพักสักครู่ เปิ่นหวางช่วยเจ้าเก็บ”

หลินชิงเวยตกตะลึง จากนั้นร่างเบาโหวงของตนก็ถูกเซียวเยี่ยนลากไปนั่งบนเก้าอี้ นางเอนกายพิงพนักเก้าอี้อันกว้างใหญ่ มองเซียวเยี่ยนย่อกายลงไปเงาร่างด้านหลังของเขาทำให้หลินชิงเวยรับรู้ได้ถึงความปลอดภัย เขาช่วยหลินชิงเวยล้างอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยน้ำสะอาด น้ำไม่พอยังให้คนข้างนอกส่งเข้ามาให้อีก

หลินเสวี่ยหรงรู้ว่าการรักษาได้สิ้นสุดลงแล้ว จึงวิ่งเข้ามาข้างในด้วยใจร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางเข้ามานั่งริมเตียงของเซียวอี้แล้วลูบใบหน้าเขาเบาพร้อมกับเริ่มหลั่งน้ำตา

ข้ารับใช้ของจวนอ๋องยกน้ำสะอาดมาให้เซี่ยวเยี่ยนอ่างหนึ่งและวางไว้บนโต๊ะน้ำชาให้หลินชิงเวยอีกอ่างหนึ่งสำหรับให้นางล้างมือ นางลูบจ้าวเจี่ยว[1]แล้วถูมือจนเกิดฟองละเอียดจากนั้นจึงล้างมือในน้ำจนสะอาด

นางมองหลินเสวี่ยหรงแล้วพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “มีอนุที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเช่นเจ้า ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งไม่เป็นมงคลหรือเป็นวาสนาของเขากันแน่”

ร่างของหลินเสวี่ยหรงพลันชะงัก ดวงตาที่คลอคลองไปด้วยหยาดน้ำตาไม่หันไปมองหลินชิงเวยอีก ราวกับนางยังพอจะรู้ว่าชาตินี้ทั้งชาติของตนเกรงว่าจะต้องอยู่ต่ำกว่าหลินชิงเวยหนึ่งขั้น หลินเสวี่ยหรงถาม “ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลินชิงเวย “ยามนี้ถอนพิษออกหมดแล้ว ต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยพูดถึงเรื่องอื่น เอ๊ะ เมื่อสักครู่เจ้ามิใช่เคียดแค้นชิงชังข้านักหนาหรือ” นางเหนื่อยเกินไปแล้วจริงๆ คำพูดท้าทายเพียงไม่กี่ประโยคเพื่อผ่อนคลายจิตใจของตน ก็เป็นการลดความกดดันของตนเองวิธีหนึ่ง

เพียงแต่หลินเสวี่ยหรงดูเหมือนเหนื่อยล้าอย่างยิ่งเช่นกัน นางเอ่ยขึ้นอย่างไม่ต้องการติดค้างต่อกัน “วันนี้ข้าขอร้องเจ้า เจ้าช่วยชีวิตท่านอ๋องครั้งหนึ่ง พวกเราถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ข้าไม่ติดค้างอะไรเจ้า”

“ชิ คนที่ใจคอโหดเหี้ยมที่สุดก็คือจ้าวซื่อและเจ้า” หลินชิงเวยกล่าว

หลินเสวี่ยหรงไม่ได้ตอบ

เซียวเยี่ยนใช้ผ้าขนหนูเช็ดสิ่งของทุกชิ้นของหลินชิงเวยจนสะอาด เข็มเงินก่อนหน้านี้ที่ถูกหลินชิงเวยเก็บอย่างรีบเร่ง ก็ถูกเขาล้างจนสะอาดและฆ่าเชื้อกับเปลวไฟ แล้วจัดเก็บเข้าไปในล่วมยาแยกตามประเภทอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เขาทำทุกอย่างไม่ช้าและไม่เร็ว ราวกับมีความอดทนและความตั้งใจอย่างที่สุด อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวหลินชิงเวยเอนกายพิงพนักเก้าอี้ยกเข่าขึ้นมาข้างหนึ่ง ศอกของนางวางอยู่บนหัวเข่า เท้าคางมองเงาร่างด้านหลังของเซียวเยี่ยนและทุกๆ การกระทำของเขา คิดว่าเขาที่เป็นเช่นนี้กลับเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง

หากให้เขามาเป็นเด็กถือล่วมยา นางย่อมต้องทำงานได้มากทั้งที่ลงแรงไปน้อยเป็นแน่ แต่เด็กถือล่วมยาคนนี้ยิ่งใหญ่เกินไป สถานะสูงศักดิ์เกินไป นางไม่อาจรับไว้ได้

สุดท้ายเซียวเยี่ยนปิดล่วมยาดัง “พ่าง” เขาลุกขึ้นและสะพายล่วมยาไว้บนบ่าของตน ดูไปแล้วยังมีบุคลิกเหมือนท่านหมอที่มองความเป็นความตายด้วยสายตาเย็นชาอยู่สองส่วน

เซียวเยี่ยนเดินมาหยุดเบื้องหน้าหลินชิงเวย “ไปเถิด”

ยามนี้พ่อบ้านของจวนอ๋องได้รออยู่ข้างนอกแล้ว เขารออยู่ที่นั่นไม่กล้าละเลย กระทั่งเซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยออกมา พ่อบ้านรีบค้อมกายเอ่ยขึ้นทันทีว่า “เซ่อเจิ้งอ๋อง เจาอี๋เหนียงเหนียง อาหารได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว เซ่อเจิ้งอ๋องและเจาอี๋เหนียงเหนียงต้องลำบากแล้ว เชิญ…”

เซียวเยี่ยนปฏิเสธเรียบๆ “ไม่ต้อง เวลาไม่เช้าแล้ว เปิ่นหวางและหลินเจาอี๋กลับวังหลวงก่อน”

ต่อมาคนทั้งสองเดินออกไปจากจวนอ๋อง ด้านนอกดวงจันทร์และดวงดาวดารดาษเต็มท้องฟ้า คนทั้งสองเดินผ่านตรอกไม่ยาวนักหน้าประตูจวนอ๋องทะลุออกไปถนนหลักของทิศตะวันตกของเมือง

เวลานี้ตลาดกลางคืนวายไปได้พอสมควรแล้ว ผู้คนบนถนนดูบางตา เถ้าแก่ที่เปิดร้านค้าสองข้างทางเริ่มเตรียมตัวเก็บของกลับเรือน

ฝีเท้าของหลินชิงเวยเบาหวิว นางโอดครวญว่า “ทำงานตั้งนานไม่ได้รับเงินจากเซี่ยนอ๋องแม้แต่อีแปะเดียว เรื่องนี้ช่างเถิด ยังไม่ได้กินข้าวของเขาสักคำ เวลานี้ข้าหิวเหลือเกินนี่นา”

คนทั้งสองเดินไปไม่นานนัก หลินชิงเวยดวงตาเป็นประกาย นางขยี้ดวงตาของตนเอง เห็นข้างทางยังมีเพิงๆ หนึ่ง ภายในเพิงมีเตาและหม้อที่ส่งควันร้อนฉุยออกมา ข้างๆ มีป้ายผ้าเขียนตัวอักษรคำว่า “เกี๊ยว”

[1] เป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายฝักถั่ว ฝักสามารถนำมาใช้ทำยาและสบู่ได้