เล่ม 1 ตอนที่ 109 ความพรั่นพรึงของคนในครอบครัว

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ครึ่งเดือนต่อมา ซือหม่าโยวเย่ว์ก็คุ้นเคยกับการหลอมยาวิเศษขั้นสอง แต่การหลอมยามาเป็นระยะเวลายาวนานนั้นทำให้เธอเหนื่อยล้าอยู่บ้าง เธอจึงอนุญาตให้ตนเองได้พักผ่อนสักระยะ ออกมาดูว่าเพื่อนร่วมเรือนพักกำลังทำอะไรกันอยู่

“โยวเย่ว์ เจ้าออกมาแล้วหรือ” เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าอ้วนชวีจึงปรี่เข้ามาหา

“เจ้าอ้วน เป็นอะไรไปหรือ เห็นหน้าตาเจ้าดูกระวนกระวายเหลือเกิน หรือว่าด้านหลังมีสาวงามไล่ตามเจ้าอยู่” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มพลางเอ่ยแซว

เจ้าอ้วนชวีเดินเข้ามาหาพลางมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “ข้าก็อยากให้มีสาวงามมาไล่ตามข้าอยู่หรอก เสียดายก็แต่รูปลักษณ์ภายนอกอันหล่อเหลาองอาจของพี่ชายยังไม่มีสาวงามคนใดชื่นชมเลย ไอ้หยา ข้าไม่ได้อยากมาคุยเรื่องนี้กับเจ้าเสียหน่อย ถ้าหากเจ้ายังไม่ออกมาอีก ข้าก็จะไปเรียกเจ้าอยู่แล้ว!”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“เป็นจวนแม่ทัพน่ะสิ ระยะนี้เกิดเรื่องยุ่งยากใหญ่โตเลยทีเดียว… เฮ้… โยวเย่ว์ เจ้าลากข้าไปทำไมกัน!”

เจ้าอ้วนชวียังพูดไม่ทันจบก็ถูกซือหม่าโยวเย่ว์ลากตัวออกวิ่งไปเสียแล้ว

“กลับไปกับข้า เดินไปด้วยเล่าไปด้วย บอกข้ามาว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นในระยะนี้”

ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์กลับไปถึงจวนแม่ทัพ นอกจากซือหม่าโยวหมิงและซือหม่าโยวฉีที่คอยจัดการดูแลอยู่ตลอดแล้ว แม้กระทั่งซือหม่าโยวหรานและซือหม่าโยวเล่อต่างก็กลับมากันหมดแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นับจากครั้งก่อนหลังจากที่ซือหม่าโยวเย่ว์ถูกทำร้าย

เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์กลับมา พวกซือหม่าเลี่ยก็ประหลาดใจกันเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ส่งคนไปหาตัวเธอที่วิทยาลัย พวกเจ้าอ้วนชวีก็ถือจดหมายกลับมาบอกว่าเธอกำลังปลีกวิเวกอยู่ พวกเขาจึงมิได้ไปรบกวนเธอ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เธอจะตรงกลับบ้านมาเสียแล้ว

เมื่อมองเห็นเจ้าอ้วนชวีที่กลับบ้านมาด้วยกัน ซือหม่าเลี่ยจึงพูดว่า “ท่านพ่อบ้าน พาคุณชายชวีไปดื่มชาที่โถงรับแขกทีสิ”

“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” พ่อบ้านก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณชายชวี เชิญขอรับ”

เจ้าอ้วนชวีมองซือหม่าโยวเย่ว์ปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ หากมีความต้องการสิ่งใดเจ้าก็ส่งคนไปเรียกข้าได้เลย ตอนนี้ข้าพูดอะไรที่ตระกูลชวีได้มากพอสมควรแล้ว”

ซือหม่าโยวเย่ว์อมยิ้มพยักหน้าไปทางเขา อยากจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกเขาในเวลาเช่นนี้ น้ำใจนี้เธอจดจำเอาไว้แล้ว

เจ้าอ้วนชวีประสานมือคำนับคนอื่นๆ ก่อนจะเดินตามพ่อบ้านออกไป

รอยยิ้มบนใบหน้าซือหม่าโยวเย่ว์ค่อยๆ เลือนหายไปแล้วหันหน้าไปมองซือหม่าเลี่ยพลางเอ่ยว่า “ท่านปู่ ท่านพี่ ข้าได้ยินท่านพี่พูดว่าจวนแม่ทัพหานักหลอมยามาครึ่งเดือนแล้วก็ยังหาไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ”

“ไม่ใช่ว่าหาไม่พบหรอก” ซือหม่าโยวหมิงพูด “เพียงแต่เมื่อนักหลอมยาเหล่านั้นได้ฟังสถานการณ์ของจวนแม่ทัพแล้วก็เอาแต่อ้าปากกว้างเตรียมเขมือบราวกับราชสีห์ เสนอข้อแลกเปลี่ยนที่มากเกินไป พอท่านปู่โมโหก็เลยไล่พวกเขากลับไปหมดเลย”

พอพูดจบเขาก็มองซือหม่าเลี่ยอย่างตำหนิปราดหนึ่ง

“แค่ก ๆ ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้อื่นยามเดือดร้อน นักหลอมยาพรรค์นี้ยังคิดจะให้พวกเรามาคารวะพวกเขาอีก น่าขันนัก!” ซือหม่าเลี่ยไม่รู้สึกว่าตนทำอะไรผิด ยังคงโมโหนักหลอมยาเหล่านั้นอยู่

ซือหม่าโยวเย่ว์ค้นพบว่าดูเหมือนซือหม่าเลี่ยจะมีอคติต่อนักหลอมยาเป็นอย่างมาก ขอเพียงแค่ได้พบนักหลอมยาพรรค์นี้ ก็มิอาจระงับเพลิงโทสะเอาไว้ได้

“ท่านปู่ ตอนนี้พวกเรามาถึงขั้นนี้กันแล้ว ท่านยังมิอาจข่มโทสะของท่านเอาไว้ได้อีก” ซือหม่าโยวหมิงพูดอย่างปวดหัว

“ท่านปู่ ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์ของท่านจะแข็งแกร่งกว่าท่านบรรพชนตระกูลน่าหลาน แต่ตอนนี้พวกเขามิได้สู้ตัวต่อตัวกับพวกเราตรงๆ อีกแล้ว พวกเราจำเป็นต้องหาวิธีรักษากิจการของครอบครัวเราเอาไว้สิ” ซือหม่าโยวฉีพูด

“ครอบครัวเราคนน้อย ระยะเวลาสั้น ส่วนตระกูลน่าหลานนั้นเป็นครอบครัวที่มีความเป็นมาอันยาวนานกว่า ตอนนี้พวกเขาโจมตีพวกเราทางธุรกิจอยู่ตลอดเช่นนี้ ท่านปู่ก็มิอาจเข้าไปสังหารพวกเขาตรงๆ ได้” ซือหม่าโยวหรานพูดวิเคราะห์ “แต่พวกเขากลับทำให้พลังยุทธ์ของพวกเราอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องได้ พวกเราจำเป็นต้องคิดหาวิธีขัดขวางมิให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปอีก”

“ข้าว่าไปเชิญตัวนักหลอมยาต่อไปดีกว่า” ซือหม่าโยวเล่อพูด “อาณาจักรตงเฉินออกจะใหญ่โต นักหลอมยาคงมิได้ถูกตระกูลน่าหลานซื้อตัวไปหมด หรืออาศัยจังหวะเพลิงไหม้ปล้นชิงกันหมดหรอกน่า!”

“แต่ยาวิเศษของพวกเราหมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ตั้งแต่เมื่อวานในร้านค้าของพวกเราก็ยิ่งมีลูกค้าน้อยลงไปอีก” ซือหม่าโยวหมิงพูด “ระยะเวลาสั้นเช่นนี้ พวกเราจะไปหาตัวนักหลอมยาสักคนมาจากที่ใดกันเล่า”

“เรื่องนี้…เฮ้…!”

ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งฟังพวกเขาสนทนากันอยู่บนที่นั่งของตน เมื่อเห็นพวกเขาแต่ละคนพากันหน้านิ่วคิ้วขมวดจึงพูดว่า “เรื่องนั้น… ต้องการยาวิเศษมากเท่าใดหรือ บางทีข้าอาจจะหา…”

“น้องห้า ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งยุ่งเรื่องนี้เลยนะ เจ้ากลับไปฝึกยุทธ์ที่วิทยาลัยให้ดีๆ เถิด เรื่องในบ้านมีพวกเราคอยดูแลอยู่แล้ว” ซือหม่าโยวหมิงส่งเสียงขัดจังหวะคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์

เรื่องนี้ให้พวกเขาเครียดกันเองก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ซือหม่าโยวเย่ว์มาเป็นกังวลกับพวกเขาด้วยเลย

“ข้ามียาวิเศษอยู่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“ถึงเจ้ามียาวิเศษอยู่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก… อะไรนะ เจ้ามียาวิเศษอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวหมิงพูดไปได้ครึ่งเดียวค่อยรับรู้ได้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์พูดอะไร จึงมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างตกใจ

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้ามียาวิเศษขั้นหนึ่งอยู่ จะเอาไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนก็ได้ นอกจากนี้ยังไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ อีกด้วย พวกท่านกดราคาลงให้ต่ำกว่าตระกูลน่าหลานได้ด้วย”

“น้องห้า เจ้ามียาวิเศษอยู่จริงๆ หรือ”

“น้องห้า เจ้ามียาวิเศษได้อย่างไรกัน”

“เจ้ามียาวิเศษพวกนั้นด้วยหรือ มีมากเท่าใด”

ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยาตอบสนองพร้อมกับมองมาทางเธอกันหมด

“มียาวิเศษที่ใช้บ่อยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นยาห้ามเลือด ยาฟื้นปราณ และอื่นๆ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางโบกมือ ขวดยาวิเศษหลายร้อยขวดก็ปรากฏขึ้นบนพื้นห้องหนังสือ

“พวกนี้คือยาวิเศษทั้งหมดเลยหรือ” ซือหม่าโยวหมิงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“พวกพี่ๆ ลองดูก็รู้เองแหละน่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

พวกซือหม่าโยวฉีทั้งสี่คนก้าวเข้าไปแล้วหยิบขวดหยกมาคนละหนึ่งใบก่อนจะเปิดดู ข้างในล้วนเป็นยาวิเศษทั้งสิ้น

“ยาวิเศษเหล่านี้รวมๆ กันขึ้นมาน่าจะเกินกว่าพันเม็ดเลยทีเดียว!” ซือหม่าโยวฉีพูดอย่างตื่นเต้น

ซือหม่าเลี่ยก็ก้าวเข้าไปเช่นกันแล้วหยิบขวดหยกใบหนึ่งมาเปิดดู ปรากฏว่าล้วนเป็นยาวิเศษทั้งสิ้น

“น้องห้า เจ้าไปได้ยาวิเศษมากมายถึงเพียงนี้มาจากที่ใดกัน” ซือหม่าโยวหมิงมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างตื่นเต้น “เสียเงินไปเท่าใดหรือ”

ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบจมูกตัวเองแล้วพูดว่า “ไม่ต้องใช้เงินเลย”

“ไม่ต้องใช้เงินหรือ เช่นนั้นเจ้าไปได้มาอย่างไรเล่า”

“โยวเย่ว์ เจ้าคงมิได้รับปากผู้อื่นทำเรื่องเลวร้ายเพื่อยาวิเศษเหล่านี้หรอกนะ!”

ทุกคนในห้องเบนสายตาจากยาวิเศษมามองซือหม่าโยวเย่ว์แทน

เออ…

ซือหม่าโยวเย่ว์ถูกปฏิกิริยาของพวกเขาทำเอาใบหน้าหม่นทะมึน พวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

“ข้าเป็นคนหลอมยาวิเศษเหล่านี้เอง ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้เงิน มิได้รับปากผู้อื่นทำเรื่องเลวร้ายอย่างที่พวกท่านคิดเสียหน่อย”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเธอ พวกเขาจึงค่อยวางใจลง ขอเพียงแค่ไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเธอก็พอแล้ว

“ทำเอาพวกเราตกใจแทบตายเลยทีเดียว” ซือหม่าโยวฉีพูด “ไม่มีเรื่องใดในใต้หล้าที่ได้มาโดยไม่ต้องใช้สิ่งตอบแทน พวกเรายังเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้า ที่แท้เจ้าก็หลอมขึ้นมาเอง เช่นนี้พวกเราก็วางใจได้แล้วล่ะ อะไรนะ เจ้าหลอมเองอย่างนั้นหรือ!”

คราวนี้ทุกคนต่างก็พรั่นพรึงยิ่งกว่าตอนได้เห็นยาวิเศษเหล่านี้เสียอีก พากันมองเธอโดยพูดอะไรไม่ออกเลย

“น้องห้า เจ้าหลอมยาวิเศษเหล่านี้เองอย่างนั้นหรือ เจ้า… เจ้าหลอมยาวิเศษเป็นตั้งแต่เมื่อใดกัน” ซือหม่าโยวเล่อสงสัยว่าตนเกิดภาพหลอนหรือไม่ แต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าซือหม่าโยวเย่ว์หลอมยาวิเศษเป็น จู่ๆ ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทุกคนล้วนรู้สึกว่าเกิดภาพหลอนเสียแล้ว

ซือหม่าโยวเย่ว์แอบคิดว่าต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองใหญ่โตเช่นนี้ด้วยหรือ แล้วยิ้มพูดว่า “คราวก่อนข้าก็บอกแล้วมิใช่หรือว่าจะศึกษาการหลอมยา หลังจากที่บำเพ็ญได้แล้วจึงเริ่มต้นศึกษาอย่างไรเล่า”

เธอไม่พูดก็แล้วไป แต่พอพูดเช่นนี้ หัวใจที่เพิ่งพรั่นพรึงไปของทุกคนจึงตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง

…………………