บทที่ 120 ข้ายินดีจะแย่งชิงศิษย์น้องหญิงกับเจ้าอย่างยุติธรรม

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 120 ข้ายินดีจะแย่งชิงศิษย์น้องหญิงกับเจ้าอย่างยุติธรรม!
เมื่อสัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นของศิษย์จำนวนมากใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงเห็นฟางฉางทำหน้าคับแค้นใจแล้ว เสิ่นเทียนถึงกับปาดเหงื่อด้วยความจนปัญญา

ข้าแค่อยากอยู่รอดอย่างสงบบนเขาไปวันๆ รอพลังบำเพ็ญถึงระดับมหายานก่อนค่อยออกไปเที่ยวเตร่

เหตุใดไม่ทันไรก็มีคนมาหาเรื่องแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าวงรัศมีบนหัวเป็นสีเขียวแล้วนี่!

ยังมีอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีก ตอนท่านคุยโม้ลูกศิษย์ช่วยเบาลงหน่อยได้หรือไม่

แล้วยังมาหวังให้มหาจักรพรรดิหนุ่มน้อยรวมฐานรากมรรคที่แข็งแกร่งที่สุดนำพาแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ยิ่งใหญ่อีก?

เหตุใดท่านไม่หวังให้ข้ารวมกระดูกมหาจักรพรรดิ ยกระดับแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นสวรรค์ไปเลยเล่า!

ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี

เสิ่นเทียนกวาดสายตามองทุกคนพลางขบคิดหาวิธีทำให้ตัวเองเด่นน้อยลง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คุยโม้ว่าพรสวรรค์ของตนสูงสุดบนฟ้า ไม่เป็นสองรองใครบนปฐพี ถ้าเกิดมีคนมายั่วยุล่ะจะทำอย่างไร

ถึงตอนนั้น ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคที่ยากจะพานพบตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน’ ท่านนี้ออกมือทีหนึ่ง จะไม่โดนอัจฉริยะคนอื่นๆ จับแขวนทุบตีทุกนาทีเลยหรือ

รู้แล้ว!

ก็ให้ศักยภาพของศิษย์สายตรงคนอื่นๆ แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยกระดับขึ้นไปก่อน จากนั้นหากเจออันตรายหรือโดนท้าสู้ ก็ให้พวกเขาไปลุย!

อะไรนะ นี่เจ้าจะท้าสู้กับข้ารึ เอาชนะฟางฉางลูกน้องของข้าให้ได้ก่อน ถ้าเจ้ายังเอาชนะไม่ได้แม้แต่ฟางฉาง ก็ไม่มีสิทธิ์มาท้าสู้กับข้า

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็คิดว่าตนต้องยกระดับให้พวกฟางฉางแล้ว

ถึงอย่างไรถ้าเกิดผู้ท้าสู้เอาชนะฟางฉางได้จริงๆ จากนั้นมาท้าสู้ข้าละจะทำอย่างไร

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็ก้าวออกจากยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ช้าๆ จากนั้นแสดงความเคารพเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “อาจารย์”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “เทียนเอ๋อร์ เจ้าปรับปรุงยันต์ระเบิดอัสนีมีคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อฝ่ายเรา มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่”

เสิ่นเทียนกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เรียนอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องหนึ่งอยากจะร้องขอจริงๆ และหวังว่าอาจารย์จะตอบตกลง”

เสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังมาจากสายฟ้าประกายเซียน “ว่ามาได้เลย อาจารย์ตกลง”

ยังไม่ทันฟังเลยว่าเสิ่นเทียนขออะไร เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็แสดงท่าทีตอบตกลงแล้ว

ท่าทีเข้าข้างเช่นนี้ทำให้ฟางฉางใจสลายแล้ว

มีสิทธิ์อะไร ข้าพยายามฝึกบำเพ็ญขนาดนั้น อาจารย์ก็ยังไม่พอใจข้ามาตลอด แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่เพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์มา อาจารย์กลับรักและเอ็นดูเขามากขนาดนี้

หรือเพราะเจ้านี่หน้าตาหล่อเหลา สง่าผ่าเผย บุคลิกแคล่วคล่อง เป็นเอกแห่งยุคเหนือธรรมดา

นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!

ตอนนี้ฟางฉางเจ็บปวดใจ เขามองเสิ่นเทียนพลางยิ้มเยาะและหัวเราะหึๆ

เขาฟางฉางอยากรู้นักว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่จะขออะไร

ในที่สุด เสิ่นเทียนก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน “อาจารย์คิดว่าถ้าฝ่ายเราจะยิ่งใหญ่ขึ้น อะไรสำคัญที่สุด”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบเรียบๆ “การฝึกบำเพ็ญก็มีแค่วิชา มิตร ทรัพย์สินและดินแดน ในนั้นมีวิชาเป็นที่หนึ่ง”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “หมื่นปีมานี้ฝ่ายเราเสื่อมถอยมาตลอดก็เพราะวิชาต้องห้ามหายสาบสูญไป บทสุดท้ายของคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีสูญหาย ทำให้โอรสสวรรค์ทุกยุคของฝ่ายเราไร้วาสนากับวิชาอัสนีขั้นสูงสุด ดังนั้นแล้ว อัจฉริยะที่เดิมทีทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบได้ จึงได้แต่หยุดตัวเองอยู่ที่แก่นพลังทองรอบที่แปดอย่างอัดอั้นใจ

เดิมทีมีหวังว่าจะฝ่าด่านเคราะห์อัสนี สำเร็จเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ที่สร้างความตกตะลึงให้แก่โลก แต่พลาดเพียงก้าวเดียวก็กลับต้องตกตายในเคราะห์สวรรค์

ยามนี้บทต้องห้ามจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์กลับมาแล้ว ศิษย์ขอบังอาจอ้อนวอนอาจารย์ให้ถ่ายทอดวิชานี้ออกไปทั้งหมด!”

เสิ่นเทียนยังพูดไม่จบ ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างชัดเจน “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ บทต้องห้ามเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีของฝ่ายเรา มีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์กับสตรีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงมีสิทธิ์ฝึกฝน

นี่คือบัญญัติบรรพชน หรือเจ้าจะให้ข้าฝ่าฝืนบัญญัติบรรพชน เผยแพร่วิชาต้องห้ามออกไปรึ”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความหัวดื้อ “ไม่ได้เผยแพร่ แต่ให้เลือกถ่ายทอดให้โอรสสวรรค์กับผู้แข็งแกร่งขอรับ อาจารย์ ในยอดเขาวิญญาณสามสิบหกลูกของฝ่ายเรา มีบรรพจารย์ที่อายุขัยใกล้จะสิ้นแล้วไม่น้อยแขวนชีวิตไว้ด้วยยอดเขาวิญญาณ แม้พลังจากสายแร่วิญญาณจะพอชะลอความชราของบรรพจารย์ทั้งหลายได้ แต่นั่นก็คือการรักษาที่ปลายเหตุมิใช่ต้นเหตุ

บรรพจารย์เหล่านี้ถวายชีวิตให้แดนศักดิ์สิทธิ์ ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่ภักดีที่สุดของฝ่ายเรา ถ้าถ่ายทอดวิชามหาจักรพรรดิให้พวกเขา พวกเขาอาจจะทะลวงพลังอีกครั้ง แล้วอายุขัยจะเพิ่มขึ้นมากพอจะปกป้องฝ่ายเราได้อีกหลายพันปี ศักยภาพของฝ่ายเราก็จะเพิ่มขึ้นมาก

แล้วยังมีโอรสวรรค์อย่างศิษย์พี่ฟางฉางและศิษย์พี่อวิ๋นถิงที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำ แต่ด้วยเหตุผลบังเอิญหลายๆ อย่างทำให้ไม่ได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ ถ้าพวกเขาไม่ได้เกิดในยุคเดียวกันกับศิษย์ ด้วยพรสวรรค์ของพวกเขาจะต้องมีคุณสมบัติเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเราแน่

แต่เพราะกฎที่แดนศักดิ์สิทธิ์กำหนดไว้เมื่อไม่รู้กี่หมื่นปีก่อน ทำให้ไร้วาสนากับมรดกสูงสุดของสำนัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำให้ฐานรากวิถีเซียนของพวกเขาไม่ประสบผลสำเร็จในระดับสูงสุด

ทำนบพันลี้พังลงเพียงเพราะรังมดภายใน บางทีหนทางเซียนเส้นทางจักรพรรดิในภายภาคหน้า ก็อาจจะขาดอะไรไปแค่นี้เอง!

ด้วยเหตุนี้ศิษย์จึงคิดว่าบัญญัติบรรพชนคือโอวาทของบรรพจารย์ในยุคโบราณ ใช่ว่าจะเหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์เสมอไป

ศิษย์ขอบังอาจขอให้อาจารย์แหกกฎถ่ายทอดวิชา หากผิดทำนองคลองธรรมกับบัญญัติบรรพชน ศิษย์ยินดีจะออกจากตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นการลงโทษสำหรับความอกตัญญู!”

เมื่อฟังเสิ่นเทียนพูดจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ย “เจ้าเด็กโง่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคำขอนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับเจ้าเลย”

เหตุที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ถ่ายทอดวิชามหาจักรพรรดิต้องห้ามให้คนอื่นนอกเหนือจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อควบคุมสมดุลไว้

วิชาที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ฝึกฝนอยู่เหนือคนรุ่นเดียวกันอย่างสิ้นเชิง ล้ำเลิศเหนือคนอื่นตลอด

ด้วยเหตุนี้ ศิษย์คนอื่นในแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ยอมอยู่ใต้เขาและเลื่อมใสอย่างสุดหัวใจ

ถ้าทุกคนฝึกวิชาเหมือนกัน เช่นนั้นศิษย์คนอื่นได้โชควาสนายิ่งใหญ่มาก็อาจจะเหนือกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์

ถึงตอนนั้นอำนาจและน้ำหนักในคำพูดของบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนั้นในรอบร้อยปีนี้ ก็อาจจะถูกยั่วยุอย่างหนักด้วยเหตุนี้

แม้ข้อเสนอนี้ของเสิ่นเทียนจะทำให้ศักยภาพของแดนศักดิ์สิทธิ์พุ่งสูงขึ้นในเวลาอันสั้น แต่มันจะมีแต่ข้อเสียกับเขา

เวลานี้ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ตัวเสิ่นเทียน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อาจเข้าใจได้

ทางด้านเสิ่นเทียนขบคิดแล้วก็ยังพูดไปช้าๆ “ศิษย์จะไม่ยอมเป็นหงส์ในเล้าไก่ ถ้าเป็นไปได้ ศิษย์หวังจะให้ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นดั่งมังกร ทุกคนต้องได้พิสูจน์บนเส้นทางวิถีเซียน

หากศิษย์พี่ฟางฉางฝึกฝนวิชาต้องห้ามแล้วพลังบำเพ็ญก้าวหน้าไปมาก ก็จะไร้พ่ายในพลังบำเพ็ญเดียวกัน เช่นนั้นศิษย์ยินดีจะยกฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ให้เขาโดยไม่เสียใจ!”

……

เสิ่นเทียนยืนอยู่บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วยความโอหัง ทุกคำพูดกระแทกพื้นเกิดเสียงดังกังวานมีพลัง

ยามนี้ฉินอวิ๋นตี๋ตาค้างไปแล้ว จางอวิ๋นถิงก็ตาค้างเช่นกัน ฟางฉางตาค้างยิ่งกว่า

ศิษย์ทุกคนใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์นิ่งอึ้ง พวกเขาเงยหน้ามองเสิ่นเทียนภายใต้แสงสะท้อนอัสนี

ตอนนี้เหมือนว่าเสิ่นเทียนเปล่งแสงรอบตัว เป็นแสงสว่างที่ทำให้พวกเขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ!

ใบหน้าฉินอวิ๋นตี๋เต็มไปด้วยความเลื่อมใสและศรัทธา จางอวิ๋นถิงแอบชมเงียบๆ ส่วนฟางฉางตะลึงงันไปเลย

สารภาพตามตรง ฟางฉางมีพรสวรรค์เลิศล้ำ ตั้งแต่เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาเคยยอมใครแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

อาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่ง อาจารย์ลุงบัวมรกตอีกหนึ่ง นอกจากนั้นไม่มีใครอื่นอีก

แต่วันนี้ ร่างนั้นบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์สะท้อนลึกลงในสมองเขา

อารมณ์ความคิดในใจฟางฉางไม่สงบ เหมือนกระแสน้ำโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง

‘ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะขอให้อาจารย์ถ่ายทอดบทต้องห้ามในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีให้ข้า ไม่กลัวข้าทะลวงระดับแล้วมาคุกคามฐานะเขาหรือ ถ้าข้าฝึกวิชาต้องห้ามแล้วมีพลังเหนือกว่าเขา จะยอมยกฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ให้ มีความมั่นใจอวดดีจริงๆ!

สุดท้าย เขาบอกว่าจะไม่ยอมเป็นหงส์ในเล้าไก่ และยังชอบให้ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนมังกร!

ดี! หวังจะให้ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนมังกร กล้าหาญมาก กล้าหาญมาก!

เสิ่นเทียน เจ้าสมกับเป็นศัตรูหัวใจที่ข้ายอมรับ! นับจากนี้ไปข้ายินดีจะแย่งศิษย์น้องหญิงกับเจ้าอย่างยุติธรรม!’

……………………….………………