ตอนที่ 295 คือนางผู้งามเหนือใคร (3) / ตอนที่ 296 คือนางผู้งามเหนือใคร (4)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 295 คือนางผู้งามเหนือใคร (3)

นี่คือความภาคภูมิใจของเฟิงเทียนอวี้

เฟิงเทียนอวี้กุมกระบี่แน่น ก้าวย่างของเขามั่นคง ร่างกายอันสูงใหญ่ดุจเขาไท่ซาน ค่อยๆ เดินเข้าไปหาชายสูงวัยทั้งสาม

“ท่านพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า!” น่าหลานจิ้งกำหมัดแน่นแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “ไปคุ้มกันฝ่าบาท สกุลน่าหลานยอมตาย แต่ต้องตายเพื่อฝ่าบาทเท่านั้น”

น่าหลานฉางเฉียนมองดูน่าหลานจิ้งอย่างเจ็บปวด ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ

เขาปล่อยน่าหลานจิ้งไป แล้วรีบพุ่งเข้าไปหาชายสูงวัยที่มีฌานระดับหลิงอู่สามคนนั้น

แต่ว่าเขาไปถึงช้าเกินไป

ชายสูงวัยชุดเขียวต่อยเข้าที่อกเฟิงเทียนอวี้

พลังวิเศษระเบิดออกจากร่างของเฟิงเทียนอวี้ เขากระอักเลือด เลือดระเหยไปในอากาศ

เฟิงเทียนอวี้ยืนอย่างมั่นคง ไม่ถอยหนีไปไหน สีหน้าของเขาไม่หวั่นไหว มีความเย็นชาที่ไม่จางหายไป

เมื่อแม่ทัพเฒ่าน่าหลานกับฉินเฟยหยางมาถึงตำหนัก ก็ได้พบกับภาพที่บาดตา ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำ

บนถนนในเมืองหลวง

เฟิงหรูชิงหยุดเดิน จู่ๆ นางก็รู้สึกหวิวที่หัวใจ ความรู้สึกกระวนกระวายนั้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ทำให้นางมีลางสังหรณ์ไม่ดี

“นายหญิง มีอะไรหรือ” ถังจือเหลียวหลังดูเฟิงหรูชิงด้วยความแปลกใจ

เฟิงหรูชิงส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ทำไม ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีเลย”

ในระหว่างที่เฟิงหรูชิงกำลังสงสัย ก็ได้ยินเสียงซุบซิบแว่วมาในยามค่ำ ลอยเข้ามาในโสตของนาง

“จวนแม่ทัพเกิดอะไรขึ้นหรือ ทำไมท่านแม่ทัพเฒ่าพาคนเข้าวังมากมายขนาดนั้น แม้แต่ผู้เฒ่าฉินที่ไม่เคยสนใจอะไรก็ไปกับเขาด้วย”

“เรื่องนี้ข้าได้ยินมา หลานชายข้าเป็นคนใช้อยู่ในบ้านสกุลฉิน ในวังส่งคนมาแจ้งว่าคนของแคว้นหลงอ้าวกำลังฆ่าคนอยู่ในวัง เหมือนฝ่าบาทเองตอนนี้อาการร่อแร่”

สีหน้าของคนในทัพเลือดเหล็กเปลี่ยนไป

พวกนางต่างหันไปมองเฟิงหรูชิง จึงได้เห็นสีหน้าของหญิงสาวที่กำลังโมโห รอบตัวของนางแผ่ซ่านไปด้วยรังสีอำมหิต

ในเวลาเดียวกัน

ที่ตำหนักจัดเลี้ยง

หลิวอวิ๋นเซียวมองดูตาแก่ทั้งสองที่พุ่งเข้าไปหาเฟิงเทียนอวี้ด้วยแววตาสะใจแล้วยิ้มเย้ยหยัน

ในที่สุดตาแก่สองคนนี้ก็มาถึง แต่น่าเสียดาย พวกเขามาช้าเกินไป ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว!

แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะประชวรหนักมานานแล้ว ถ้ารู้แต่แรก วันนั้นเขาคงไม่โดนเฟิงหรูชิงขู่ให้ตกใจ

เมื่อคิดถึงการยอมแพ้ในวันนั้น เขาเสียหายอย่างหนัก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโห แววตาแสดงถึงความโกรธแค้น

ตอนนั้นเฟิงหรูชิงขู่ให้เขากลัว วันนี้เฟิงเทียนอวี้ต้องเป็นผู้ชดใช้

ถ้าอยากให้เขาช่วย ก็ต้องตอบรับเงื่อนไขที่เขาบอก และให้ผู้เฒ่าน่าหลานคุกเข่าขอร้อง ไม่อย่างนั้น ชาตินี้อย่าหวังว่าเขาจะช่วย!

“ท่านแม่ทัพเฒ่า ท่านมาได้สักที”

เฟิงเทียนอวี้ตัวสั่นเทา อาจเป็นเพราะการปรากฏตัวของแม่ทัพเฒ่าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงได้ มือของเขากำกระบี่ไม่อยู่ มันตกลงบนพื้น

กายของเขาหงายหลังไปโดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

“ฝ่าบาท!” แม่ทัพเฒ่าน่าหลานเดินเข้ามาประคองตัวเฟิงเทียนอวี้ไว้ แม่ทัพเฒ่าน้ำตานอง “ฝ่าบาท กระหม่อมมาช้าเกินไป”

เขาคิดไม่ถึงว่า คนของแคว้นหลงอ้าวจะทำเรื่องแบบนี้ในงานเลี้ยง ถ้ารู้แต่แรก คืนนี้เขาจะต้องมางานนี้ให้ได้

ไม่ใช่เกียจคร้าน หลบซ่อนตัวอยู่ในจวนแม่ทัพ

ตอนที่ 296 คือนางผู้งามเหนือใคร (4)

“เฮอะๆ” เสิ่นเยว่ไม่ได้สนใจผู้เฒ่าสองคนนั้น เขายิ้มเหยียดหยาม “ก็แค่หมาแก่สองตัว ข้ามีผู้มีฌานระดับหลิงอู่ตั้งสามคน แค่พวกเจ้าสองคนจะสู้กับพวกข้าได้อย่างไร”

ผู้เฒ่าน่าหลานมือสั่น ความโกรธและเคียดแค้นมหาศาลสุมอยู่ในทรวงของเขา ทำให้เขาโมโหจนพูดอะไรไม่ออก

หลังจากเขาให้หลินกงกงช่วยประคองเฟิงเทียนอวี้ ก็พุ่งเข้าไปหาเสิ่นเยว่

กายอันงามสง่า แววตาอันน่าเกรงขาม เหมือนเมื่อครั้งออกศึกสงคราม สมนามแม่ทัพใหญ่ผู้องอาจเกรียงไกร

ผู้มีฌานระดับหลิงอู่ในชุดเขียวไม่ลังเล เขารีบเข้าไปขวางหน้าเสิ่นเยว่ไว้ แล้วปล่อยหมัดทรงพลังไปยังผู้เฒ่าน่าหลาน

หมัดของคนทั้งสองปะทะกัน พลังอันรุนแรงของผู้เฒ่าน่าหลานและชายสูงวัยพุ่งออกจากรอบกาย ทำให้โต๊ะจัดเลี้ยงแตกกระจายร่วงเป็นเศษซากเต็มพื้น

ทุกคนต่างหยุดหายใจ ไม่กล้าพูดจา

นี่เป็นการวัดกำลังที่สมน้ำสมเนื้อระหว่างผู้มีฌานระดับหลิงอู่ทั้งสอง! เป็นพลังแข็งแกร่งที่คนธรรมดาไม่อาจต่อกรด้วยได้

ผู้เฒ่าฉินได้เข้าไปร่วมในการต่อสู้ด้วย แต่ฝั่งแคว้นหลิวอวิ๋นมีผู้มีฌานระดับหลิงอู่เพียงแค่สองคน เฟิงเทียนอวี้ได้รับบาดเจ็บไม่มีกำลังจะต่อสู้อีกแล้ว

ที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่คือผู้มีฌานระดับหลิงอู่ถึงสามคน

วัดการด้วยจำนวนคนก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้แคว้นหลิวอวิ๋นให้แพ้พ่าย!

ทันใดนั้นหัวใจของเหล่าขุนนางก็ร่วงหล่นไปที่ตาตุ่ม ความหวังเมื่อสักครู่หายวับไปกับตา

“หลิวอวิ๋นเซียว ทำไมท่านถึงไม่เข้าไปช่วย” เจ้ากรมอาญาหลินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลิวอวิ๋นเซียวคนนี้เป็นขุนนางของแคว้นหลิวอวิ๋น เวลานี้แคว้นหลิวอวิ๋นกำลังมีภัย แต่เขากลับมองดูอยู่เฉยๆ

พวกคุณนางกำลังความสามารถน้อยไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรได้ แต่หลิวอวิ๋นเซียวเป็นผู้มีฌานระดับหลิงอู่ นี่เขาอยากเห็นบ้านเมืองพังพินาศไปกับตาเช่นนั้นหรือ

หลิวอวิ๋นเซียวพูดถากถาง “ทำไมข้าต้องช่วยด้วยล่ะ เพื่อเฟิงหรูชิงคนไม่เอาถ่าน ฝ่าบาทถึงกลับยอมละเลยบ้านเมือง แล้วข้าจะช่วยไปทำไมกัน”

เขาให้โอกาสเฟิงเทียนอวี้แล้ว ขอเพียงจัดการเฟิงหรูชิง และแต่งตั้งหรงเอ๋อร์ขึ้นเป็นฮองเฮา เขาจะยอมช่วยทันที

เฟิงเทียนอวี้ยอมเลือกคนเสเพลไม่เอาถ่าน แต่ไม่ยอมขอร้องให้เขาช่วย เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะเข้าไปยุ่งทำไม

“ท่าน…” เจ้ากรมอาญาหลินโมโหหนัก

เดิมเขาคิดว่าต่อให้ภายในแคว้นหลิวอวิ๋นจะปั่นป่วนแค่ไหน อย่างน้อยเมื่อต้องต่อสู้กับแคว้นอื่นต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันได้ แต่คิดไม่ถึงว่าหลิวอวิ๋นเซียวจะดื้อดึงขนาดนี้

ดี!

ดีมาก!

เจ้ากรมอาญาหลินเอามือลูบชุดที่ใส่แล้วลุกขึ้น “ข้ากำลังความสามารถอ่อนด้อย มีฌานเพียงระดับเจินหลิง ไม่อาจต่อสู้กับยอดฝีมือสามคนนั้นได้ แต่เมื่อข้ารู้ว่าบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในอันตราย ข้ายอมเอาเลือดเนื้อเข้าแลก ไม่เหมือนคนบางคนที่ขี้ขลาดตาขาว!”

เมื่อเขาพูดจบก็เดินไปข้างหน้า

เมื่อเจ้ากรมอาญาหลินเป็นผู้เริ่ม เหล่าขุนนางภักดีต่างพากันลุกขึ้น แม้รู้ว่าตนเองไม่อาจต่อกรกับศัตรูได้ แต่หากยอมแพ้ในเวลาเช่นนี้ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนขี้ขลาดตาขาวที่เอาแต่มองดูบ้านเมืองล่มสลาย!

ยอมตายเพื่อปกป้องบ้านเมือง นี่เป็นหน้าที่ของพวกเขา!

“เจ้าพวกโง่” หลิวอวิ๋นเซียวอดด่าออกไปไม่ได้

เมื่อเห็นผู้เฒ่าฉินต่อสู้ต่อไปไม่ไหวหลังจาดถูกศัตรูอัดพลังฝ่ามือเข้า หลิวอวิ๋นเซียวรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อเห็นขุนนางอีกคนพุ่งเข้าไปแล้วโดนฟันกลับมาหนึ่งแผล หลิวอวิ๋นเซียวก็อดหัวเราะชอบใจไม่อยู่

เขาไม่เคยรู้สึกสะใจแบบนี้มาก่อน!

แต่ในเวลานั้นเอง เสียงดังโครมที่มาจากพลังรุนแรงซึ่งทำให้ประตูตำหนักที่เดิมปิดอยู่ครึ่งหนึ่งล้มพับลงบนพื้น ทำฝุ่นคลุ้งไปทั่ว

แต่ในขณะที่พลังวิเศษนั้นยังไม่จางหายไป และทุกคนยังไม่ทันระวังตัว เสียงแควกดังขั้น พลังทะลุเข้าไปที่ไหล่ของผู้มีฌานระดับหลิงอู่คนหนึ่ง