ตอนที่ 263 ตัดสินใจแต่งงาน / ตอนที่ 264 ผมสนใจแค่คุณคนเดียวเท่านั้น

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 263 ตัดสินใจแต่งงาน

 

 

หลีหนานเซิงมองหน้าหลินจยาอวี่ กล่าวสั่งสอนด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว “หลินจยาอวี่ นี่คุณคบหาเพื่อนประเภทไหนกัน ใฝ่ต่ำจริงๆ”

 

 

หลินจยาอวี่ที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเลื่อนสายตาขึ้นอย่างช้าๆ จ้องตาหลีหนานเซิง พูดพลางกำหมัดแน่น “เพื่อนที่ฉันคบต้องดีแน่นอนอยู่แล้ว เทียบกับชายโฉดหญิงชั่ว ประเภทหักหลังเพื่อน ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยล่ะ”

 

 

หลีหนานเซิงตกตะลึงในท่าทีของหลินจยาอวี่

 

 

อวี๋กานกานปรายตามองหลีหนานเซิงอย่างเย็นชา จากนั้นคลี่ยิ้มให้หลินจยาอวี่กล่าว “จยาอวี่ อย่าไปสนใจพวกคนประเภทคิดเข้าข้างว่าตัวเองถูกอยู่เสมอ นึกว่าโลกหมุนรอบตัวเองเลยนะ ให้พวกเขารักกันให้พอเถอะ ขยะรีไซเคิล”

 

 

หลีหนานเซิงถลึงตาใส่อวี๋กานกานด้วยความโมโหโกรธา “ผู้หญิงคนนี้ ทำไมมาด่าทอคนอื่นแบบนี้”

 

 

อวี๋กานกานแบมือทั้งสองออกไปด้านข้างประหนึ่งผู้บริสุทธิ์ “ฉันด่าใครเหรอ” จากนั้นหันไปมองหลินจยาอวี่ กล่าวประโยคเดิมซ้ำ “ฉันด่าใครเหรอ”

 

 

หลินจยาอวี่ส่ายศีรษะ “ไม่นี่ เธอพูดเรื่องจริงทั้งนั้น”

 

 

หลีหนานเซิงและจางอวี้จือคือขยะ เธอหลินจยาอวี่ทำไมต้องคอยหลบพวกเขาด้วย พวกเขาต่างหากที่เป็นคนทรยศ เธอควรจะก้าวเดินไปข้างหน้ายิ้มให้กับแสงตะวัน

 

 

หลีหนานเซิงขึงตาใส่หลินจยาอวี่ด้วยความโกรธเกรี้ยวจนแทบจะพ่นไฟออกมาอยู่รอมร่อ ในแววตาแฝงไว้ด้วยความผิดหวัง

 

 

จางอวี้จือกัดริมฝีปาก ดวงตาแดงก่ำคลอน้ำตา ท่าทางน่าสงสาร ถาม “จยาอวี่ ฉันก็ขอโทษเธอไปแล้ว ทำไมเธอถึงยกโทษฉันไม่ได้ ฉันเองก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันรักหนานเซิงมากจริงๆ อีกอย่างฉันก็พูดไปแล้วนี่ ขอแค่เธอยอมยกโทษให้ฉัน ฉันยอม…” เหลือบมองหลีหนานเซิงด้วยความอาลัยอาวรณ์ กัดฟันกล่าวอย่างทุกข์ทรมานประหนึ่งหักใจแล้ว “ยอมคืนหนานเซิงให้เธอ”

 

 

จางอวี้จือราวกับดอกไม้ขาวดอกหนึ่งที่กำลังฟันฝ่ามรสุมของลมและสายฝน บอบบางทว่ายืนหยัด

 

 

เกิดเส้นขีดสีดำทั่วบริเวณศีรษะของอวี๋กานกาน ถามหลินจยาอวี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม “เสียงดังโวยวายไม่จบไม่สิ้นเหมือนกับแมลงวันบินอยู่ข้างหูไม่มีผิด จยาอวี่ เธอรู้จักไหม”

 

 

การเคลื่อนไหวของหลินจาอวี่เริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น เธอส่ายศีรษะ “ไม่รู้จัก”

 

 

สายตาที่ชำเลืองมามองหลีหนานเซิงและจางอวี้จือ เย็นเยียบประหนึ่งน้ำที่จับตัวเป็นน้ำแข็งในทะเลลึกของขั้วโลกใต้

 

 

ท่าทีของหลินจยาอวี่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับใจของหลีหนานเซิงอย่างรุนแรง คิ้วของเขาขมวดเน้นเป็นปม ค่อนข้างเชื่อไม่ลง

 

 

“โหวกเหวกโวยวายแบบนี้รบกวนเวลาลูกค้าจะทานอาหาร คนไม่รู้คงนึกว่าเจอพวกโปรโมทสินค้า ภัตตาคารไม่คิดจะเข้ามาจัดการหน่อยหรือยังไง” อวี๋กานกานชูมือขึ้นเรียกพนักงานบริการ “บริกร…”  

 

 

อวี๋กานกานเตรียมให้บริกรไล่พวกเขาออกไป หลีหนานเซิงและจางอวี้จือจำใจต้องล่าถอย พวกเขาไม่ได้กลับไปที่โต๊ะ เดินตรงออกจากภัตตาคารทันที

 

 

 

 

ในใจของหลินจยาอวี่รู้สึกเบาสบายเป็นอย่างยิ่ง ที่แท้การเผชิญหน้าก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น ทั้งยังไม่รู้สึกเสียใจอะไรมากมายเหมือนอย่างที่คิด ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่ได้รักหลีหนานเซิงมากมายอะไร ความเสียใจน่าจะมาจากความจริงใจถูกเหยียบย่ำมากกว่า เธอหยิบแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาจิบหนึ่งคำ “จากนี้ดูท่าพวกเขาคงไม่กล้ามาภัตตาคารนี้แล้วล่ะ”

 

 

อวี๋กานกานเอ่ยปากถาม “เธอยังรู้สึกเสียใจอยู่เหรอ”

 

 

“เปล่า” มุมปากของหลินจยาอวี่ไม่ขยับเขยื้อนเช่นเคย ทว่าแววตากลับแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม “ฉันตัดสินใจแล้ว ตอบตกลงลู่เสวี่ยเฉินแต่งงานโดยมีข้อสัญญา”

 

 

“อะไรนะ” อวี๋กานกานชะงักไปแวบหนึ่ง สมองอันชาญฉลาดไม่สามารถประมวลผลตามได้ทัน ทำไมถึงตัดสินใจกะทันหันแบบนี้ หรือว่าเพราะถูกหลีหนานเซิงและจางอวี้จือยั่วโมโห

 

 

“จยาอวี่ คิดทบทวนอีกทีดีกว่าไหม” อวี๋กานกานเบรกจังหวะอย่างนิ่มนวล ไม่อยากให้หลินจยาอวี่ตัดสินใจเพราะความบุ่มบ่ามชั่วขณะ  

 

 

“เธอวางใจได้ ฉันไม่ได้ถูกพวกนั้นยั่วโมโห ที่ฉันให้เธอช่วยมาเป็นเพื่อน เพราะต้องการยืนยันว่าการที่ฉันตกลงแต่งงานกับลู่เสวี่ยเฉิน มีส่วนมาจากความน้อยใจไหม ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าไม่มีเลย”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 264 ผมสนใจแค่คุณคนเดียวเท่านั้น

 

 

หลินจยาอวี่พูดอย่างซื่อตรงไร้สิ่งใดเปรียบ แต่พอลอยเข้าหูอวี๋กานกานแล้วเธอกลับรู้สึกเท็จที่สุด “แต่ลู่เสวี่ยเฉิน นิสัยเขาค่อนข้าง…” อวี๋กานกานไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไรดี คบในฐานะเป็นเพื่อนลู่เสวี่ยเฉินถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่ถ้าในฐานะสามี รู้สึกว่าจะไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไร 

 

 

พอนึกถึงเรื่องลู่เสวี่ยเฉินหลับนอนกับผู้หญิงที่เจอกันที่ผับ สวมกางเกงเสร็จก็ชิ่ง สุดท้ายยังรังเกียจที่ผู้หญิงหน้าตาไม่สวย รู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบ พลันให้รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนดีที่จะฝากชีวิตไว้ได้

 

 

หลินจยาอวี่รู้ว่าอวี๋กานกานกำลังคิดอะไร แต่เธอไม่ใส่ใจ “ฉันไม่เคยคิดจะสร้างความสัมพันธ์อะไรจริงจังกับลู่เสวี่ยเฉิน แค่แต่งงานโดยมีข้อสัญญาเท่านั้น”

 

 

หลินจยาอวี่หยิบแก้วน้ำขึ้นมาชนกับแก้วของอวี๋กานกานเบาๆ “ฉันจะให้ลู่เสวี่ยเฉินเป็นบิดาในนามให้ลูกของฉัน หลังจากนั้นหนึ่งปีพวกเราก็จะหย่า แก้แซ่ลูกเป็นแซ่ของฉัน จะไม่มีใครดูถูกเขาได้อีก ฉันจะให้เขาได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดในโลกใบนี้”

 

 

น้ำเสียง มุ่งมั่นเด็ดขาด

 

 

ท่าที ยืนยันหนักแน่น

 

 

เห็นได้ชัดว่าหลินจยาอวี่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว อวี๋กานกานจึงไม่พูดอะไรต่อ สิ่งที่เธอทำได้คือช่วยหลินจยาอวี่ศึกษานิสัยใจคอของลู่เสวี่ยเฉิน

 

 

ตกดึก อวี๋กานกานนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือส่งข้อความหาฟังจือหัน

 

 

[อวี๋กานกาน : หลับแล้วยัง]

 

 

[ฟังจือหัน : ยัง จะนัด?]

 

 

[อวี๋กานกาน : …] จะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ออก ใครจะนัดหมอนั่นกัน

 

 

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นฟังจือหันที่โทรมา

 

 

อวี๋กานกานกระแอมออกมาเบาๆ นั่งหลังตรง รับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าปกติ ไม่รอให้ฟังจือหันได้พูดอะไรก็ชิงกล่าวก่อนด้วยความร้อนใจ “คือฉันอยากถามนายหน่อย ลู่เสวี่ยเฉินเป็นคนยังไงเหรอ”

 

 

ฟังจือหันที่อยู่ปลายสายไม่พูดอะไร เขาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัวยืนอยู่หน้าบานกระจกขนาดใหญ่ สายตาว่างเปล่าจดจ้องไปยังแดนไกล ดั่งราชาผู้สูงส่งทะนงตน

 

 

มือข้างหนึ่งของเขาถือโทรศัพท์ นิ่งเงียบไม่พูดจา “…”

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ อวี๋กานกานนึกว่าสายตัดไปแล้ว เธอมองหน้าจอโทรศัพท์แวบหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าสายยังปกติดีอยู่จึงถามอีกครั้ง “ตกลงลู่เสวี่ยเฉินเป็นคนยังไง”

 

 

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด “คุณโทรมาเพื่อถามเรื่องลู่เสวี่ยเฉิน?” 

 

 

คิ้วสวยได้รูปของอวี๋กานกานขมวดเข้าหากัน “ใช่น่ะสิ”

 

 

“คุณสนใจเขา?” น้ำเสียงพลันเย็บเยียบประหนึ่งธารน้ำแข็ง ทุ้มต่ำจนน่าหวาดหวั่น

 

 

“ฉันไม่ได้สนใจลู่เสวี่ยเฉิน คือ…เรื่องนี้พูดแล้วยาว”

 

 

ฟังจือหันเอ่ยเสียงเรียบ “พูดแล้วยาว งั้นก็ต้องคุยต่อหน้า”

 

 

“ตอนนี้?” อวี๋กานกานตกใจ ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้วนะ

 

 

ฟังจือหันถาม “คุณมีสัมมนาพรุ่งนี้เช้า?”

 

 

“ไม่มี”

 

 

“งั้นผมไปตอนนี้”

 

 

“แต่ฉันอยู่ที่บ้านหลินจยาอวี่” ถ้าเขามาคงรู้สึกไม่ค่อยสะดวก

 

 

“ผมรู้” เป็นเขาเองที่ส่งอวี๋กานกานถึงที่

 

 

อวี๋กานกานหมายจะพูดอย่าเลย วันนี้ดึกมากแล้ว ทว่าสายกลับถูกฟังจือหันตัดไปแล้ว

 

 

ฟังจือหันบอกว่าจะมา แน่นอนว่าอวี๋กานกานไม่สามารถกลับไปนอนอย่างสงบจิตสงบใจได้ เธอนอนแผ่อยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมาเปิดม่านมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

 

เวลานี้ถนนปลอดโล่ง ยี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว เพียงครู่เดียวอวี๋กานกานพลันเห็นรถออฟโรดสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ตึก แสงไฟบนถนนส่องกระทบรถออฟโรดเกิดเป็นประกายระยิบระยับ

 

 

อวี๋กานกานไม่ได้เปลี่ยนชุด ออกไปทั้งๆ ที่สวมชุดนอนกับรองเท้าใส่ในบ้าน คลุมทับด้วยเสื้อหนาวขนเป็ด

 

 

หลินจยาอวี่เข้านอนแล้ว อวี๋กานกานกลัวว่าจะทำเสียงดังจนทำเธอตื่น จึงกดเสียงต่ำ พูดกระซิบ “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ยังดึงดันจะมาให้ได้ ใส่ใจลู่เสวี่ยเฉินเกินไปหน่อยมั้ง”

 

 

“ผมไม่ได้ใส่ใจเขา”