บทที่ 150 ไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

หลินเสวี่ยหรงชะงักไปอึดใจหนึ่งจึงพูดออกมาอย่างมิยินยอม “บาดแผลของท่านอ๋องอยู่บริเวณหัวใจ ข้าไม่กล้าตัดสินใจทำอะไร วันนี้ได้ยินท่านอ๋องบอกว่าจะต้องให้เจ้าไปให้ได้ เขาจึงจะดีขึ้น เขาบอกว่าเจ็บแผลอย่างมาก”

“เขาหลอกเจ้า” หลินชิงเวยกลอกตาขาวอย่างทนไม่ได้

เซียวอี้เป็นคนเลวระดับใดนั้นนางพอจะแจ่มแจ้งอยู่บ้าง

ชัดเจนยิ่งนักว่าหลินเสวี่ยหรงเชื่อเซียวอี้มากกว่า และเป็นกังวลเรื่องบาดแผลของเขามากกว่า นางสูดลมหายใจแล้วพูดว่า “แต่เช้าวันนี้ข้าดูผ้าพันแผลที่หน้าอกของเขามีเลือดแดงสดซึมออกมา หากเจ้าไม่ไปดูแล้วไม่มีอะไรน่าวิตกกังวลก็ช่วยเปลี่ยนยาให้ท่านอ๋องของข้าก็ได้” พูดอย่างมีเหตุมีผล ดูเหมือนไม่ได้มาขอร้องแต่กลับพูดจาขอร้องตรงๆ

หลินชิงเวยวางถ้วยน้ำชาดอกไม้ในมือ ช้อนตาขึ้นมองนาง “เจ้าอาศัยอะไรคิดว่าข้าจะไป?”

หลินเสวี่ยหรงประสานสายตากับนาง สีหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดชังข้า หากไม่มีข้าท่านอ๋องย่อมต้องเป็นสามีของเจ้า เป็นข้าแย่งท่านอ๋องไปจากข้างกายเจ้า ข้ารู้เช่นกันว่าเจ้ามีใจปฏิพัทธ์ต่อเขา ยามนี้เขาได้รับทุกข์ทรมาน เจ้าคงไม่นิ่งดูดาย…”

หลินชิงเวยพูดอย่างเห็นขันว่า “น้องเสวี่ยหรง เจ้าประเมินสามีของเจ้าสูงเกินไปแล้วกระมัง มีเพียงเจ้ากระมังที่เห็นเขาเป็นดังสิ่งของล้ำค่า” นางหยุดไปครู่หนึ่งและพูดอีกว่า “จะให้ข้าไปไม่ใช่ว่าไม่ได้ ข้าเป็นหมอไม่อาจรักษาให้เซี่ยนอ๋องเปล่าๆ การรักษาเมื่อคืนนั้นเป็นการรักษาฟรี วันนี้ต้องคิดค่ารักษา”

มีเงินปรึกษาหารือได้ทุกเรื่อง อีกทั้งจวนเซี่ยนอ๋องใช่ว่าจะไม่มีเงิน

หลินเสวี่ยหรงได้ยินนางพูดเช่นนั้น ในใจจึงปล่อยวางลง “ต้องการเงินเท่าใด เจ้าบอกราคามาเถิด”

หลินชิงเวยชูนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว

“หนึ่งร้อยตำลึง?” หลินเสวี่ยหรงพูด “ได้ จวนเซี่ยนอ๋องยังไม่ถึงกับไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ไม่ได้”

ปลายนิ้วของหลินชิงเวยส่ายไปมา

“หนึ่งพันตำลึง?” หลินเสวี่ยหรงสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา “ก็แค่ให้เจ้าไปเปลี่ยนยาให้ท่านอ๋องเท่านั้น เจ้าถึงกับเก็บค่ารักษาหนึ่งพันตำลึง?”

หลินชิงเวยพูดกลั้วหัวเราะ “ไม่ใช่ เป็นเงินหนึ่งหมื่นตำลึง”

หลินเสวี่ยหรงโมโหเดือดดาล “หลินชิงเวย! ไฉนเจ้าไม่ไปวิ่งราวเล่า!”

“ข้าก็กำลังวิ่งราวอยู่นี่ไงเล่า เพียงแต่นี่เป็นวิธีการวิ่งราวที่สุภาพ ไม่ตกลง? ไม่ตกลงก็แล้วไป” หลินชิงเวยวางฝาถ้วยน้ำชาลงบนถ้วยน้ำชาเสียงดังกริ๊ง “เด็กๆ ส่งแขก”

หลินเสวี่ยหรงกัดฟันถลึงตามองหลินชิงเวยอย่างแค้นเคือง สุดท้ายยังคงพูดอย่างตัดใจว่า “ได้! หนึ่งหมื่นตำลึงก็หนึ่งหมื่นตำลึง!”

หลินชิงเวยมองนางด้วยหางตา “หนึ่งหมื่นตำลึงเจ้าตัดสินใจได้หรือ?”

สีหน้าของหลินเสวี่ยหรงย่ำแย่อย่างที่สุด “อย่างไรก็ให้เจ้าไม่ขาดสักตำลึงก็แล้วกัน!”

หลินชิงเวยค้ำเก้าอี้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินผ่านร่างของหลินเสวี่ยหรง นางพูดขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าเป็นนางสนมในตำหนักในหากฝ่าบาทไม่อนุญาตข้าย่อมออกไปข้างนอกอย่างอิสระไม่ได้ อีกประเดี๋ยวหากเจ้ามีเหตุผลสมควรที่ให้ข้าต้องออกไป ก็พูดให้ฝ่าบาทอนุญาตให้ข้าออกไป”

ต่อมาหลินชิงเวยพาหลินเสวี่ยไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกัน ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนักที่หลินเสวี่ยหรงไม่ไปแสดงละคร ยามนี้นางคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้และเซ่อเจิ้งอ๋อง น้ำมูกน้ำตาไหลพร้อมกับระบายความทุกข์ใจ นางทูลฝ่าบาทว่ามารดาของนางจ้าวซื่อ ซึ่งก็คือป้าสะใภ้ของหลินชิงเวยล้มป่วยหนัก เชิญหมอมาหลายคนแล้วแต่ไม่ดีขึ้น หลินเสวี่ยหรงคิดขึ้นมาได้ว่าหลินชิงเวยที่อยู่ในวังหลวงพอจะรู้วิชาแพทย์ จึงกล้าหาญมาขอให้หลินชิงเวยกลับไปรักษาจ้าวซื่อ

แม้เซียวจิ่นจะไม่ล่วงรู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างหลินชิงเวยและหลินเสวี่ยหรง แต่เขาย่อมได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิดของมหาเสนาบดีหลินอยู่บ้าง หลินชิงเวยและจ้าวซื่อไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนัก

เซียวจิ่นเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง แล้วโยนปัญหานี้มาให้หลินชิงเวย “ชิงเวย เรื่องนี้เจ้าเห็นอย่างไร?”

หลินชิงเวยพูดขึ้นเบาๆ ว่า “อืม ดีชั่วอย่างไรก็เป็นท่านป้าสะใภ้ของหม่อมฉันเพคะ” เมื่อนางช้อนตาขึ้นกลับประสานสายตาเข้ากับเซียวเยี่ยน สายตาของเขานิ่งลึกด้วยมองนางออกอย่างทะลุปรุโปร่งพร้อมทั้งส่งสายตาห้ามปรามมาด้วย

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขารู้สึกว่าตนไม่ควรไปจวนเซี่ยนอ๋องอีกหรือรู้สึกว่าตนไม่ควรจะปิดบังเซียวจิ่นเช่นนี้

หากจะพูดให้ร้ายแรงสักหน่อย นี่คือความผิดโทษฐานเพ็จทูลเบื้องสูง

หลินชิงเวยกะพริบตาปริบๆ ราวกับเป็นผู้บริสุทธิ์ ทว่าหลินเสวี่ยหรงมาขอร้องให้ไปรักษาด้วยตนเองแล้วอีกทั้งค่ารักษาเป็นเงินหนึ่งหมื่นบาท ถ้านางไม่รับเงินก้อนนี้ก็คือชวดไป

เซียวจิ่นได้ยินหลินชิงเวยพูดเช่นนี้จึงเห็นแก่ที่นางมีใจกตัญญู เขาอนุญาต เพียงแต่เมื่อเห็นร่างผอมแบบบางของหลินชิงเวยแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างปวดใจว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจิ้นอนุญาตให้เจ้ากลับไปอยู่สักหลายวันหน่อย เพียงแต่เจ้าอย่าทำงานหักโหมจนเหนื่อยเกินไป ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีด้วย”

เซียวจิ่นเข้าอกเข้าใจผู้อื่น หลินชิงเวยรู้สึกผิดในใจอยู่บ้าง “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ใส่พระทัยเพคะ หม่อมฉันทราบว่าต้องดูแลตนเองเพคะ”

เซียวจิ่นพูดกับเซียวเยี่ยน “เสด็จอา ท่านช่วยเจิ้นส่งชิงเวยกลับไปเถิด”

หลินเสวี่ยหรงออกจากวังไปก่อน เซียวเยี่ยนขึ้นมานั่งรถม้าคันเดียวกับหลินชิงเวยด้วยสีหน้าเย็นชา เซียวเยี่ยนพูดกับหลินชิงเวยอย่างจนใจว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำเช่นนี้จะทำให้เกิดผลลัพธ์ตามมาในภายหลัง?”

หลินชิงเวยไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเซียวเยี่ยน นางพูดพร้อมยักไหล่ “ข้าจะทำอย่างไรได้เล่า หลินเสวี่ยหรงมาขอร้องข้าบอกว่าเซี่ยนอ๋องจะเป็นจะตาย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ข้าไปดูสักหน พวกเราช่วยชีวิตคนให้รอดมาได้อย่างมิง่ายดาย ต่อมาเขาตัวร้อน บาดแผลเกิดอาการอักเสบ เก็บมือเก็บไม้ไม่เกี่ยวข้องดูเหมือนทำไม่ได้ เสด็จอาว่าใช่หรือไม่?”

เซียวเยี่ยนมองหน้านางและพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ทำไม่ได้? เปิ่นหวางดูเจ้าไม่ได้มีจิตใจเมตตาเช่นพระโพธิสัตว์ นางให้ผลประโยชน์อันใดต่อเจ้า?”

หลินชิงเวยหัวเราะอย่างเบิกบานใจ ร่างของนางเอนมาข้างหน้าสัมผัสถูกแขนของเซียวเยี่ยน “เสด็จอา ท่านอย่าเข้าอกเข้าใจข้าเช่นนี้ได้หรือไม่?”

“ฮึ”

หลินชิงเวย “ต้องการให้ข้าไปรักษา ย่อมต้องจ่ายค่ารักษา อีกทั้งนี่เป็นการไปรักษาเซี่ยนอ๋อง ค่ารักษาย่อมต้องสูงลิ่ว”

“พวกเขาให้เจ้าเท่าใด?” เซียวเยี่ยนถามไปอย่างนั้น

“หนึ่งหมื่นตำลึง” ที่จริงแล้วหลินชิงเวยไม่ได้ใช้เงินมากมายนักในยุคสมัยนี้ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเงินทองพวกนี้เท่าใดนัก อย่างไรยิ่งมากยิ่งดีมิใช่หรือ คิดแล้วนางเป็นถึงเจาอี๋เหนียงเหนียงเงินเดือนเดือนหนึ่งเพิ่งจะไม่กี่ร้อยตำลึง หลินชิงเวยกระแอมกระไอแล้วพูดว่า “ที่จริงข้าไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ถึงเพียงนั้น เงินจำนวนมากเป็นเรื่องรองลงมา ที่สำคัญก็คือยังต้องไปดูอาการของเซี่ยนอ๋องอีกครั้ง บาดแผลของเขาค่อนข้างพิเศษ ท่านหมอโดยทั่วไปไม่อาจจัดการให้ดีได้”

ไหนเลยจะคิดว่าเซียวเยี่ยนจะทิ่มแทงนางด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว “เจ้าก็แค่ทำเพื่อเงิน”

“หาได้เล็กน้อยก็หาเล็กน้อย เป็นค่าแรงในการทำงาน” หลินชิงเวยกลอกตาขาว “ข้าไม่สน อย่างไรเสด็จอาเป็นคนพูดว่าต้องรักษาชีวิตของเซี่ยนอ๋อง ข้ารักษาเซี่ยนอ๋องไปแล้วครั้งหนึ่งโดยไม่ได้เก็บค่ารักษากับเสด็จอา หากท่านยังขวางเส้นทางการหาเงินของข้าก็เป็นการกระทำไร้คุณธรรมแล้ว ดังนั้น ทางฝ่าบาทท่านต้องช่วยข้าปิดเป็นความลับอย่างดีด้วย เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องยากสำหรับเสด็จอากระมัง? หากฝ่าบาทล่วงรู้จะต้องคิดมากเป็นแน่”

สีหน้าของเซียวเยี่ยนราวกับสัตว์ดุร้าย–นางรู้ว่าฝ่าบาทรู้แล้วจะคิดมาก เซียวเยี่ยนสะบัดชายแขนเสื้อพูดคำพูดชอบธรรมด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย ยังคิดจะให้เปิ่นหวางช่วยเจ้าปิดบังเรื่องนี้?”

หลินชิงเวยครุ่นคิด “แบ่งส่วนแบ่งให้ท่านก็แล้วกัน เงินค่ารักษาท่านข้าแบ่งสามต่อเจ็ด”