บทที่ 147 หลงเซี่ย

ไหปีศาจ

บทที่ 147 หลงเซี่ย

เฉินหมิงหยู่โกรธมาก จนถึงตอนนี้นางเพิ่งเคยได้รับความอับอายที่น่าอดสูแบบนี้เป็นครั้งแรก

หัวใจของนางเต้นระรัวขึ้นและลง ร่างกายของนางก็สั่นสะท้าน

จนกระทั่งถึงวินาทีที่พวกเขาได้ถูกเชิญออกจากศาลาไป่หยู่อย่างสุภาพ ได้เห็นกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดก็ถูกโยนออกไป

ในที่สุดสมองของเฉินหมิงหยู่ก็กลับมาตอบสนอง

ข้าเนี่ยนะถูกไล่ออก

ในฐานะสมาชิกของตระกูลเฉิน นางไม่เคยถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้มาก่อน นางได้รับเกียรติในฐานะแขกผู้มีเกียรติเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในหมู่ตระกูลชั้นสูงหรือในวังหลวง

นางโดนไล่ออกได้อย่างไร?

ที่แย่ที่สุดคือเฉินหมิงหยู่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนในศาลาไป่หยู่มีสายตาที่ร่าเริง ปราศจากความเกลียดชัง ราวกับว่าพวกเขากำลังเฉลิมฉลองการจากไปของนาง

“ท่านปู่! พวกเขาทำแบบนี้กับพวกเราได้อย่างไร” เฉินหมิงหยู่โกรธจนควันแทบจะลอยออกจากหัว “ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นพวกเราตระกูลเฉินแบบนี้มาก่อน ! ข้าต้องการให้ลุงหลง … ”

“หุบปาก!!”

เฉินซังเทียนขัดเฉินหมิงหยู่ที่กำลังพูดอยู่เอาไว้

เฉินหมิงหยู่เห็นได้ถึงความผิดหวังและหมดหนทางอย่างชัดเจนจากดวงตาเฉินซังเทียน

ทันใดนั้นนางรู้สึกแน่นในอกและเสียงของนางก็เบาลงอย่างมาก “ท่านปู่ … ”

บรรยากาศรอบตัวของเฉินซังเทียน หนักขึ้นเหมือนชิ้นส่วนของตะกั่ว “ที่ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นพวกเราตระกูลเฉินเจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร แล้วทำไมทำไมตระกูลเฉินของพวกเราถึงมีเกียรติมาก?”

“ เพราะเมื่อสามร้อยปีก่อน ท่านปู่ทวดได้ทำประโยชน์อย่างมากในการปกป้ององค์จักรพรรดิ และได้เสียชีวิตด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากนั้น ทุกคนในจักรวรรดิจึงยกย่องท่านปู่ทวดเป็นดั่งนักบุญ ด้วยความสำเร็จของเขา พวกเราตระกูลเฉินจึงได้มีสถานะสูงส่งมาจนถึงในปัจจุบันนี้ “เฉินหมิงหยู่กระซิบ

เฉินซังเทียนยังคงถามต่อไปว่า “แล้วจุดประสงค์ที่ท่านปิดผนึกปีศาจหยวนนั้นเพื่ออะไร?”

“เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” เฉินหมิงหยู่ลดศีรษะลงและเสียงของนางก็เบาลงกว่าเดิม

เฉินซังเทียน พยักหน้า “ดีมากดูเหมือนว่าเจ้าจะยังจำเรื่องพวกนี้ได้อยู่ ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เมื่อสามปีก่อนตอนที่พวกเราอยู่ในโรงเตี้ยมกลางทะเลทรายและเจอเข้ากับกลุ่มโจรภูเขา เจ้าได้ทำอะไรลงไปเมื่อ โจรภูเขาพวกนั้นคิดฆ่าทุกคนในโรงเตี๊ยมเพื่อชิงทรัพย์ ”

ใบหน้าของเฉินหมิงหยู่ เปลี่ยนเป็นสีแดงและนางก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาชั่วขณะ

ในตอนนั้นนางได้ขอร้องให้ลุงหลงฆ่าโจรภูเขาทั้งหมด

เพื่อกำจัดต้นตอของปัญหาให้กับชาวบ้าน เขาถูกบังคับให้อยู่ในที่แห่งนั้นต่อไปอีกสามเดือนเพื่อกำจัดโจรภูเขาทั้งหมด ก่อนที่จะกลับไป

“ เจ้าไม่ใช่คนดีคนเดิมเหมือนเมื่อสามปีที่แล้วหรือไง?” คำพูดของเฉินซังเทียนเหมือนค้อนหนักที่ทุบลงในใจของเฉินหมิงหยู่

เฉินหมิงหยู่มองไปที่เฉินซังเทียนอย่างน่าสงสาร “ท่านปู่ ไม่ใช่แบบนั้นนะ ข้าแค่ … ”

“ เจ้าก็แค่อยากเห็นนายน้อยคนนั้นไม่มีความสุข ดังนั้นเจ้าก็เลยอยากจะให้เขาเดือดร้อน เลยไม่คิดจะปล่อยให้หลงเซี่ยช่วยจัดการเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ?” เฉินซังเทียนพูดเบา ๆ

เฉินหมิงหยู่เหมือนถูกแทงเข้าที่หัวใจอย่างไม่สบายใจ

“ เจ้าไม่ได้คิดอย่างนั้นเหรอ ?” เฉินซังเทียนถาม

เฉินหมิงหยู่ส่ายหัวอย่างรีบร้อน

“ สิ่งที่ข้าถามก็คือ เจ้าไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องเรียกเขาว่าอาจารย์สินะ”

เฉินหมิงหยู่ลังเลสักครู่และพยักหน้า

เห็นได้ชัดว่าเขาอายุเท่านาง แล้วทำไมนางต้องเรียกเขาว่าอาจารย์

เฉินซังเทียนดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของนางและพูดออกมาอย่างช้าๆ “ระดับการปรับแต่งพลังวิญญาณของเขาสูงกว่าเจ้า แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เพียงเล็กน้อย เจ้ายอมรับได้รึยัง ?”

เฉินหมิงหยู่ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังพยักหน้ายอมรับ

“แม้แต่ปราชญ์โบราณก็ยังเคยขอคำแนะนำจากเด็กอายุเจ็ดขวบ แล้วตัวเจ้าเก่งกว่าปราชญ์โบราณงั้นหรือ?” เฉินซังเทียนกล่าว

เฉินหมิงหยู่ส่ายหัวอย่างรีบร้อน จะให้เอานางไปเทียบได้อย่างไร

“ถ้าอย่างนั้นลั่วอู๋ก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นอาจารย์ของเจ้า ที่เจ้าพยายามปฏิเสธที่จะยอมรับเขา นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าคิดว่าสถานะของเขาต่ำเกินไป ไม่คู่ควรกับสถานะอันสูงส่งของเจ้าใช่หรือไม่?”

เฉินหมิงหยู่ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

ในเวลานี้ถ้าเฉินหมิงหยู่ กล้าพูดว่านางนั้นมีสถานะสูงส่ง นางจะต้องถูกท่านปู่ของนางดุแน่

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมของเจ้าเมื่อวาน เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนเลย เจ้าไม่เพียงแต่หลอกลวงผู้เป็นอาจารย์แต่ยังทำให้บรรพบุรุษเสียชื่ออีกด้วย” เฉินซังเทียนกล่าว

เฉินหมิงหยู่ก้มหัวลงและดวงตาของนางเริ่มเป็นสีแดงก่ำ

จากนั้นนางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดออกมาว่า “ปู่ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปหาท่านอาจารย์ของข้าเพื่อขอโทษและขอให้เขายกโทษให้ข้า”

เฉินซังเทียนมองไปที่เฉินหมิงหยู่ด้วยสายตาที่ดูดีขึ้นจากเดิม

เฉินหมิงหยู่คนนี้เป็นเด็กที่มีศักยภาพสูง นางเป็นคนมีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเด็ก นางจึงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเย่อหยิ่ง ซึ่งตอนนี้นางก็กำลังปรับตัวและอารมณ์ให้เฉียบคม

อนาคตของตระกูลเฉินนั้นขึ้นอยู่กับนาง

เฉินซังเทียนส่ายหัว “ไม่ใช่ตอนนี้ อาจารย์ของเจ้าเป็นคนโมโหร้าย ตอนนี้เขาโกรธเกินกว่าที่จะฟังใคร มันไม่มีประโยชน์ที่จะไปขอโทษในตอนนี้ มันมีแต่จะสร้างความขัดแย้งมากขึ้นไปอีก”

“แล้วข้าควรจะทำอย่างไรดี ?” เฉินหมิงหยู่ถามด้วยเสียงต่ำ

“ตามข้าเข้าไปที่ส่วนลึกของป่าหวงชาก่อนสักสองวันแล้วค่อยกลับมาใหม่” เฉินซังเทียนพูดแล้วหันมองกลับไปที่หลงเซี่ย “หลงเซี่ย เจ้าจงอยู่ที่นี่ต่อ”

หลงเซี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ผู้เฒ่าเฉินหน้าที่ของข้าคือปกป้องท่าน”

“ไม่ต้องห่วงข้า ข้าไม่ใช่คนแก่ไร้ประโยชน์น่า ข้ามีความสามารถในการป้องกันตัวเองได้อยู่แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องติดตามข้าไปตลอดเวลาหรอก” เฉินซังเทียนกล่าว “เจ้าจงอยู่ที่นี่ เผื่อในศาลาไป่หยู่เกิดปัญหาอะไร เจ้าจะได้สามารถช่วยพวกเขาแก้ไขมันได้”

“แต่ข้ามีคำขอเล็กน้อย เพื่อให้เห็นเด่นชัดจงไปบอกให้ลั่วอู๋รู้ว่าเจ้าพร้อมจะช่วยเหลือเขา หากมีปัญหาเกิดขึ้น เจ้าทำได้รึเปล่าล่ะ?”

หลงเซี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็พยักหน้ายอมรับ

……

……

ขณะเดียวกันลั่วอู๋เข้าไปดูอาการของหลี่หยินและไร้หน้า

หลี่หยินนั้นยังไม่ได้สติ แต่ลมหายใจของนางค่อนข้างคงที่แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต

ส่วนไร้หน้านั้นฟื้นขึ้นแล้ว ต้องยอมรับว่าความมุ่งมั่นของเขานั้นมั่นคงมาก แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดมากแค่ไหนเขาก็ไม่ได้เป็นลมล้มลงไป

“นายน้อยขอรับ” ไร้หน้าพยายามขยับร่างกาย

ลั่วอู๋กดตัวของไร้หน้าลง “อย่าขยับไปมาน่า พักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อเจ้าหายดีแล้ว เจ้ามีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ”

“อะไรงั้นเหรอขอรับ … ” ไร้หน้าถาม

“การล้างแค้นของเจ้า” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม

ร่องรอยของความตื่นเต้นปรากฏขึ้นในดวงตาของไร้หน้า ถึงเวลาที่เขาจะได้แก้แค้นแล้วใช่ไหม!

“ พักผ่อนให้ดีเถอะ”

พูดจบหลังจากนั้นลั่วอู๋ก็หันกลับไป

หลังจากที่ลั่วอู๋จากไป ร่างหนึ่งก็แอบเข้าไปในห้องของไร้หน้าอย่างเงียบ ๆ

“ใครกัน!” ไร้หน้ากระซิบ

หลงเซี่ยค่อยๆเดินออกมา เขามองไปที่ไร้หน้าราวกับกำลังใช้ความคิด

“เจ้าคือคนที่ถูก นายน้อยขับไล่ออกไปก่อนหน้านี้นี่นา” ไร้หน้าดูเหมือนจะยังคงระแวงระวังอยู่ อีกฝ่ายอาจจะรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นจึงกลับมาหาทางแก้แค้นก็เป็นได้

หลงเซี่ยครุ่นคิดอยู่นานและถามออกไปว่า “เจ้าเองก็เป็นนักรบอย่างนั้นหรือ?”

“ถ้าใช่ แล้วยังไง” ไร้หน้าส่งเสียงดัง

หลงเซี่ยมองดูบาดแผลบนร่างของไร้หน้า จากนั้นก็นั่งยอง ๆ เพื่อตรวจดูกล้ามเนื้อและกระดูกของไร้หน้า

“เจ้ามีแรงใจที่ดีมาก เจ้ามีคุณสมบัติระดับคนทั่ว ๆไปอาจจะไม่ได้สูงนัก อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คน และมีเพียงบางตระกูลโบราณเท่านั้น ที่ยังคงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบโบราณเช่นเจ้า”

“เจ้าต้องการจะพูดอะไร?” ไร้หน้าเคลื่อนไหวช้าๆราวกับว่าพร้อมที่จะต่อสู้กลับ

“ อย่าขยับน่า เจ้าบาดเจ็บหนักมาก” หลงเซี่ยเหลือบมองเขาจากนั้นก็ยื่นนิ้วออกมาแล้วค่อยๆชี้ไปที่ไร้หน้า

ไร้หน้ารู้สึกได้ถึงพลังงานลึกลับในร่างกายของเขาในทันที เส้นพลังวิญญาณที่ถูกปิดกั้นของเขาถูกเปิดออกและเริ่มซ่อมแซมอาการบาดเจ็บอย่างน่าอัศจรรย์

วิธีการรักษานี้ทำให้รุ้สึกเจ็บปวดมาก มันเหมือนกับการใช้มีดทำครัวกรีดให้เจ็บก่อนแล้วค่อยรักษา

ร่างของไร้หน้าถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่ออันเย็นเฉียบ แต่เขายังคงกัดฟันสู้

เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำนั้นไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็นพลังปราณของแท้ ซึ่งเป็นพลังของผู้ใช่ศิลปะการต่อสู้ พลังปราณของแท้นี้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อร่างกายของเขา

“ไม่เลวนี่” หลงเซี่ยมองดูไร้หน้าด้วยความพึงพอใจ

หัวใจของเขาเกิดความคิดขึ้นอย่างหนึ่งอย่างที่ตัวเขาเองคาดไม่ถึง

เขาลองรับลูกศิษย์สักคนดีไหม?