บทที่ 126 น้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วง

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

เซียวเยวี่ยนำจีรู่เอ๋อร์เข้าไปในร้านเล็กๆ ของฟางฟางเช่นนั้นรึ ไอ้หมอนี่มันคิดจะทำอะไรกันแน่

เมื่อเห็นเซียวเยวี่ยเข้าไปกบดานในร้าน เซียวเหมิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เนื่องจากการที่เซียวเยวี่ยเลือกที่นี่เป็นที่ซ่อน แปลว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะทำร้ายจีรู่เอ๋อร์

เมื่อเซียวเหมิงนึกย้อนไปถึงพลังน่ากลัวที่ซัดเข้ามาจนทำให้พลังปราณของเขาสลายหายไป ดวงตาของชายวัยกลางคนก็จริงจังขึ้น ขณะมองสุนัขสีดำตัวใหญ่แสนขี้เกียจที่นอนหลับอุตุอยู่หน้าร้าน

เขาผสานฝ่ามือและกำปั้นเข้าด้วยกันเพื่อคารวะเจ้าดำ แทนคำขอโทษที่ได้ทำตัวไม่เหมาะสมไปเมื่อครู่ หากมีคนอื่นมาเห็นเหตุการณ์นี้คงต้องอ้าปากค้างจนกรามร่วงลงไปที่พื้นเป็นอันแน่

นักรบอันดับหนึ่งของจักรวรรดิวายุแผ่วกำลังคารวะเพื่อขอโทษสุนัขสีดำตัวใหญ่ ถือเป็นเหตุการณ์เปิดโลกที่แท้จริง

เจ้าดำเหลือบตามองชายตรงหน้าก่อนพ่นลมออกมาแล้วนอนหลับไป ส่วนเซียวเหมิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าพลังกดดันที่ถาโถมลงมาหายไปในพริบตา

หลังจากที่เหลือบตาดูเจ้าดำด้วยความไม่สบายใจ แม่ทัพใหญ่ก็ก้าวเข้าไปในร้านเล็กๆ ของฟางฟาง

ปู้ฟางหยิบวัตถุดิบสองชนิดที่เซียวเยวี่ยมอบให้ออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ อันประกอบไปด้วยกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงและหอยเป๋าฮื้อปราณนภา

กล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงส่องแสงสีม่วงสว่างพร้อมพลังเผาไหม้เล็กน้อย เมื่อมองด้วยตาอาจไม่รู้สึก แต่เมื่อหลับตาลงก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แผ่ออกมาจากกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงนี้ ราวกับว่ามันเป็นดวงอาทิตย์ดวงเล็ก

หอยเป๋าฮื้อปราณนภามีขนาดใหญ่กว่าหอยเป๋าฮื้อปราณมืดเล็กน้อย ส่วนพลังปราณที่อยู่ภายในก็สูงกว่ามากเช่นกัน เนื่องจากเป็นอสูรเวทระดับห้า มูลค่าของมันจึงเทียบกันไม่ได้แม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นลายเส้นเลือดฝอยบนเปลือกหอยเป๋าฮื้อปราณนภายังซับซ้อนกว่าลายบนหอยเป๋าฮื้อปราณมืดมากนัก และวางแหวนปราณบนเปลือกก็มีระดับสูงกว่าเช่นกัน

ด้วยความที่ปู้ฟางทดลองทำอาหารสูตรนี้โดยใช้วัตถุดิบสำหรับการฝึกซ้อมมาแล้วถึงสองครั้ง เขาจึงจำขั้นตอนการทำน้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วงได้ขึ้นใจ ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังปรับระดับพลังปราณที่ใช้ในการทำอาหารเพื่อให้ตรงกับระดับของวัตถุดิบที่แตกต่างกันเป็นที่เรียบร้อย

หลังจากล้างหอยเป๋าฮื้อปราณนภาเสร็จ ปู้ฟางก็หยิบหม้อดินเผาขนาดใหญ่เพียงใบเดียวที่เขามีซึ่งพอจะใส่หอยลงไปได้ทั้งตัวออกมา

ชายหนุ่มใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองแล่เนื้อหอยเป๋าฮื้อปราณนภา หลังจากเปิดเนื้อหอยออก เขาก็หั่นสมุนไพรพลังปราณชนิดอื่นๆ แล้ววางมันลงไปรอบหอย จากนั้นชายหนุ่มก็ใส่น้ำบ่อน้ำพุจากเทือกเขาเทียนซานลงไป พลางปิดฝาเพื่อปล่อยให้เดือด

ขณะที่ของในหม้อกำลังเดือดนั้น ชายหนุ่มก็เริ่มเตรียมกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วง

ดอกกล้วยไม้ชนิดนี้มีสีฟ้า กลีบและใบหนาอ้วนราวกับว่าสะสมพลังปราณเที่ยงแท้เอาไว้จำนวนมาก

ปู้ฟางค่อยๆ ใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองหั่นกลีบและใบออกอย่างระมัดระวังแล้ววางแยกกันไว้ หลังจากที่บากทุกกลีบเรียบร้อย น้ำสีม่วงเข้มข้นก็ไหลออกจากรอยบากเหล่านั้น น้ำดังกล่าวมีคุณสมบัติพิเศษที่ให้สัมผัสร้อนผ่าวเล็กน้อยบนผิวเมื่อเข้าไปใกล้

ชายหนุ่มหยิบถ้วยหยกออกมารองน้ำจากดอกไม้จนเต็ม น้ำสีม่วงนั้นใสสะอาดมีกลิ่นหอมเข้มข้น

จากนั้นเขาก็เปิดฝาหม้อดินเผา กลิ่นหอมของหอยเป๋าฮื้อปราณนภาพุ่งออกมาทันที ทำให้ตัวเขาเองอดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้

กลิ่นของหอยนี้ไม่ได้มีกลิ่นคาวทะเลแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นกลิ่นหวานหอมรุนแรงแทน จิตใจของปู้ฟางได้รับผลกระทบจากความหวานหอมนี้ไปเต็มๆ ก่อนที่จะได้ชิมเสียอีก ทำให้ทั้งร่างกายและความคิดของเขาปลอดโปร่งเบาสบาย

ชายหนุ่มหั่นใบดอกกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงออกเป็นสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ใส่มันลงไปในหม้อดินเผาแล้วปิดฝากลับดังเดิม สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาทันที

เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนฝาหม้อ พลังปราณเที่ยงแท้ที่ไหลวนอยู่ในเส้นปราณไหลเข้าไปในฝ่ามือ ทำให้ฝ่ามือเรืองแสงขึ้น ก่อนที่พลังนั้นจะไหลเข้าไปในหม้อดินเผา

จิตของปู้ฟางมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกิดปรากฏการณ์อะไรขึ้นบ้างในหม้อ ราวกับว่าได้เห็นมันด้วยตาของตนเอง

พลังปราณที่ไหลเข้าไปกระตุ้นพลังที่อยู่ภายในหม้อให้หมุนวนอย่างต่อเนื่อง และเริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งกับหอยเป๋าฮื้อปราณนภา จุดที่เขาผ่าเนื้อหอยออกนั้นเริ่มเดือดเป็นฟอง ทุกครั้งที่ฟองแตก พลังปราณในหม้อจะเพิ่มปริมาณขึ้น

เมื่อเขาเห็นภาพนี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ชายหนุ่มยังคงกระตุ้นพลังปราณให้โอบล้อมหอยเป๋าฮื้อปราณนภาต่อไป ไม่นานนักกระบวนการแรกก็เสร็จสิ้น

หน้าผากของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เมื่อเทียบกับการทำอาหารด้วยวัตถุดิบฝึกซ้อมแล้ว หอยเป๋าฮื้อปราณนภาของจริงนั้นต้องใช้พลังงานในการทำมากกว่ามาก ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมา

เมื่อชายหนุ่มเปิดฝาหม้อ กลิ่นที่โชยออกมาก็เข้มข้นมากขึ้น และดูเหมือนว่าจะมีประกายระยิบระยับเบาบางลอยอยู่บนหม้อด้วย ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะปู้ฟางรวมพลังปราณเที่ยงแท้เข้าไปกระตุ้นวงแหวนปราณของหอยเป๋าฮื้อปราณนภานั่นเอง

ทันทีที่กลีบของกล้วยไม้หัวใจพลอยม่วงถูกโยนเข้าไปในหม้อ น้ำแกงที่เดือดอยู่ก็พุ่งเข้าโอบล้อมกลีบดอกไม้ ปู้ฟางหยิบถ้วยหยกที่ร้อนลวกมือออกมาแล้วเทของเหลวที่อยู่ภายในลงไปในหม้อ กลิ่นหอมเข้มกว่าเดิมสองเท่าลอยออกจากหม้อทันที

เมื่อได้สูดดมเข้าไป เขาก็รู้สึกสบายมากขึ้นกว่าเดิมเสียจนอยากร้องออกมาอย่างเป็นสุข ถือเป็นความรู้สึกสบายที่ไม่ใช่สบายกายเพียงเท่านั้น แต่เป็นความสบายใจด้วย

นี่คือพลังวิเศษที่เกิดจากการนำวัตถุดิบสองชนิดที่ช่วยรักษาอาการถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงมารวมกัน ถือเป็นผลลัพธ์ที่จินตนาการไม่ได้เลยทีเดียว

ชายหนุ่มปิดฝาหม้ออีกครั้ง แล้วใช้พลังปราณเที่ยงแท้ทำให้อาหารโอสถทิพย์ในหม้อเดือดต่อไป

พอมาถึงจุดนี้ ก็แปลว่าอาหารโอสถทิพย์นั้นสำเร็จเรียบร้อย ส่วนจะสำเร็จในระดับสูงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมพลังปราณที่ใช้ในการทำอาหารในขั้นตอนต่อไป แต่หลังจากที่ฝึกซ้อมมาถึงสองวันเต็ม ชายหนุ่มก็มั่นใจว่าตนเองจะทำสำเร็จไม่มีที่ติอย่างแน่นอน

ทันทีที่เซียวเหมิงก้าวเข้ามาในร้าน ความอบอุ่นของร้านกลับไม่ได้ทำให้ใบหน้าเย็นชาของเขาอ่อนลงแม้แต่น้อย สีหน้าของเขายังคงเย็นเยียบขณะมองลูกชายคนโตที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

เซียวเยวี่ยกำลังเอามือจับหน้าอกของตน หายใจหอบเล็กน้อย พลังปราณเที่ยงแท้ไหลวนอยู่บนฝ่ามือขณะรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง

“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ แค่นี้ยังทำให้แม่ของเจ้าเจ็บไม่พออีกหรือ อะไรเกิดเข้าสิงเจ้าอีก หรือว่าตั้งใจจะมาตุฆาตเพื่อให้ตนเองบรรลุวิชาอีกครั้ง!” เสียงของเซียวเหมิงเย็นชาราวภูเขาน้ำแข็ง ทุกประโยคอัดแน่นไปด้วยโทสะร้าย

เซียวเยวี่ยหัวเราะออกมาก่อนส่ายหน้า สายตาของเขาดูซับซ้อนขณะมองเซียวเหมิงแล้วพูดเสียงเบา “ท่านพ่อ ท่านก็รู้จุดมุ่งหมายของข้าดี ข้ามาที่ร้านเถ้าแก่ปู้วันนี้ไม่ใช่เพื่อจะทำร้ายท่านแม่ แต่เพื่อช่วยนาง”

 “ช่วยนางเช่นนั้นรึ” ผู้เป็นพ่อชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดแคบลงขณะเอ่ยถาม “เจ้าขอให้เถ้าแก่ปู้ปรุงอาหารโอสถทิพย์เพื่อช่วยรู่เอ๋อร์รึ”

 “ไม่ได้หรอก… น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงนั้นช่วยรู่เอ๋อร์ไม่ได้ เจ้าน่าจะรู้แก่ใจดี กระบี่ของเจ้าไม่ได้ทำเพียงตัดหัวใจนางให้ขาดสะบั้นเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจของนางได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแสนสาหัสด้วย”

เซียวเยวี่ยยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันหน้าไปทางห้องครัวแทน

ร่างผอมเดินออกมาจากมุมมืดในห้องครัวพร้อมด้วยหม้อดินเผาในมือ ไอน้ำลอยล่องออกจากหม้อพร้อมด้วยกลิ่นหอมน่าหลงใหล

ทันทีที่กลิ่นหอมกระจายไปทั่วห้อง ทุกคนก็พากันสูดหายใจเข้าลึกโดยพร้อมเพรียง พลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาขึ้นมา

เซียวเหมิงประหลาดใจเป็นอันมาก ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หม้อดินเผานั้น หากเดาจากกลิ่นแล้ว… อาหารโอสถทิพย์ชนิดนี้ไม่ใช่น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงอย่างแน่นอน!

ปู้ฟางเองก็มองแม่ทัพใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงปากทางเข้าร้านด้วยความประหลาดใจเช่นกัน จากนั้นเขาก็เดินไปหาเซียวเยวี่ย พร้อมวางหม้อดินเผาลงตรงหน้าชายหนุ่ม

หลังจากปล่อยมือออกจากหม้อดินเผา ปู้ฟางจึงค่อยถอนพลังปราณออกแล้วผ่อนลมหายใจหนักออกมา…

หลังจากที่ทำน้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วงเสร็จ ปู้ฟางก็รู้สึกเหนื่อยล้าเสียจนแทบจะทรุดลงกับพื้น พลังปราณเที่ยงแท้ในเส้นปราณของเขาเหือดหายไปแทบหมด เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ภายใน ระดับพลังปราณของเขาต่ำเกินไปจริงๆ เสียด้วย

 “นี่น้ำแกงหอยเป๋าฮื้อปราณพลอยม่วงที่สั่ง กินให้อร่อย” ชายหนุ่มพูดกับเซียวเยวี่ย

จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เปิดฝาหม้อ แสงสว่างเรืองรองพุ่งออกจากหม้อทันที พร้อมด้วยกลิ่นหอมหวนที่ถาโถมออกมา

……………………….