หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.430 – ออกเดินทาง

 

“หรืออีกความหมายนึงก็คือ นายจะต้องรีบไปเลยตั้งแต่ตอนนี้น่ะสิใช่ไหม?” แอนนาเอ่ยถามอย่างไม่ยินยอม

 

เธอคว้าจับมือของกู่ฉิงซาน บีบมันแน่น

 

กู่ฉิงซานกล่าว “ใช่ อีกราวๆ2-3นาทีฉันก็ต้องไปแล้ว แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ เพราะยังไงฉันก็จะต้องกลับมาแน่ๆ”

 

มองเข้าไปในดวงตาของแอนนา กู่ฉิงซานเอ่ยต่อ “วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”

 

ในจิตใจของแอนนาเต็มไปด้วยความกังวล

 

กู่ฉิงซานกำลังจะไปในโลกอันน่าหวาดกลัว โลกที่ซึ่งความแข็งแกร่งของเขาไม่นับว่าเป็นสิ่งใด

 

แล้วแบบนี้เธอจะวางใจได้ยังไงกัน?

 

แอนนากัดลงบนนิ้วของเธอจนเลือดไหลออกมา แล้วใช้เลือดนั้นแตะลงบนหน้าผากตัวเอง

 

“ท่านเทพสุนัข ได้โปรดให้ฉันได้ยืมพลังบางส่วนของท่านด้วย”

 

เธอหันไปกล่าวกับหมาดำ

 

แต่หมาดำกลับทำแค่เพียงจ้องมองเธออย่างเงียบๆ

 

“ได้โปรดเถิด” แอนนาวิงวอน

 

หมาดำพอได้ยินน้ำเสียงและท่าทีการแสดงออกของเธอ มันก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะปล่อยเปลวเพลิงทมิฬออกจากร่าง และส่งมันลอยไปทางแอนนาอย่างช้าๆ

 

แอนนาคว้าจับเพลงทมิฬเอาไว้ในฝ่ามือและบีบมัน

 

ปัง!

 

เพลิงทมิฬได้หายไป แต่ตลอดทั้งร่างกายของแอนนากลับปรากฏเส้นแสงสีดำขึ้น เส้นสีดำเหล่านั้นส่ายไปมาในอากาศอย่างไร้ทิศทาง

 

แอนนาเอื้อมมือของเธอที่เปื้อนเลือดไปแตะลงบนหว่างคิ้วของกู่ฉิงซาน

 

“นี่คืออะไรงั้นหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

 

“อยู่นิ่งๆไปสักพักก่อน ตอนนี้ฉันกำลังใช้พลังที่เรียกว่าความตายอันเป็นนิรันดร์เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านเทพแห่งความตายอยู่ หวังว่าพลังของมันจะช่วยให้นายได้รับข้อมูลบางอย่างที่มีประโยชน์ไปบ้างนะ”

 

กู่ฉิงซานจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเฝ้ามองอยู่เฉยๆ

 

ต่อมา แอนนาก็เงยหน้าขึ้นมองกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ

 

สายตาของเธอค่อยๆตกลงจากใบหน้าของกู่ฉิงซาน ลงมายังทั่วร่างกายของเธอและเบื้องหลังของกู่ฉิงซาน ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ที่นั่น

 

ทันใดนั้นเสียงกระซิบที่ฟังดูลึกซึ้งก็ดังขึ้นจากเหนือศีรษะของแอนนา

 

“มนุษย์ปุถุชนที่กำลังหลงทางเอ๋ย หนทางเบื้องหน้าของเจ้า ตลอดทั้งโลกมีเพียงความตายอันหาที่ใดเปรียบเฝ้ารออยู่ และความตายที่ว่าก็กำลังจะทำให้โลกใบนั้นถึงจุดจบลง”

 

“และเจ้าไม่มีอำนาจมากพอ ที่จะเผชิญหน้าต่อกรกับความตายนี้”

 

สิ้นเสียง มันก็ดูเหมือนจะพูดอะไรอีกซักอย่างออกมา

 

แต่ประโยคนี้ไม่มีใครได้ยินอย่างชัดเจน

 

บังเกิดสายลมพัดกรรโชก

 

และเทคนิคมนตรานี้ก็ได้หายไป

 

แอนนาโผเข้ากอดกู่ฉิงซาน

 

“ไม่นะ! ได้ยินแล้วใช่ไหม! นายจะไปไม่ได้ ถ้านายไปนายจะต้องตาย!”

 

เธอกอดแขนของกู่ฉิงซาน พูดไม่ออกอยู่เนิ่นนาน

 

กู่ฉิงซานทำได้เพียงลูบหลังเธอ และกล่าวปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน “มันไม่เป็นอะไรหรอก ขนาดปรภพฉันก็เคยไปมาแล้ว เธอก็อย่ากังวลไปเลย”

 

เขาหันไปมองเวลา

 

เหลือนาทีสุดท้ายแล้ว

 

กู่ฉิงซานวางมือลงบนหัวของแอนนา ลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา ปากเอ่ยกล่าวอย่างช้าๆ “ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะไม่ตาย ฉันขอสัญญากับเธอ”

 

แอนนามองเขาและส่ายหัวของเธอ

 

เมื่อครู่เป็นการยืนยันจากเทพแห่งความตาย แล้วกฏแห่งความตายจะผิดพลาดได้อย่างไร?

 

แอนนาเอื้อมมือออกไป ดึงด้ายสีดำเส้นบางๆจากที่ถูกบดบังลึกอยู่ภายใต้ผมสีแดงเพลิงของเธอออกมาอย่างไม่ลังเล

 

ด้ายที่เชื่อมต่อกับจี้รูปทรงแปลกๆอันเป็นเอกลักษณ์ค่อยๆผลุบออกมาจากคอระหงของเธอ

 

แอนนาสวมใส่จี้นี้รอบคอของกู่ฉิงซาน

 

“คนโง่ ฉันไม่จำเป็นต้องใช-” กู่ฉิงซานกำลังจะกล่าว

 

เขาเร่งร้อนที่จะถอดจี้นี้ออก

 

“จงมีชีวิตอยู่ต่อไป” แอนนาคว้าจับมือของเขาให้หยุด ปากเอ่ยกล่าวเสียงกระซิบ “ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้นายตาย”

 

กู่ฉิงซานชะงักงันไป

 

เมื่อมองย้อนกลับไปในความทรงจำของเขา ตนก็พลันระลึกขึ้นได้ว่าครั้งแรกที่เขาออกเดินทางไปยังโลกเทวะ แอนนาก็ทำแบบนี้เหมือนกัน

 

เธอทำเช่นเดียวกันกับในครั้งก่อน

 

อารมณ์ความรู้สึกของทั้งสองเหตุการณ์ ไม่ว่าจะในครั้งนั้นหรือครั้งนี้ มันก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปเลย

 

กู่ฉิงซานกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ สภาวะจิตใจกำลังไขว้เขวไปช่วงเวลาหนึ่ง และสุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องการจะเอ่ยบางสิ่งออกมา

 

ทว่าเวลาก็ดันหมดลงเสียก่อน

 

ม่านแสงสว่างจ้าโอบเข้าปกคลุมรอบตัวเขา

 

วินาทีต่อมา ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็หายวับไปจากฝูงชน

 

หมาดำเดินเข้ามา ปากอ้าถอนหายใจ “อันที่จริงแล้วประโยคสุดท้าย … เราไม่อยากจะบอกเจ้าเลย แต่ในเมื่อมันเป็นประโยคของเทพ เราจึงจำต้องกล่าวให้จบ”

 

แอนนาเร่งเอ่ยถาม “ท่านเทพ ประโยคสุดท้ายคืออะไรอย่างงั้นหรอ?”

 

“หากตายในโลกใบนั้น แม้กระทั่งจิตวิญญาณก็จะหายไปด้วยเช่นกัน”

 

แอนนากัดริมฝีปากของเธอ และขบคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้

 

แล้วเธอก็หันไปเอ่ยถามเย่เฟย์หยูในทันใด “ซูเซี่ยเอ๋อล่ะ? ทำไมฉันยังไม่ได้เห็นเธอเลย?”

 

เย่เฟย์หยูลอบหันไปมองซางหยิงฮ่าวอย่างลับๆ

 

ซางหยิงฮ่าวคิดก่อนจะเอ่ยปากออกมา “บอกไปเถอะ”

 

เย่เฟย์หยูกล่าวอย่างซื่อตรง “พูดได้จริงๆหรอ?”

 

“เอาล่ะๆ” ซางหยิงฮ่าวหันไปมองแอนนา ถอนหายใจด้วยอารมณ์ “ในเมื่อเธอกล้าที่จะแขวนชีวิตของตัวเองเอาไว้กับกู่ฉิงซาน ถ้าอย่างงั้นฉันคิดว่าเราก็ไม่สมควรที่จะปิดซ่อนความจริงจากเธอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเขา”

 

เย่เฟย์หยูจึงเฉลยเรื่องเกี่ยวกับซูเซี่ยเอ๋อให้แอนนาฟัง

 

พอถึงช่วงสังหารสมเด็จพระสันตะปาปา เขาก็บอกเรื่องม้วนคัมภีร์ออกไป

 

แอนนารับฟังอย่างตั้งใจพลางครุ่นคิด

 

ซางหยิงฮ่าวเดินกลับไปที่วิลล่า ก่อนจะออกมาอีกครั้งพร้อมกับแผ่นหยกในมือและยื่นมันให้แก่แอนนา

 

“นี่มันอะไรกัน?”

 

“นี่คือเทคนิคฝึกยุทธของเธอที่กู่ฉิงซานเป็นคนเลือกมันด้วยตัวเอง เขากลัวว่าในบางเวลาที่ตัวเองไม่อยู่ จะไม่ได้เอาให้เธอ เลยฝากมันไว้ในวิลล่า แล้วเตือนพวกเราว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็มอบมันให้กับเธอด้วย”

 

หมาดำกระโดดขึ้นมา และงับเอาใบหยกไป

 

“วิชานี้มัน … อืม … มันเป็นวิชาจำเพาะที่สามารถเสริมสร้างสมรรถนะของร่างกายเพื่อขยายพลังในการดึงดูดอำนาจของฟ้าดิน”

 

“นี่นับว่ามันเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อยเลย เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับเทคนิคของเจ้า มันจะช่วยให้พลังแห่งความตายของเจ้าเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าทวี”

 

หมาดำกล่าวแสดงความคิดเห็น

 

เย่เฟย์หยูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “แค่ฝึกฝนเทคนิคฝึกยุทธมันก็ยังไม่เพียงพออีกหรอ? ทำไมเราจะต้องไปศึกษาเทคนิคอื่นๆด้วยล่ะ?”

 

หมาดำกล่าวหยันออกมา “คำพูดเจ้านี่มันดูไม่ต่างไปจากมือสมัครเล่นเลย ราวกับทารกน้อยที่พึ่งได้รู้จักการคลาน เจ้ามิเห็นหรือว่าชายหนุ่มที่พึ่งจากไปเมื่อครู่นี้ ก็ยังเรียนรู้เทคนิคเกี่ยวกับวิถีดาบเพื่อปลดปล่อยพลังอำนาจของตนเองออกมา”

 

เย่เฟย์หยูเริ่มเกิดอาการปวดหัว “ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่า นอกเหนือไปจากการฝึกยุทธแล้ว ฉันยังต้องมองหาเทคนิคโจมตีที่ทรงพลังมาไว้เรียนรู้อีกด้วยสินะ”

 

หมาดำไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก มันยื่นปากที่คาบใบหยกไปให้แอนนา

 

“ท่านเทพสุนัข” แอนนาเอ่ยปาก

 

“หืม?”

 

“ฉัน … ลองคิดเกี่ยวกับมันดูแล้ว .. ”

 

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

 

“ตอนนี้แน่ใจแล้ว ฉันต้องการที่จะแข็งแกร่งมากกว่านี้ เพื่อที่จะได้ติดตามเขา และเพื่อที่จะสามารถเผชิญหน้ากับซูเซี่ยเอ๋อได้อย่างเท่าเทียม”

 

หมาดำแสดงสีหน้าราวกับว่ากำลังยิ้มออกมา

 

มันท่องมนตราเสียงกระซิบ

 

เห็นแค่เพียงร่างของหมาดำค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดเท่ากับตึกสามชั้น

 

เสียงของมันหนัก กังวาน และเคร่งขรึมขึ้น ราวกับเทพวิญญาณที่กำลังจะไต่สวนมนุษย์

 

“เราขอถามเจ้าอีกครั้ง เมื่อเจ้าไปที่นั่นกับเรา เจ้าจะกลายเป็นอัครสาวกแห่งความตายโดยสมบูรณ์ และเจ้าจะไม่สามารถศรัทธาในเทพวิญญาณตนอื่นๆได้อีกต่อไป เจ้าตัดสินใจที่จะไปจริงๆหรือไม่?”

 

“ฉันจะไป” แอนนากล่าว

 

หมาดำจ้องมองเธออย่างเงียบๆอยู่สักพัก

 

“แม้ว่าเราจะพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่คุณสมบัติของเจ้านับว่าดีที่สุดที่เราเคยพบเจอมาในรอบหลายพันปี”

 

“ก็นั่นมันเป็นเพราะท่านเผลองีบหลับไปนานตั้งหลายพั-”

 

“อะแฮ่ม! เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว”

 

“มาเถอะ” หมาดำกล่าว

 

ว่าจบ แอนนาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังของหมาดำ

 

แอนนายืนบนหลังของหมาดำ หันมองไปทางซางหยิงฮ่าว เย่เฟย์หยู และคนอื่นๆ “ถ้าเขากลับมา ฝากบอกเขาด้วยว่าฉันออกเดินทางไปฝึกยุทธ”

 

เสี้ยววินาทีนั้นเอง บนร่างของหมาดำก็ลุกพรึบไปด้วยเพลิงทมิฬ

 

มันกระโจนขึ้นไปในอากาศที่ว่างเปล่า มุ่งหน้าสู่ท้องฟ้าเบื้องบน

 

แต่ในตอนนั้นเอง เวโรน่าก็อุทานออกมา “ช้าก่อนแอนนา! จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ยังรอให้เจ้ารับช่วงต่ออยู่นะ!”

 

หมาดำหยุดนิ่งไปกลางอากาศ

 

“หนูขอโทษนะท่านป้า แต่ตอนนี้หนูไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการแก้แค้นให้ท่านพ่ออีกต่อไปแล้ว เรื่องประเทศก็ขอฝากฝังให้ไว้ท่านป้าเป็นคนจัดการก่อนก็แล้วกัน” แอนนากล่าว

 

“โลกในปัจจุบันนี้น่ะ — มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องความปรารถนาของตนเองเอาไว้ได้”

 

“ดังนั้น ตอนนี้หนูคงต้องขอตัวก่อน”

 

แล้วหมาดำก็เริ่มควบวิ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าต่ออีกครา

 

“แล้วเจ้าจะไปที่ไหนกัน?” เวโรน่าตะโกนถามอย่างรวดเร็ว

 

ในท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเบื้องบน บังเกิดปากถ้ำที่ถูกเผาไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีดำทมิฬปรากฏขึ้น

 

หมาดำกระโดดเข้าไป

 

และทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวจากบนฟากฟ้า

 

“ไปยังโลกแห่งความตาย”