เยี่ยเฟิงกอบกุมไข่มุกเหวินหยวนไว้แน่น รอยยิ้มที่หายไปนานปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เย็นชาของเขา และเขามองใบหน้าของหัวหน้าสำนักศึกษาที่เปล่งประกายสว่างโชติช่วง แม้แต่หัวใจที่เย็นชาของเขา ก็สัมผัสมีความอบอุ่นเพิ่มขึ้นเช่นกัน

“ขอบคุณขอรับ”

คำกล่าวขอบคุณที่สั้นๆ แต่ทว่าออกมาจากหัวใจ

กู้ชูหน่วนเอียงศีรษะมองเซี่ยวอวี่เซวียน กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“เหตุใดผู้เฒ่าคนนี้ถึงได้ลึกลับ?นอกจากเขาเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาแล้ว ยังมีภูมิหลังอะไร?”

“แม้แต่ฐานะของหัวหน้าสำนักเจ้าก็ไม่รู้หรือ?เขาคือราชครูของรัฐเยี่ย ซึ่งสามารถรู้อดีตอนาคตได้ เนื่องจากหัวหน้าสำนักศึกษาบอกว่าเมื่ออดีตเยี่ยเฟิงลำบากทุกข์ยากมามาก เช่นนั้นอดีตของเขาก็ต้องไม่ได้ดีมากหรอก”

“กล่าวซะลี้ลับซับซ้อนเช่นนี้ จริงหรือหลอก?”

“แน่นอนว่าจริง แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้าหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใด ? เพราะเหตุใดหัวหน้าสำนักศึกษาถึงได้พูดกับเจ้าเยี่ยงนี้?”

หมกมุ่น?

นางจะหมกมุ่นเรื่องอันใดได้?

ฟื้นคืนรูปโฉม?

นี่ก็ไม่ได้นับว่าหมกมุ่นนะ

“ความกล่าวพูดที่ลึกลับซับซ้อนเจ้าก็เชื่อหรือ?หากเขาเก่งขนาดนั้น เช่นนั้นเขารู้หรือไม่ว่าตนเองจะตายเมื่อไหร่?”

เซี่ยวอวี่เซวียนอยากจะอุดปากของนางไว้

ทำไมหญิงคนนี้ถึงได้กล่าวพูดอะไรไปเสียหมด?

หัวหน้าสำนักศึกษาอยู่ที่รัฐเยี่ยได้รับความเคารพนับถือเทิดทูนจากอาณาประชาราษฎร์อย่างมาก แค่คำพูดประโยคเดียวของนางอาจจะหมิ่นหัวหน้าสำนักศึกษา สามารถทำให้อาณาประชาราษฎร์ของรัฐเยี่ยโกรธเดือดดาล คนเยอะแยะพละกำลังมาก นางก็แพ้นะสิ

“เจ้าไม่เข้าใจว่าคนที่สามารถดูดวงชะตาของคนอื่นได้ แต่ทว่าดูโชคชะตาของตนเองไม่ได้หรือ?”เซี่ยวอวี่เซวียนกรอกตาขาวมองบนใส่นาง

“พวกเจ้าสองคนกระซิบกระซาบอันใดกัน?”อาจารย์หรงกล่าวถามทันที

เซี่ยวอวี่เซวียนยืดเอวบิดขี้เกียจ แล้วกล่าวหาข้ออ้างเหตุผลว่า“เมื่อคืนข้ากับแม่สาวอัปลักษณ์นอนหลับไม่ค่อยจะดี วันนี้ยืนละเมอได้ พวกเราจะทำอะไรได้”

“…..”

ฝูงกาบินอยู่เหนือศีรษะของกู้ชูหน่วน

เหตุผลอย่างนี้ไม่อธิบายจะยังดีซะกว่า

เป็นอย่างที่คิด อาจารย์หรงกล่าวตำหนิว่า“สารเลว นอกจากเจ้าจะกินเที่ยว มึนเมากับเรื่องรักๆใคร่ๆ เจ้ายังทำสิ่งใดได้บ้าง?แล้วก็เจ้า อย่าคิดว่าเจ้าชนะเป็นที่หนึ่งในการชุมนุมแข่งขันวิชาการ สร้างชื่อให้สำนักศึกษา ก็จะไร้กฏระเบียบวินัย ไม่เคารพได้ วันนี้หลังเลิกเรียน พวกเจ้าสองคนวิ่งรอบสำนักศึกษาสิบรอบ”

ตาเฒ่าผู้นี้

มาจากที่ไหนกัน ไม่น่ารักเลยสักนิดหนึ่ง

“เด็กน้อย พรุ่งนี้ตอนเย็นมีเวลาว่างหรือไม่?หากมีเวลาก็มาที่หอเก็บสะสมตำรานะ ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดคุยกับเจ้า”หัวหน้าสำนักศึกษากล่าวกับเยี่ยเฟิงอย่างทะนุถนอมอ่อนโยน

เยี่ยเฟิงกระตุกริมฝีปากขึ้น กล่าวออกมาช้าๆว่า“ขอรับ”

“พระพันปีมาถึงแล้ว…..”

ซือ……..

ผู้คนจำนวนมากตกใจเล็กน้อย

พระพันปีมาทำอะไรที่นี่?

หัวหน้าสำนักศึกษาทำความเคารพก่อนตามด้วยทุกคนทำตาม

“ถวายบังคับพระพันปี อายุพันปีพันพันปีพ่ะย่ะค่ะ”

“ลุกขึ้นเถิด”

พระพันปีสวมใส่ชุดสีดำ ปักด้วยนกฟีนิกซ์หลายตัวบินสูง แม้ว่าพระนางจะอายุมากแล้ว แต่ใบหน้าของพระนางไม่มีริ้วรอยใดๆ เลย และได้รับการดูแลอย่างดี

ท่าทางของพระนางนั้นดูสง่างามและมีราศี แต่มีแวววิตกกังวลในดวงตาของพระนางนั้น ก็ยังไม่สามารถซ่อนจากกู้ชูหน่วนได้

ด้านหลังของพระพันปีคือองค์หญิงตังตัง

ไม่รู้ว่าองค์หญิงตังตังถูกตำหนิหรือไม่ ดวงตาของนางแดงก่ำ ใบหน้ากลมละมุนของนางก็มีความกล้ำกลืนด้วย

“ไม่รู้ว่าขบวนของพระพันปีเสด็จมาที่สำนักศึกษา มีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ…..”หัวหน้าสำนักศึกษากล่าวถามหยั่งเชิง

“คืออย่างนี้นะ องค์หญิงตังตังยังเด็ก เจ้าเล่ห์และโง่เขลา คิดไม่ถึงว่านางสูญเสียหยกพระจันทร์เสี้ยวที่อดีตจักรพรรดิมอบให้แก่คุณหนูสาม หยกชิ้นนั้นธรรมดาทั่วไป และไม่ได้ถือว่าเหนือกว่า แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นของที่ระลึกจากอดีตจักรพรรดิ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเด็กกำพร้าและหญิงม่าย ไม่รู้ว่าคุณหนูสามตระกูลกู้จะคืนให้ได้หรือไม่”

คนหมู่มากเข้าใจแจ่มแจ้งทันที

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหยกชิ้นเดียวเท่านั้น จะทำให้พระพันปีลำบากยากเย็นมาด้วยตนเองได้

พระนางสั่งพระราชโองการลงมาก็ไม่ใช่ว่าได้แล้วหรือ