ตอนที่ 134

เสน่ห์คมดาบ

“ข้าไม่ดูก็ได้ เจ้าพอใจหรือไม่” ชายชราเบ้ปากแล้วพูด 

 

 

“ข้าจะให้ท่านดู” ทันใดนั้นแคลร์ก็ทำในสิ่งอันลิซ่าและชายชราตกใจ แคลร์หยิบหนังสือลับออกมาจากแหวนมิติแล้วยื่นให้ชายชรา 

 

 

“อะไรนะ? เจ้าให้ข้าดูหรือ?” ชายชรามองแคลร์อย่างไม่เชื่อสายตาและทวนคำที่แคลร์พูด 

 

 

“ค่ะ ท่านดูสิ” แคลร์พูดอย่างใจเย็น 

 

 

“ท่านอาจารย์ปู่ ยาของท่าน    ล่ะอยู่ที่ไหน? แคลร์ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่เลย” เฟิงอี้เซวียนมองบาดแผลของแคลร์แล้วถาม ตั้งแต่ออกจากเมืองมาจนถึงตอนนี้ แคลร์ไม่เคยแสดงอาการเจ็บปวดหรือพูดถึงอาการบาดเจ็บของนางเลย ทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการป้องกันสายฟ้า ทำให้    ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของแคลร์ 

 

 

“อ้อ ยาทำแผล” ชายชรารีบค้นแหวนมิติ หยิบขวดสีฟ้าและสีขาวขนาดเล็กออกมา เขาเทยาและยื่นให้แคลร์ “กินอันนี้สิรับรองว่าเจ้าจะดีขึ้นเลย นี่คือเม็ดยาที่ซือคงหลินให้ข้า ข้าต้องใช้ของดีตั้งมากมาย    ไปแลกมันมา” ชายชราพูดอย่างเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะแคลร์ให้เขาดูหนังสือ เขาจึงได้ใจกว้างและก็พูดดีเช่นนี้ด้วย 

 

 

 แคลร์ก็ไม่เกรงใจเช่นกัน     นางรับยานั้นมาและกลืนลงไปเลย ลมหายใจที่เย็นเฉียบแล่นไปทั่วร่างกาย ความเย็นที่ไม่อาจบรรยายได้เคลื่อนไปที่บาดแผลแล้วอาการเจ็บปวดทั้งหมดก็หายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกเย็นสบายในร่างกายด้วย สบายอย่างผิดปกติ ยาชนิดนี้คืออะไรกัน? แคลร์ตกใจมาก ฤทธิ์ของ    ยาที่นักบวชหรือนักเล่นแร่แปรธาตุทำไม่มีทางเทียบยาชนิดนี้ได้เลย     

 

 

แคลร์ส่งหนังสือลับในมือของนางให้กับชายชรา  เขาหยิบมันมาดูและมองไปที่หน้าปกอย่างตื่นเต้น จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป 

 

 

“นี่ นี่คืออักษรอะไร?” ชายชราขมวดคิ้วและถาม เหมือนเขาพูดกับตัวเองและก็เหมือนจะถามแคลร์ด้วย 

 

 

แคลร์เงียบไม่ตอบอะไร 

 

 

ชายชราตกตะลึงแล้วรีบพลิกดูข้างใน 

 

 

เกิดเรื่องแปลกขึ้นอีกแล้ว หนังสือลับนี้เปิดอ่านไม่ได้! 

 

 

“หืม?” ชายชราขมวดคิ้วแล้วเปิดหนังสืออีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่สามารถเปิดได้อยู่ดี 

 

 

ทุกคนในห้องอึ้ง สถานการณ์นี้มันคืออะไรกัน? 

 

 

“ท่านอาจารย์ปู่ นี่ปู่แกล้งทำหรือไม่?” เฟิงอี้เซวียนถามอย่างจริงจัง 

 

 

“แกล้งอะไร! เจ้าเอาตาข้างไหนมองว่าข้าแกล้งทำ? ข้าจะเปิดหนังสือจะต้องทำเช่นนั้นหรือไง?” ชายชราพูดกับเฟิงอี้เซวียนอย่างไม่สบอารมณ์ 

 

 

เฟิงอี้เซวียนตะลึง ท่านปู่พูดเช่นนี้ แสดงว่าท่านปู่ไม่สามารถเปิดหนังสือได้จริงๆ หรือ? 

 

 

“ทำไมข้าถึงเปิดไม่ได้ล่ะ?” ชายชราพลิกสำรวจหนังสือดู 

 

 

แคลร์ก็อึ้งไปเช่นกัน แผนเดิมของนางคือยื่นหนังสือให้ชายชรา นางคิดแค่ว่าเขาต้องไม่เข้าใจภาษาจีนในนั้นแน่นอน ให้เขาดูไปก็เท่านั้น และถ้าเขาอ่านเข้าใจก็แสดงว่าชายชราผู้นี้มาจากโลกอื่นเช่นเดียวกับนางเช่นนั้นก็ยิ่งกลายเป็นอีกเรื่องไปเลย 

 

 

แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าเกินความคาดหมายของแคลร์ไปแล้ว เขาเปิดหนังสือไม่ได้งั้นหรือ? 

 

 

ชายชราพยายามอย่างยิ่งที่จะเปิดหนังสือ แต่หนังสือก็เป็นเช่นเดิม มันไม่ขยับเลย 

 

 

“นี่คือหนังสือลับเล่มนั้นหรือ?” ผ่านไปนานแล้ว แต่ชายชราก็ยังคงไม่สามารถเปิดหนังสือได้ ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมองแคลร์ด้วยความสงสัย 

 

 

“อ้าว ท่านปู่ ท่านหมายถึงอะไร? จะหาว่าแคลร์โกหกท่านงั้นหรือ!” ก่อนที่แคลร์จะพูดอะไร เฟิงอี้ซวนที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นอย่างหัวเสียก่อนแล้ว 

 

 

“นี่ก็คือหนังสือลับเล่มนั้นค่ะ” แคลร์ลุกขึ้นเดินไปหาชายชราและหยิบหนังสือมา นางยังงงเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แคลร์หยิบหนังสือมาพลิกมันเบาๆ แล้วหนังสือก็เปิดออกทันที 

 

 

ทันใดนั้นทั้งห้องก็เงียบสนิท     

 

 

สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปทันที เฟิงอี้เซวียนและอันลิซ่ามองภาพนี้อย่างว่างเปล่า แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและรู้สึกงุนงง นางก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ 

 

 

“ขอข้าดูหน่อย” ชายชราคว้าหนังสือมา เขามองตัวอักษรในนั้นด้วยตาโต อ่านไม่เข้าใจเลย! ชายชราพยายามเปิดหน้าต่อไปและก็เป็นแบบเหมือนเมื่อครู่ อีกครั้ง เขาไม่สามารถเปิดหนังสือหน้าถัดไปได้! 

 

 

แคลร์ช่วยชายชราเปิดหนังสือไปยังหน้าถัดไปด้วยใบหน้าสงบ แต่ก็ยังเป็นอักษรที่ชายชราไม่สามารถเข้าใจได้อยู่ดี 

 

 

ชายชราตะลึงและทำเพียงแค่นั่งอยู่อย่างนั้น 

 

 

แคลร์ดูสงบและยังคงช่วยชายชราเปิดหนังสือต่อไปโดยที่มันยังคงเป็นอักษรที่ชายชราไม่เข้าใจเช่นเดิม 

 

 

“ให้ตายสิ! ไอ้ซือคงหลิน เจ้าแกล้งข้า!” ชายชราโวยวายด้วยความเศร้าและโกรธ จากนั้นเขาก็หันไปหาเฟิงอี้เซวียนแล้วพูด “ไอ้หนู เจ้ามานี่ เจ้าลองดูสิว่าเปิดได้หรือไม่!”         

 

 

เฟิงอี้เซวียนเข้าไปอย่างเชื่อฟังและเปิดหน้าต่อไปอย่างง่ายดาย 

 

 

สีหน้าของชายชราเปลี่ยนทันที 

 

 

“ซือคงหลิน! ไอ้แก่ไร้ยางอาย! มันตั้งใจเล่นงานข้าเป็นพิเศษเลย! ไม่ยอมให้ข้าดู ไม่ให้ข้าเรียนรู้ใช่หรือไม่? เลือกปฏิบัติกับวิชาสายลมเทียนกังของข้าใช่หรือไม่? วันนี้ข้าจะทำให้กระจกดอกบัวของเจ้ากับสายลมเทียนกังของข้าอยู่ด้วยกันให้ได้!” ชายชราลุกขึ้นยืนโวยวาย กระโดดไปรอบๆ ห้องและก่นด่า 

 

 

อีกสามคนในห้องยังคงอึ้งอยู่     

 

 

“แม่หนู! เจ้าต้องเรียนรู้วิชาสายลมเทียนกังกับข้า! ข้าจะสอนวิชาของข้าทั้งหมดให้กับเจ้า! ข้าจะทำให้ไอ้แก่ซือคงหลินโมโหตายไปเลย!” ชายชราโวยวายแล้วพูดสิ่งนี้ออกมา จากนั้นทุกคนในห้องก็เข้าใจความหมายของคำว่าจะทำให้วิชากระจกดอกบัวกับสามลมเทียนกังได้อยู่ด้วยกันว่าเป็นอย่างไร! 

 

 

เมื่อชายชราพูดจบ แคลร์ก็ตะลึง อันลิซ่าและเฟิงอี้เซวียนก็ตะลึงเช่นกัน 

 

 

“ไอ้หนู เจ้าก็มาเรียนด้วยกัน ใบมีดลมของเจ้าดูท่าทางไม่เลวนะ ปลดผนึกแล้วรู้สึกดีเลยสิ” ชายชราพูดอย่างภาคภูมิใจโดยไม่สนใจความคิดของพวกเขา 

 

 

สีหน้าของอันลิซ่ามีความสุขมาก อาจารย์จะสอนวิชาให้กับเฟิงอี้เซวียนง่ายๆ เช่นนี้เลย? หลายปีมานี้นางไม่เคยได้สอนวิชาสายลมเทียนกังให้เฟิงอี้เซวียน เพราะว่านางสาบานกับอาจารย์ไว้แล้ว นางรับปากต่อหน้าอาจารย์ว่าจะไม่ถ่ายทอดวิชาสายลมเทียนกังให้กับใครทั้งนั้นและเห็นได้ว่าอาจารย์ใส่ใจกับวิชาของเขามากแค่ไหน แต่วันนี้อาจารย์กลับพูดว่าจะถ่ายทอดวิชาให้กับเฟิงอี้เซวียน อันลิซ่าหันไปมองแคลร์ที่ยังอึ้งอยู่ ในใจก็แอบคิดว่าเป็นเพราะว่าแคลร์โชคดีหรือว่าเฟิงอี้เซวียนตาถึงกันนะ?  

 

 

“แต่ว่า ท่านผู้อาวุโส ธาตุของข้าคือธาตุไฟนะคะ” แคลร์พูดเบาๆ นางได้รับการยืนยันสิ่งหนึ่งในใจของนางแล้ว คนที่ชื่อซือคงหลินน่าจะเป็นคนโลกเดียวกับตนเอง! เขาสร้างกระจกดอกบัวและเขียนหนังสือลับนี้เป็นภาษาจีน แต่มันหายไปจนมาอยู่กับนางได้อย่างไรก็แปลกอยู่นิดหน่อย 

 

 

“ธาตุไฟแล้วอย่างไรล่ะ? ข้าไม่ได้สนใจเจ้าขนาดนั้นหรอก ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าต้องเรียนกับข้า! ต้องเรียนให้หนักเลย! อย่างไรก็จะต้องเรียน! เรียนขั้นเดียวก็ได้! เจ้าเรียนกระจกดอกบัวได้ก็ต้องเรียนของข้าได้ มิฉะนั้นเจ้าจะช่วยข้าทำให้ไอ้แก่นั่นโกรธได้อย่างไรล่ะ?” ชายชราพูดอย่างไร้ยางอาย “ยังไงข้าก็ช่วยป้องกันสายฟ้าทั้งเจ็ดให้เจ้าในวันนี้แล้ว! เจ้าจะตอบแทนข้าหน่อยไม่ได้เลยหรืออย่างไร? ข้าพูดเลยนะว่าเจ้าต้องเรียน!”         

 

 

แคลร์นิ่งและกระตุกมุมปากเล็กน้อย นางไม่รู้จะพูดอะไรดี ชายชราผู้นี้แปลกคนจริงๆ มีการทำเช่นนี้ด้วยหรือ? ช่วยเหลือคนแล้วให้ตอบแทนด้วยการเรียกมาเรียนวิชากับตัวเองเนี่ยนะ? นางปฏิเสธได้หรือไม่? แคลร์ปวดหัวเลยจริงๆ 

 

 

“แต่ว่าข้ามีอาจารย์แล้ว” แคลร์คิดสักพักแล้วพูด แม้ว่าแคลร์จะเข้าใจว่าการเรียนรู้วิชาจากชายชราผู้นี้จะเป็นการเพิ่มการป้องกันตัวเองเข้าไปอีก แต่หากชายชราตรงหน้าให้นางเป็นศิษย์ล่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ได้หรอก อีกอย่างแคลร์ก็รู้ว่าคุณสมบัติของตนเองคือธาตุไฟ แม้ว่าจะเรียนวิชานี้ไปก็ไม่สามารถเรียนรู้ถึงแก่นแท้ได้หรอก 

 

 

“ต่อให้เจ้าจะขอเป็นศิษย์ ข้าก็ไม่ยอมหรอก” ชายชราพูด เขามีแผนของเขาอยู่แล้ว อย่างแรก แม่หนูตัวน้อยผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของอันลิซ่า อย่างน้อยก็ดูเหมือนน่าจะเป็น ดังนั้นจึงไม่สามารถยอมรับนางเป็นศิษย์ได้ ไม่เช่นนั้นความสัมพันธ์จะยุ่งเหยิง อย่างที่สอง แม่หนูตัวน้อยผู้นี้ไม่ใช่ศิษย์ของตนเองและไม่ใช่ศิษย์ของซือคงหลิน แต่สามารถเรียนวิชาของทั้งสองได้ หากซือคงหลินรู้เข้าจะมีท่าทีอย่างไรนะ? แค่คิดเขาก็ตื่นเต้นแล้ว 

 

 

หืม? แคลร์มองชายชราแล้วอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ต้องเป็นศิษย์แต่จะถ่ายทอดวิชาให้งั้นหรือ? 

 

 

“แม่หนู เจ้าชื่ออะไร สกุลอะไร?” ชายชราถามอย่างระมัดระวังพลางลูบเคราของเขา 

 

 

“แคลร์ ฮิลล์” แคลร์ตอบ 

 

 

“อืม ดีมาก จากนี้ไป เจ้าเรียกข้าว่าท่านลมเทียนกัง!” ชายชราส่ายหัวและพูด 

 

 

“ท่านลมเทียนกัง?” แคลร์พูดซ้ำด้วยความอึดอัดใจ นี่ไม่ใช่ชื่อจริงของเขาแน่นอน 

 

 

“ทำไม? มีความคิดเห็นหรือ? เจ้าไม่คิดว่าชื่อนี้มีความหมายแฝงดีหรือไง? “ชายชรามองแคลร์และถาม 

 

 

“เปล่าค่ะ ไม่มีความเห็น” แคลร์ส่ายหัว 

 

 

“เอาล่ะ ลิซ่า เจ้าไปทำสิ่งที่เจ้าต้องทำเถอะ เดี๋ยวหากข้าคิดว่าสองคนนี้ออกไปได้แล้วข้าจะปล่อยพวกเขากลับไปเอง” ท่านลมเทียนกังเงยหน้าขึ้นและสั่งอันลิซ่า 

 

 

“โอ้ อาจารย์ ดีเลย ข้าฝากแคลร์และอี้เซวียนไว้กับท่านด้วย” ลิซ่าเห็นด้วย นางยิ้มและหันไปมองแคลร์ “เจ้าควรจะอยู่ที่นี่เพื่อตอบแทนอาจารย์สำหรับพระคุณที่ช่วยชีวิตของเจ้านะ ตั้งใจเรียนสามลมเทียนกังเถอะนะ แม้ว่าเจ้าจะเรียนแค่ระดับแรกก็ถือว่าสำเร็จตามความปรารถนาของอาจารย์แล้วล่ะ” 

 

 

อันลิซ่าพูดอย่างนั้น แคลร์เองก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่จะปฏิเสธได้      

 

 

“เดี๋ยวก่อน แล้วการประลองล่ะคะ?” แคลร์ขมวดคิ้ว นึกถึงการประลองของลากัคที่ดูเหมือนยังไม่เสร็จสิ้น     

 

 

“ครั้งนี้เจ้าทำให้ตระกูลหลี่ลืมตาอ้าปากได้แล้ว วางใจเถอะ สิทธิ์การจัดการอาวุธของกองทัพ    ข้าจะยกให้ตระกูลหลี่เอง แล้ว    ข้าจะให้สุ่ยเหวินโม่จัดการกับคนที่เหลือนั่นเอง แต่ว่าข้าจะให้เขาสละสิทธิ์ อี้เซวียนเองก็จะสละสิทธิ์ แล้วผู้ชนะก็จะเป็นของตระกูลหลี่” อันลิซ่ายิ้มและพูดการตัดสินใจของนาง 

 

 

“เอ่อ…” แคลร์มองอันลิซ่าด้วยความซับซ้อนบางอย่างที่ไม่สามารถพูดได้ 

 

 

“เจ้าไม่ต้องคิดว่าพวกเรายอมให้หรอก! ความสามารถของเจ้าในตอนนี้ สุ่ยเหวินโม่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า อี้เซวียนเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเช่นกัน! ดังนั้น รางวัลก็ควรจะเป็นของตระกูลหลี่อยู่แล้ว” สีหน้าของอันลิซ่าดูจริงจังและพูดอธิบาย “เจ้าอยู่ฝึกที่นี่อย่างสบายใจได้เลย” 

 

 

……………………………………………………………………………….