ส่วนที่ 6 คุณหนูใหญ่หวนคืน ตอนที่ 12 คุณหนูใหญ่หวนคืน

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

หิมะตกหนักทำให้อาคารบ้านเรือนในเขตเมืองหลวงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ในขณะนี้แสงสีแดงยามเย็นสาดส่องกระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง เสียงลมหนาวพัดมาทำให้รู้สึกหนาวเย็น บนถนนเส้นยาวจึงไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรไปมา ซูหว่านกำลังนั่งงีบหลับตาอยู่บนรถม้าของจวนจิ้งนิ่งโหว แต่จู่ๆ ตัวรถม้าก็สั่นสะท้านไปทั้งคันรถ เตาไฟที่จุดใว้ให้ความอบอุ่นในรถม้าเกือบจะพลิกคว่ำ 

 

 

“คุณหนู ระวังเจ้าค่ะ!” เหวินเย่ว์พุ่งตัวเข้าไปกอดร่างของซูหว่านไว้ ใช้ร่างของตัวเองเป็นเกราะป้องกันภัยให้ซูหว่าน 

 

 

“ข้าไม่เป็นไร” 

 

 

ซูหว่านหันไปยิ้มให้กับเหวินเย่ว์ สายตาเหลือบไปเห็นหลังมือของเหวินเย่ว์ที่ถูกสะเก็ดไฟลวกจนเป็นแผลไฟไหม้ แววตาของซูหว่านมืดลงทันใด รีบไปเปิดม่านหน้ารถออก ใช้สายตาเยือกเย็นมองออกไปนอกรถ “เกิดอะไรขึ้น” 

 

 

คนบังคับรถม้าด้านนอกตอนนี้ก็มีสีหน้าที่หวาดหวั่น “คะ คุณหนูขอรับ ด้านหน้า…เจ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่…” 

 

 

หืม? 

 

 

ซูหว่านขมวดคิ้วมองตรงไปก็เห็นถนนด้านหน้ากำลังมีฉากตำรวจจับโจรผู้ร้ายกันอยู่ ข้าวของพังระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด  

 

 

“กลับรถ อ้อมไปอีกทางหนึ่ง” 

 

 

ซูหว่านสั่งความเสร็จ กำลังจะปล่อยม่านหน้ารถลงมา ชายชุดดำที่กำลังถูกบีบจนไม่มีทางหนีก็พุ่งตรงมาทางรถม้าทันที ด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเขาก็มาหยุดอยู่ข้างรถม้าแล้ว 

 

 

สายตาของซูหว่านและชายชุดดำสบเข้าหากัน รับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบของอีกฝ่าย แต่ซูหว่านกลับไม่มีอาการตื่นตูมแต่อย่างใด 

 

 

มีแสงสีเงินแวบผ่านมา ชายชุดดำไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกอาวุธลับที่ลอยผ่าอากาศมาอย่างรวดเร็วทำร้ายเข้า ซูหว่านฉวยโอกาสที่เขาไม่ทันได้สนใจทางนี้จึงตะโกนร้องเรียกด้วยเสียงอันดังออกมา… 

 

 

“ช่วยด้วย! ” ได้ยินเสียงกรีดร้องดังของซูหว่าน ชายชุดดำที่กำลังคิดจะพุ่งเข้าไปในตัวรถม้า แต่เนื่องจากตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้การทรงตัวช้าลงเล็กน้อย ในขณะนี้เหล่าเจ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่ก็ได้เข้ามาล้อมรอบตัวรถม้าไว้หมดแล้ว และทำการจับกุมตัวชายชุดดำไว้ได้ในที่สุดอย่างรวดเร็ว 

 

 

“คุณหนูท่านนี้ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” 

 

 

หัวหน้าชุดหน่วยจับกุมเอ่ยถามซูหว่านอย่างนอบน้อม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักคุณหนูตรงหน้านี้ แต่ดูจากเครื่องแต่งกายและรถม้าหรูหราคันนี้แล้ว น่าจะเป็นคุณหนูจากจวนผู้มีอำนาจในเมืองหลวงแห่งนี้ 

 

 

“ข้าตกใจแทบตาย” 

 

 

สีหน้าของซูหว่านขาวซีด ตบอกตนเองเบาๆ อย่างคนอกสั่นขวัญหาย “คนผู้นี้เป็นใครกันหรือ ทำไมถึงได้ดูโหดร้ายนัก ” 

 

 

“คนผู้นี้…คือมหาโจรแห่งเจียงหยาง!” 

 

 

เจ้าหน้าที่ผู้นั้นลังเลอยู่เพียงครู่ก็ตอบส่งเดชออกมาคำหนึ่ง 

 

 

ซูหว่านปรายตามอง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้ เพียงแค่พยักหน้ารับอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย “ที่แท้ก็เป็นมหาโจรแห่งเจียงหยางเองหรอกหรือ พวกท่านรีบพาตัวเขาไปเถอะ อย่าให้เขาหนีรอดไปได้อีก! “ 

 

 

ในขณะที่พูดอยู่ซูหว่านก็หดตัวเข้าไปในตัวรถม้าทันทีอย่างหวาดกลัว  

 

 

เมื่อเห็นว่าซูหว่านไม่มีข้อสงสัยอะไรอีก เจ้าหน้าที่ผู้นั้นจึงให้ลูกน้องของตนจับกุมตัวชายชุดดำออกไปทันที แต่ในเวลานี้ภายในตัวรถม้าซูหว่านกลับฉุกคิดขึ้นมาได้ จากนั้นก็ให้คนขับรถม้าเลี้ยวรถเข้าไปยังถนนอีกสายหนึ่งที่ไม่มีคนสัญจรผ่าน 

 

 

“จุยเฟิง ออกมาเถอะ! ”  

 

 

พอรถม้าจอดสนิทแล้ว ซูหว่านก็เรียกผู้ที่อยู่นอกตัวรถม้าทันที เงาสายหนึ่งลอยลงมาทันทีดั่งวิญญาณ 

 

 

“คุณหนูซู ทำให้ท่านตกใจแล้ว” 

 

 

จุยเฟิงคุ้มครองซูหว่านมาตลอดทาง อาวุธลับเมื่อกี้นี้ก็เป็นฝีมืองของเขา 

 

 

“ข้าไม่เป็นไร จุยเฟิงเจ้าไม่ต้องตามข้าแล้ว เจ้ารีบไปช่วยคนผู้นั้นออกมาเร็วเข้า อย่าให้เขาเข้าไปในคุกมืดของศาลต้าหลี่อย่างเด็ดขาด” 

 

 

คุกมืดของศาลต้าหลี่เป็นสถานที่ที่เข้าไปแล้วไม่มีทางออกมาได้เลย 

 

 

คนเมื่อครู่นี้…ไม่ใช่มหาโจรแห่งเจียงหยางอะไรนั่นแน่นอน ซูหว่ามีความรู้สึกว่าคนที่ทำให้ศาลต้าหลี่ต้องใช้กำลังคนมากขนาดนี้ในการจับกุมจะต้องเป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากอย่างแน่นอน 

 

 

“เอ่อ…” 

 

 

ได้ฟังคำสั่งของซูหว่าน จุยเฟิงก็เริ่มมีความลังเลขึ้นมา 

 

 

ถึงแม่ว่านายท่านจะสั่งเอาไว้แล้วว่าให้ฟังคำสั่งของซูหว่าน แต่นั้นมันก็ต้องอยู่ภายใต้การคุ้มครองความปลอดภัยให้กับคุณหนูซู หากว่าเขาออกไปทำอย่างอื่นโดยพลการแล้วเกิดคุณหนูซูเป็นอะไรขึ้นมาเล่า… 

 

 

“ทำไม คำสั่งของข้าเจ้าไม่เต็มใจทำอย่างนั้นหรือ” 

 

 

ดูเหมือนว่าจะอ่านใจของจุยเฟิงออก ซูหว่านยิ้มเย็น “ตอนแรกก็คิดว่าจะให้เจ้าพาคนผู้หนึ่งไปรับผลงานใหญ่ต่อนายท่านของเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจขนาดนี้ละก็ ถ้าอย่างนั้น…นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็ไม่ต้องมาตามข้าอีก พรุ่งนี้ข้าจะไปบอกกับมู่เหยียนให้เขาเปลี่ยนคนมาดูแลข้า” 

 

 

“บ่าวมิกล้าขอรับ คุณหนูซู บ่าวจะรีบไปทำตามคำสั่งของคุณหนูซูเดี๋ยวนี้เลยขอรับ! ” 

 

 

พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน จุยเฟิงก็รู้สึกว่ามีเหงื่อซึมออกมาเต็มหัวไปหมด คุณหนูใหญ่ ถือว่าท่านเป็นนายหญิงใหญ่ของข้าก็แล้วกัน ถ้าหากว่าท่านไปฟ้องเรื่องนี้ต่อหน้าท่านอ๋องละก็ จุยเฟิงมีความรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกในวันพรุ่งนี้อีกแน่นอนเลย 

 

 

เมื่อเห็นว่าจุยเฟิงจากไปแล้ว ซูหว่านจึงพยักหน้าอย่างพออกพอใจ จากนั้นจึงสั่งให้คนขับรถม้ากลับเข้าสู่ถนนสายหลัก มุ่งหน้ากลับจวนจิ้งนิ่งโหว 

 

 

พอรถม้ากลับมาถึงจวน ก็มีคนไปรีบไปแจ้งแก่หลิวซื่อตั้งนานแล้ว หลิวซื่อจึงรีบพาเหล่าสาวใช้มาที่เรือนพักของซูหว่าน 

 

 

ในตอนนั้น ซูหว่านกำลังสั่งให้เหวินอวี้นำยามาทาที่หลังมือให้เหวินเย่ว์ พอเห็นร่างของหลิวซื่อ ซูหว่านจึงยิ้มบางๆ “ท่านแม่ วันนี้ไม่ได้ออกไปเล่นไพ่หม่าเตี้ยวหรือเจ้าคะ” 

 

 

“เล่นไพ่หม่าเตี้ยวอะไรกัน! ฟังลูกคนนี้พูดเข้า แม่บอกให้เจ้าเชื่อมสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องไว้ก็จริง แต่เจ้าก็ไม่ควรหายไปที่จวนจิ้นอ๋องทั้งวันแบบนี้ ถ้าหากว่ามีใครรู้เรื่องเข้า เขาจะเอาไปนินทากันเสียๆ หายๆ แบบนั้นมันจะดีหรือ เจ้าก็รู้ ถึงแม้ว่าจิ้นอ๋องจะเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถมาก แต่ที่เขาอายุเยอะขนาดนี้แล้วยังไม่แต่งภรรยา ไม่ใช่เป็นเพราะว่าร่างกายเขาอ่อนแอหรอกหรือ” 

 

 

พูดถึงตรงนี้ หลิวซื่อก็อดที่จะพูดถึงจิ้นอ๋องของเราอย่างแสนเสียดายไม่ได้ “เฮ้อ จะว่าไปจิ้นอ๋องนี่ก็ช่างน่าเสียดาย มีฐานะสูงส่งถึงปานนั้น แถมยังเป็นคนหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ทำไมถึงได้…ไม่สามารถอย่างนี้นะ” 

 

 

ซูหว่าน “…” 

 

 

ไม่สามารถอะไรกัน ซูหว่านเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าในการตั้งค่าระบบของโลกภารกิจนี้ ฉินมู่เหยียนก็เป็นแค่คนที่ร่างกายอ่อนแอขี้โรค แม้แต่ภรรยาสักคนก็ไม่มี ได้ข่าวว่าท่านหมอหลวงยังห้ามไม่ให้เขา…ทำ การ บ้าน อีก! 

 

 

เพราะฉะนั้น คนทั้งเมืองหลวงจึงรู้กันหมดแล้วว่าจิ้นอ๋องไม่ ส า ม า ร ถ ? 

 

 

ซูหว่านมองดูสีหน้าของหลิวซื่อ มีความรู้สึกว่าถ้านางบอกว่า ท่านแม่ลูกชอบจิ้นอ๋องเข้าให้แล้วอยากจะแต่งให้เขา สงสัยหลิวซื่อคงได้เป็นลมล้มลงไปทันทีแน่ๆ  

 

 

เหวินเย่ว์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตอนนี้ก็กำลังมองดูสองแม่ลูกด้วยสายตาแปลกๆ  

 

 

ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าฮูหยินยังไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่กับท่านอ๋องที่จริงแล้ว… 

 

 

เหวินเย่ว์เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครา ข้าควรจะบอกฮูหยินดีไหมนะ 

 

 

ถ้าเกิดว่าฮูหยินรู้เรื่องของคุณหนูใหญ่กับท่านอ๋อง แล้วเกิดขัดขวางคนทั้งคู่ขึ้นมาละ จะทำอย่างไรดี 

 

 

อีกอย่าง ท่านจิ้นอ๋องดูๆ แล้วก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่คนภายนอกเขาพูดกันสักหน่อยนี่นา 

 

 

หลิวซื่อซึ่งอยู่ด้านข้างไม่ได้สังเกตุเห็นท่าทีสับสนของเหวินเย่ว์และสายตาของซูหว่าน นางยกมือขึ้นมากุมมือน้อยๆ ของซูหว่านแล้วเอ่ยกล่าวต่อ “วันนี้อวี้ซูพาคนมาที่จวน ตั้งใจจะมาขอพบเจ้า แต่รออยู่ครึ่งวันเจ้าก็ไม่กลับมาสักที แม่จะให้คนไปตามเจ้าที่จวนจิ้นอ๋องก็กระไรอยู่ จึงได้แต่ทำการนัดแทนเจ้าให้เขามาใหม่วันพรุ่งนี้แทน” 

 

 

“เสิ่นอวี้ซู เขามาทำอะไรที่นี่” 

 

 

ได้ยินหลิวซื่อเอ่ยชื่อของเสิ่นอวี้ซู ซูหว่านก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที สายตาก็มองไปยังร่างของเหวินอวี้ และก็เป็นไปตามที่คาด พอได้ยินชื่อของเสิ่นอวี้ซู ร่างกายของเหวินอวี้ก็ชะงักค้างไปเล็กน้อย แม้แต่สายตาก็เริ่มเหม่อลอยออกไป… 

 

 

“หืม? ” 

 

 

เมื่อรับรู้ได้ถึงความเย็นชาในน้ำเสียงของซูหว่าน หลิวซื่อก็อดที่จะเอ่ยถามบุตรสาวตนเองไม่ได้ “หว่านเอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไรไป ไม่ใช่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้ารู้สึกต่ออวี้ซูเขา…” 

 

 

“ท่านแม่” 

 

 

ซูหว่านเหลือบตามองหลิวซื่อ สายตามีความสับสนเล็กน้อย “ท่านแม่ ลูก ลูกอยากจะ…ขอยกเลิกการแต่งงาน! ” 

 

 

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ” 

 

 

ได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าของหลิวซื่อก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที “เจ้าลูกคนนี้ จะมาทำนิสัยเอาแต่ใจอะไรอีก การแต่งงานนี้ใช่ว่าเจ้าอยากจะยกเลิกก็สามารถทำได้ตามใจงั้นหรือ”