“หลิวหลี ทำแบบนี้ดีจริงหรือ” หลงซินเยว่มองดูหลิวหลีที่กำลังแต่งตัว แล้วสวมเสื้อสีฟ้าแบบเดียวกับหลิวหลี ทรงผมก็เปลี่ยนเป็นทรงหางม้า ถ้าไม่ได้ดูดีๆ ก็คิดว่าเป็นหลิวหลี
“ไม่ดีอย่างไร ท่านแม่ ท่านไม่ได้กลับบ้านมา 10 กว่าปีแล้ว หากทำให้ท่านตากับพวกท่านลุงตกใจจะทำอย่างไร เพราะโคมวิญญาณของท่านก็ดับไปแล้วด้วย” เวลาหลิวหลีโกหกใจไม่เต้นแรงหน้าก็ไม่แดง เอ๋าเลี่ยแอบส่ายหัว แม่ของนังหนูหลับไป 10 กว่าปีหลับจนสมองหลับใหลไปด้วยหรืออย่างไร ต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญกันทั้งนั้น จะตกใจอะไรกันได้อย่างไร
“อย่างนี้เองหรือ โคมวิญญาณของข้าก็ดับไปแล้ว” ท่านพ่อกับท่านพี่ชายคงต้องเสียใจมากแน่
“ข้าขอดูหน่อย อืม ท่านแม่ สีหน้าของท่านดูซีดไปหน่อย อืม ได้แล้ว ท่านแม่ นี่คือยาฟื้นความเยาว์วัย ท่านลองกินดู” อย่างอื่นหลิวหลีไม่ค่อยมั่นใจ แต่นางค่อนข้างพอใจกับฝีมือการมัดหางม้าของนาง เมื่อเทียบกับมารดาตนเองแล้ว นางก็พบว่าท่านแม่สีหน้าซีดเซียว แบบนี้คงจะไม่ได้
เมื่อกินยาฟื้นความเยาว์วัย หลงซินเยว่ก็ดูเนียนนุ่มเหมือนตอนอายุเท่ากับลูกสาวของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นหลิวหลีนำยาคุณภาพชั้นเลิศออกมา ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความงามเช่นกัน
“แล้วควรจะทำอย่างไรกับพลังบำเพ็ญเพียร” หลิวหลีดูพลังบำเพ็ญเพียรของท่านแม่ที่อยู่ในช่วงอมตะ แต่ใครๆก็รู้ว่านางเป็นผู้บำเพ็ญเพียรช่วงแยกจิต
“แค่กๆ เผ่ามังกรมีวิธีลับอย่างหนึ่งสามารถอำพรางพลังบำเพ็ญเพียรได้ ทั้งชีวิตใช้ได้เพียงแค่หนึ่งครั้ง” เอ๋าเลี่ยที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น
“ดีเหลือเกิน ถ้าเช่นนั้นเรื่องพลังบำเพ็ญของท่านแม่ก็ต้องฝากเจ้าแล้วนะ อาเลี่ย” หลิวหลีนึกไม่ถึงว่าเผ่ามังกรจะมีของดีอย่างนี้อยู่ ไม่เลวเลยจริง ๆ ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว ขาดแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ณ ประตูบ้านสกุลหลง หลงซินเยว่รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อต้องกลับบ้าน
“ท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านแค่ก้าวเข้าไปก็พอ ไม่มีใครจับได้หรอก ท่านมั่นใจในตัวเองก็พอ” หลิวหลียืนข้างๆ หลงซินเยว่ โดยใช้เพลิงสุวรรณพรางอำพรางตัวเองไว้
หลงซินเยว่สูดหายใจเข้าลึก แล้วเดินเข้าไป ลูกศิษย์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นว่าเป็นตัวนำโชคของบ้านสกุลหลง หลงหลิวหลี ก็ต่างพากันทำความเคารพ
“คารวะ แม่นางหลิวหลี”
หลงซินเยว่พยักหน้า ย่อตัวลงเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้าไป หลิวหลีที่อยู่ข้าง ๆ เอามือปิดหน้า ปกตินางเพียงแค่โบกมือเล็กน้อยแล้วก็เดินเข้าไปแล้ว ให้ท่านแม่ปลอมมาเป็นตัวเองก็ยากเหมือนกัน
“ทำไมวันนี้แม่นางหลิวหลีดูอ่อนโยนจริง” หนึ่งในลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูจับหัวเบาๆ ด้วยความสับสน
“จะว่าอย่างไรดีล่ะ วันนี้แม่นางหลิวหลีดูมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น” ลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูอีกคนหนึ่งคิดๆดูแล้วก็นึกถึงคำว่า ‘ความเป็นผู้หญิง’ ขึ้นมา
หลิวหลียืนกัดฟันอยู่ข้างๆ แต่ก่อนนางไม่มีความเป็นผู้หญิงหรือไง เสียแรงที่กินยาศักดิ์สิทธิ์ของนางไปตั้งมาก เอ๋าเลี่ยที่ขอไม่ปรากฏตัวออกมาอยู่ในมิติหัวเราะท้องแข็ง นังหนูมีความเป็นผู้หญิง ฮ่าฮ่า ใครกัน ถึงพูดจาได้ตลกเช่นนี้
เมื่อกลับมาในสภาพแวดล้อมที่ตัวเองคุ้นเคย หลงซินเยว่น้ำตารื้น ทุกอย่างเหมือนกับแต่ก่อนไม่ผิดเพี้ยน ราวกับตัวเองไม่เคยจากบ้านไปมาก่อน หลงซินเยว่นิ่งไปสักพัก ก็นึกถึงอาการป่วยของท่านง จึงรีบรุดไปที่ตำหนักของท่านพ่อ แต่กลับได้รับรายงานกลับมาว่าท่านไม่อยู่
“ท่านพ่อจะอยู่ที่ไหนได้นะ” หลงซินเยว่ร้อนใจ พ่อป่วยอยู่แล้วยังจะออกไปอีก
“ฮ่าฮ่า ท่านแม่ ข้าคิดว่าน่าจะอยู่ที่เรือนของท่าน” หลิวหลีที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น
“อยู่ที่เรือนของข้า? ท่านพ่อ” หลงซินเยว่เมื่อรู้เช่นนั้น ก็รีบไปที่เรือนของนาง
หลงซินเยว่ที่เดิมรีบร้อนเดินไป เมื่อใกล้ถึงกลับค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลง นางเกิดความหวาดกลัว แต่ก็พยายามรวบรวมความกล้าเดินเข้าไป ภายในเรือนนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจากตอนที่นางยังเด็ก ทุกสิ่งดูคุ้นเคยไปหมด
“ใคร นังหนูหลิวหลีเองหรือ ทำไมถึงนึกมาเยี่ยมตาได้ล่ะ” หลงเหวินเซวียนสัมผัสได้ว่ามีคน พอออกมาดูก็เห็นว่าเป็นหลิวหลี เพียงแต่ว่านังหนูวันนี้ ทำไมดูตื่นเต้นพิกล
“สุขภาพของท่านดีขึ้นบ้างหรือยังเจ้าคะ” คำว่า ‘ท่านพ่อ’ เกือบจะหลุดออกมาจากปากนาง
“สุขภาพ? สุขภาพของข้าไม่มีอะไร นังหนูเจ้าเริ่มเหมือนกับแม่ของเจ้าแล้วนะ ข้าไม่สบายนิดหน่อยก็จะทำเป็นเรื่องใหญ่โต เอาใจใส่มากกว่าลุงทั้งสามคนของเจ้าเสียอีก” หลงเหวินเซวียนมองดูหลานสาวของตัวเอง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกพอใจ เพียงแต่วันนี้ทำไมนังหนูดูเศร้าสร้อยเช่นนี้
“ท่านลุงทั้งสามกำลังยุ่ง” หลงซินเยว่พบว่าหลังจากพูดประโยคแรกไปแล้ว ประโยคที่สองก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น เริ่มรู้สึกชินกับการเป็นลูกสาวตัวเองมากขึ้น
“เดี๋ยวนี้รู้จักพูดแทนลุงของเจ้าแล้วหรือ แต่ว่า นังหนู ข้าจะต้องว่าเจ้าเสียหน่อย เจ้าบุกเดี่ยวไปหาเรื่องที่สกุลจ้านเช่นนั้นได้อย่างไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร”
หลงซินเยว่นิ่งไป ลูกสาวของนางลุยเดี่ยวไปบุกบ้านสกุลจ้านตอนไหน
“ตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้วนี่เจ้าคะ” ถึงแม้หลงซินเยว่จะสงสัย แต่ยังคงพูดตอบกลับไป เพราะลูกสาวของนางไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ
“นังหนู เจ้าน่ะ ข้าสูญเสียแม่ของเจ้าไปแล้ว ข้าไม่สามารถสูญเสียเจ้าไปอีก” หลงเหวินเซวียนพูดด้วยท่าทีอ่อนล้า
เมื่อฟังคำพูดของพ่อตัวเอง อยู่ๆหลงซินเยว่ก็ก็พบว่าบิดาตนเองแก่ชราลงไปมาก
“ท่านตาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูง ท่านจะต้องอายุยืนยาวแน่นอนเจ้าค่ะ” ถึงตอนนี้หลงซินเยว่เพิ่งจะสังเกตได้ว่า ที่แท้ท่านพ่อนางไม่ใช่คนธรรมดา เพราะฉะนั้นการเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรมันเป็นไปไม่ได้ นางโดนลูกสาวของตัวเองหลอก นังหนูช่างร้ายนัก
“นังหนู ข้าจะไม่ยอมแก่ก็ไม่ได้ ตอนนี้เจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญช่วงแยกจิตแล้ว คนเราก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลานั่นแหละ” หลงเหวินเซวียนมองดูหลิวหลีที่มีความสามารถโดดเด่นจะไม่ยอมแก่ก็คงไม่ได้
“ท่านอายุมากแล้วแต่ก็ยังแข็งแรงอยู่” หลงซินเยว่มองบิดาตน แววตาความรักที่มีต่อบิดาปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด
“ตอนนี้นังหนูยิ่งเหมือนแม่ของเจ้าไปทุกที” วันนี้หลิวหลีทำให้หลงเหวินเซวียนรู้สึกว่านางเหมือนกับหลงซินเยว่ลูกสาวของเขามาก
“ข้าเป็นลูกของท่านแม่ ข้าก็ต้องเหมือนนางอยู่แล้ว” หลงซินเยว่ตกใจ นึกว่าความจะแตกเสียแล้ว
หลิวหลีพรางตัวอยู่ข้างๆ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของบรรยากาศในการพูดคุย ก็ตัดสินใจจะไป อีกสักครู่ค่อยกลับมาสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเขา
สองพ่อลูกที่กำลังพูดคุยกันก็ไม่รู้ว่าหลิวหลีได้เดินออกไปแล้ว ยังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในฐานะตาหลาน อยู่ๆก็พูดถึงเรื่องหลงซินเยว่ตอนเด็กออกมาโดยไม่รู้ตัว หลงเหวินเซวียนพบว่า ไม่ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร หลานสาวก็สามารถเล่าต่อ หนำซ้ำยังต่อเติมเรื่องราวได้มากทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ อีกอย่างวันนี้หลานสาวของเขาอารมณ์ดีผิดปกติ ดีจนทำให้เขาแอบคิดว่าลูกสาวของเขายังมีชีวิตอยู่
อีกด้านหลิวหลียังไม่รู้ว่าท่านตาของนางเริ่มสงสัยในตัว ‘หลิวหลี’ คนนี้แล้ว เมื่อลองนับเวลาดู ก็เดินเข้าไปจากทางประตูใหญ่ด้วยความเบิกบานใจ
“แม่นางหลิวหลี”
หลิวหลีโบกมือ แล้วก็เดินเข้าไป
“ว่าไปแล้วคนผู้นี้ค่อยเหมือนแม่นางหลิวหลีหน่อย ช้าก่อน เจ้าเห็นแม่นางหลิวหลีออกมาแล้วหรือยัง” หนึ่งในผู้ดูแลประตูคนหนึ่งรู้สึกสังหรณ์ใจ
“ยังเลย ถ้าอย่างนั้นคนที่เข้าไปก่อนหน้านั้นคือใคร” ทั้งสองคนหันมามองหน้ากัน
“ท่านอาสาม” ในฐานะที่เป็นลูกหลานที่มีมารยาท หลิวหลีก็เข้าไปทักทายก่อนตามมารยาท
“หลิวหลีนี่เอง เจ้ามาหาท่านตาหรือ” หลงจิ่งหลินมองหลิวหลีเหมือนเป็นลูกสาว
“เจ้าค่ะ ท่านลุงก็มาหาท่านตาเหมือนกันหรือเจ้าคะ” หลิวหลีคิดว่าท่านลุงไปด้วยก็ไม่เลว ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่าสร้างความประหลาดใจได้อย่างไร
ทั้งสองตัดสินใจจะไปหาหลงเหวินเซวียนด้วยกัน ยังไม่ทันเดินไปถึงตำหนักของหลงซินเยว่ ก็มีเสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังลอยมา “บอกมา เจ้าเป็นใคร ถึงขนาดกล้าปลอมมาเป็นหลานสาวของข้า เจ้ามาบ้านสกุลหลงมีแผนการอะไร”
“แย่แล้ว” หลิวหลีแอบพูดคำว่าแย่แล้วกับตัวเอง นางยังคิดว่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับท่านตา ร่างกายอ่อนแอของท่านแม่คงไม่ทนแรงตบของท่านตาไม่ได้แน่ นางใช้เคล็ดวิชา เพียงพริบตาเดียวก็หายตัวไปต่อหน้าหลงจิ่งหลิน หลงจิ่งหลินก็รู้สึกแปลกใจ จึงรีบเดินตามไป
หลิวหลีมาได้ทันเวลาพอดี ถลาเข้าไปรับฝ่ามือท่านตาที่กำลังเปี่ยมด้วยอารมณ์แทนมารดานาง
“ท่านตา หยุดเถอะเจ้าค่ะ นี่คือท่านแม่ของข้า”
หลงเหวินเซวียนหยุดมือที่ง้างขึ้น ราวกับลูกโป่งที่โดนเจาะลม นั่นคือลูกสาวของเขา มองดูหลานสาวที่เอาตัวผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นตัวปลอมซ่อนไว้ด้านหลัง หน้าตาละม้ายคล้ายกับหลานสาว บวกกับบทสนทนาเมื่อครู่เรื่องลูกสาว ความคุ้นเคยนั้นของนาง
“ซินเยว่ ใช่ซินเยว่หรือไม่?” หลงเหวินเซวียนสั่นเทิ้มน้อยๆ เมื่อครู่เขาเกือบจะทำร้ายลูกสาวตัวเองแล้ว
“ท่านพ่อ ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง” หลงซินเยว่ออกมาจากด้านหลังของหลิวหลี น้ำตานองหน้าทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าหลงเหวินเซวียน
“ใช่ ซินเยว่ รีบลุกขึ้นได้แล้ว เมื่อครู่โดนเจ้าหรือเปล่า” หลงเหวินเซวียนพยุงหลงซินเยว่ให้ลุกขึ้นมาแล้วกวาดตามอง หวาดกลัวลูกสาวจะหายกลายเป็นแค่ฝัน
“ท่านพ่อ ข้าทำให้ท่านต้องเป็นห่วง” หลงซินเยว่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“หลิวหลี เจ้าบอกตาที นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม” หลงเหวินเซวียนไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก ยังอยากจะถามหลานสาวเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“คือท่านแม่ของข้าเองเจ้าค่ะ ท่านตา เดิมข้าอยากจะสร้างความประหลาดใจให้ท่าน แต่ว่า…” หลิวหลีมองท่านแม่ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ท่านตาที่น้ำตานองหน้า ท่านลุงที่น้ำตาคลอเบ้า ดูเหมือนจะเล่นแรงเกินไป
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าประหลาดใจ ประหลาดใจมากๆ ตาดีใจมาก จริงสิ ซินเยว่ โคมวิญญาณของเจ้าดับไป ทำไมนังหนูถึงหาเจ้าเจอล่ะ” หลงเหวินเซวียนสนใจกับคำถามนี้
“ฮ่าฮ่า ท่านตา พวกเราเข้าไปคุยข้างในกันเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะพูดคุยกัน” หลิวหลีรู้สึกว่ามีคนมาไม่น้อย ที่นี่ไม่เหมาะที่จะพูดคุยกัน
“อีกอย่าง หากคนอื่นเห็นท่านแม่เข้า ก็อาจจะตกใจได้” หลิวหลีกล่าว
“ใช่ใช่ พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ ซินเยว่ เจ้าจะต้องบอกพ่อนะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” หลงเหวินเซวียนก็รู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาเช่นกัน
“ตาสาม ให้คนออกไป ไปเรียกพี่ชายทั้งสองคนของเจ้ามา” หลงเหวินเซวียนนึกได้ว่าลูกชายคนโตกับลูกชายคนรองยังไม่รู้เรื่องนี้ จะได้พูดให้รู้เรื่องเลยทีเดียว
“ขอรับ ท่านพ่อ” หลงจิ่งหลินรับคำสั่ง แล้วจึงออกไปตามพี่ชาย ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาตำหนิไปให้หลิวหลี นังหนูนี่ เรื่องนี้เอามาล้อเล่นได้ด้วยหรอ หลิวหลีจับจมูกตัวเองเบาๆ เล่นมากเกินไปเสียแล้ว
………………………………………………