บทที่ 241 น้อยใจจนจะเปลี่ยนรูปร่าง / บทที่ 242 ต้องเป็นเรื่องไม่จริงแน่ๆ โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 241 น้อยใจจนจะเปลี่ยนรูปร่าง
ลงจากรถ ก่อนที่จะเข้าไปในสนามสอบ เยี่ยหวันหวั่นส่งข้อความหาเยี่ยมู่ฝาน ‘พี่ รอเรื่องสอบเข้าเรียบร้อยแล้ว พวกเราเจอกันสักหน่อยดีไหม?’
ก่อนหน้านี้เธอส่งข้อความเล่าเรื่องในโรงเรียนของเฉินเมิ่งฉีให้พี่ชายฟัง เป็นไปอย่างที่เธอคิดไว้ พี่ไม่ตอบอะไรกลับมา โทรหาก็ไม่เคยรับสาย
ข้อความวันนี้ก็เหมือนเดิม ยังคงเป็นเหมือนหินที่จมลงไปในมหาสมุทร
เยี่ยหวันหวั่นรออยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ปิดเครื่อง ขจัดความคิดไร้สาระออกไปทั้งหมด สูดหายใจเข้าลึก เข้าสนามสอบไป
ช่างเถอะ ตอนนี้เธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ รอสอบเสร็จ เธอจะไปหาเขาเมื่อไรก็ได้
เวลาสองวันหลังจากนั้น เยี่ยหวันหวั่นรวบรวมสมาธิ ทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการสอบ
บ่ายวันที่สอง การสอบวิชาคณิตศาสตร์วิชาสุดท้ายเสร็จสิ้นลงแล้ว ในที่สุดชีวิตมัธยมปลายของเธอก็จบลงเสียที
เยี่ยหวันหวั่นเดินออกจากสนามสอบ แหงนมองท้องฟ้าสีครามเหนือศีรษะ รู้สึกปลอดโปร่ง ราวกับได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง
นักเรียนรอบข้างต่างมีท่าทางราวกับลูกนกที่เพิ่งถูกปล่อยออกจากกรง กระโดดโลดเต้นดีใจทะยานตัวเข้าหาผู้ปกครองที่มารับ
เยี่ยหวันหวั่นมองดูฝูงชน ตรงหน้าพลันไหวสั่น ราวกับเห็นเงาร่างของคนคุ้นเคยคนหนึ่ง…
พ่อ…?
แต่ว่า พอเธอมองให้ชัดอีกครั้ง กลับพบว่าเงาร่างนั้นหายไปแล้ว
คงเป็นเพราะคิดถึงมากเกินไปจนเห็นภาพลวงตาล่ะมั้ง…
“หวันหวั่น!”
เวลานี้เอง เสียงเจียงหรานดังขึ้นจากด้านหลัง ด้านข้างยังมีฉู่เฟิงตามมาอีกด้วย
ทั้งสองบังเอิญสอบที่โรงเรียนเดียวกันกับเธอ สนามสอบอยู่เพียงชั้นบนเท่านั้น
“พี่หวันหวั่น พี่สอบเป็นยังไงบ้าง? คงจะทำได้ดีสินะ!” ฉู่เฟิงถามด้วยความกระตือรือร้น
“พอได้นะ พวกเธอล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถาม
ฉู่เฟิงส่ายศีรษะอย่างละอายใจ “โจทย์วิชาคณิตศาสตร์ข้อใหญ่ข้อสุดท้ายเว้นว่างไว้ไม่ได้ทำ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ล้วนเป็นโจทย์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งนั้น! ทุกคนกำลังถกกันว่ามันเกินขอบเขตการสอบหรือเปล่า!”
เยี่ยหวันหวั่นกระแอมครั้งหนึ่ง “ยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
อันที่จริงไม่ได้อยู่นอกเหนือขอบเขตเนื้อหาการสอบ เพียงแต่นำความรู้หลายๆ เรื่องมาเชื่อมโยงกันออกเป็นโจทย์ข้อใหญ่ข้อหนึ่ง
เทียบกับโจทย์ที่ยากนรกพวกนั้นที่ซือเยี่ยหานออกตอนสอนพิเศษเธอ ยังไม่นับว่ายากอะไร
เดิมทีเธอคิดว่าสอบได้คะแนนที่ไม่น่าเกลียดก็พอแล้ว ขอแค่ให้วิชาคณิตศาสตร์ไม่ดึงคะแนนลงเท่านั้น ด้วยคะแนนด้านศิลปศาสตร์ของเธอ การสอบเข้าคณะนิเทศน์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว
แต่ช่วยไม่ได้ที่อาจารย์สอนพิเศษที่บ้านของเธอมีจรรยาบรรณมากเกินไป ระดับความยากง่ายตั้งแต่ปูพื้นฐานถึงระดับมาตรฐานถึงยากจนถึงยากนรก ล้วนสอนให้เธอทั้งหมดรอบหนึ่ง
รู้สึกได้ว่าสีหน้าของเจียงเยียนหรานไม่สู้ดี เยี่ยหวันหวั่นจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความห่วงใย “เยียนหราน เป็นอะไรไป? ทำข้อสอบไม่ได้เหรอ?”
เจียงเยียนหรานจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ ส่ายศีรษะอย่างหดหู่ “ไม่…ไม่ใช่…”
พูดจบน้ำต็ไหลพราก
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นตกใจแล้ว “เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เจียงเยียนหรานพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเธอ เสียใจอย่างที่สุด “เป็นไปได้ยังไง! ฉันไม่เชื่อ! ฉันไม่มีทางเชื่อ! สามีของฉันจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง! สามีของฉันไม่มีทางเป็นไอ้โรคจิต!”
เยี่ยหวันหวั่นมึนงง “ห๊ะ? สามีเธอ? ฉู่เฟิงเหรอ? เขาทำไม?”
ฉู่เฟิงน้อยใจเสียจนแทบจะละลายใต้แสงอาทิตย์อยู่รอมร่อ “พี่หวันหวั่น เยียนหรานไม่ได้หมายถึงผม หมายถึงไอดอลของเขา หานเซี่ยนอวี่!”
อ่อ…ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง…
ได้ยินชื่อ “หานเซี่ยนอวี่” สามคำนี้ แววตาของเยี่ยหวันหวั่นพลันวาวโรจน์ เกิดเรื่องกับหานเซี่ยนอวี่แล้วเหรอ? เร็วขนาดนี้เชียว?
เธอจำได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องในสองสามวันนี้ เพราะฉะนั้นถึงคอยเช็คอยู่ตลอด คิดไม่ถึงว่ายังรู้ช้ากว่าเจียงเยียนหรานที่เป็นสุดยอดแฟนคลับ
เยี่ยหวันหวั่นกดเปิดเว็บไซต์ที่เป็นที่รู้จักสองสามเว็บ พบว่าสองชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งก็คือตอนที่พวกเธอกำลังสอบอยู่ แต่ละเว็บไซต์ได้ปล่อยข่าวใหญ่ที่ต้องดังระเบิดมาข่าวหนึ่ง ราชาป๊อปปูล่าแห่งเอเชีย หานเซี่ยนอวี่ เป็น โรค ใคร่ เด็ก !
……………………………………
บทที่ 242 ต้องเป็นเรื่องไม่จริงแน่ๆ
หานเซี่ยนอวี่เป็นดาราชายที่กำลังโด่งดังและทำเงินได้มากที่สุดของวงการบันเทิงตอนนี้ เป็นราชาน้อยยอดนิยมในเอเชียที่มีฉายาว่ารถเกี่ยวสาวน้อย
เนื่องด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อโดดเด่น หล่อระเบิด เพิ่งเดบิวต์ก็ได้หัวใจไปอย่างท่วมท้น ราบลื่นมาโดยตลอด โดดเด่นและภาคภูมิใจ นั่งตำแหน่งแทนที่หลิงซ่าวเจ๋อศิลปินค่ายหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่ดังที่สุดคนก่อน
ด้วยความที่คนทั้งสองอายุ และตำแหน่งใกล้เคียงกัน การแข่งขันกันจึงค่อนข้างรุนแรง
ไม่นานมานี้ หานเซี่ยนอวี่เพิ่งจะรับโปรเจกต์ใหญ่ที่มีเงินลงทุนหลายร้อยล้านเรื่องหนึ่ง มีทีมเทคนิคพิเศษจากฮอลลีวูด ขนนักแสดงมาเป็นกองทัพ ขึ้นฉายเมื่อไรจะต้องดังระเบิดแน่นอน ทำให้อาชีพการทำงานของเขาก้าวสู่จุดสุดยอดอีกครั้ง ใครจะรู้ว่ากลับมาเกิดเรื่องแบบนี้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
หากหานเซี่ยนอวี่จบเห่ ภาพยนต์ในมือของเขาเรื่องนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของหลิงซ่าวเจ๋อแน่นอน รวมถึงทรัพยากรจำนวนมากบนตัวล้วนต้องถูกใช้โอกาสนี้แย่งส่วนแบ่งไปหมด
เจียงเยียนหรานร้องไห้พลางพูด “ต้องเป็นฝีมือของบริษัทคู่แข่งแน่นอน! ต้องเป็นพวกเขาที่แอบสาดโคลนสกปรกใส่ข้างหลังเซี่ยนเซี่ยน!”
ฉู่เฟิงที่อยู่ด้านข้างพูดอู้อี้เสียงเบา “แต่ว่า มีหลักฐานคำให้การของเด็กผู้หญิงและผู้ปกครองนะ…”
เจียงเยียนหรานเงยหน้าจากอ้อมแขนของเยี่ยหวันหวั่นหันมาจ้องเขม็งใส่เขาทันที “คำให้การแล้วยังไง? เป็นไปไม่ได้เลยเหรอว่าคำให้การของพวกเขาอาจเป็นคำพูดโกหก?”
ฉู่เฟิงเสียงอ่อน “แต่ว่าตรวจพบสารของยานอนหลับในร่างกายของเด็ก…”
นัยน์ตาของเจียงเยียนหรานมีประกายไฟแห่งความโกรธแล้ว “เรื่องนั้นก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าสามีของฉันเอาให้เขากิน! มีหลักฐานไหม? มีใครเห็นกับตาตัวเองบ้าง?”
เพียงพริบตาฉู่เฟิงก็พยักหน้าหงึกๆ “ใช่ๆๆๆ! เรื่องไม่จริง! ต้องเป็นเรื่องไม่จริงแน่ๆ! สามีของเธอใจบุญขนาดนั้น ใจดีมีเมตตากับเด็กๆ มาโดยตลอด ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ได้แน่นอน!”
ได้ฟังการโต้เถียงของฉู่เฟิงกับเจียงเยียนหราน เยี่ยหวันหวั่นพลันหุบยิ้ม
ความจริงแล้ว คำพูดของเจียงเยียนหรานไม่ผิดเลยสักคำเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเรื่องหลอกลวงที่เลวทรามที่สุด
เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยและค่าตอบจากการแบล็กเมล์ก้อนใหญ่ พ่อแม่ของเด็กสาวกำกับเองแสดงเองทุกอย่าง ฉีดยาเข้าไปที่ตัวเด็ก ทั้งยังสอนให้เด็กพูดโกหก ใส่ร้ายหานเซี่ยนอวี่ว่ากระทำการข่มขื่นอนาจาร
ชาติก่อน แม้ว่าฝีมือการใส่ร้ายของพ่อแม่เด็กหญิงจะไม่ฉลาดนัก ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ไม่อาจเอาผิดทางกฎหมายกับหานเซี่ยนอวี่ได้ แต่กับคดีแพ่ง หากจะสู้กันต่อไป ไม่เพียงไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือคดีจะต้องลากยาวไปหลายปี
ในเวลานั้น ภายใต้ความคิดเห็นและแรงกดดันของสาธารณชนภายนอก และการพิจารณาคดีของศาลภายใต้แรงกดดันของความคิดเห็นของสาธารณชนมีแนวโน้มที่ชัดเจน บริษัทจึงจัดการให้เขาเลือกไกล่เกลี่ยนอกศาล และชดใช้เงิน
กระทั่งต่อมาอีกหลายปี น่าจะเป็นเพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นรู้สึกผิดจึงได้ออกมาพูดความจริง ในที่สุดจึงได้ล้างมลทินของหานเซี่ยนอวี่ไปได้
แต่อาชีพของเขาได้รับผลกระทบจากข่าวฉาวในช่วงนี้ จนกระแสตกลงไปมาก ดาวที่เจิดจรัสดวงหนึ่งจึงดับไปเช่นนี้…
แม้ว่าหานเซี่ยนอวี่จะเป็นศิลปินของบริษัทคู่แข่ง แต่ความประทับใจดีๆ ที่เยี่ยหวันหวั่นมีต่อเขาก็ไม่เลวเลย ทั้งฝีมือการแสดงล้ำค่าหายากในวงการบันเทิง และดาราดังหน้าใหม่บนช่องทางออนไลน์ แม้แต่คุณพ่อของเธอก็ยังเคยชื่นชมเขา
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เธอเคยคิดอยากจะไปเตือนเขาล่วงหน้า แต่มาคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอรู้อนาคตก่อนใคร แต่คนอื่นยังไม่รู้เรื่อง หากว่าเธอบุ่มบ่ามเข้าไปพูด คนอื่นคงจะหาว่าเธอพูดจาไร้สาระ
เจียงเยียนหรานใบหน้าเปี่ยมด้วยความร้อนใจ “ทำอย่างไรดี? คนส่วนใหญ่พากันเชื่อคำพูดของแม่ลูกคู่นั้น อีกทั้งพูดว่าการที่เซี่ยนเซี่ยนชอบจัดปาร์ตี้การกุศลอยู่บ่อยๆ เชิญเด็กๆ มาร่วมงาน ก็เพื่อตัวเองจะได้ลวนลามเด็กผู้หญิงพวกนั้นได้สะดวกยิ่งขึ้น! พวกเขาพากันเดาอย่างไม่มีหลักฐานแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ทำเกินไปแล้วจริงๆ!”
……………………………