“งั้นก็ดี พวกเขาเป็นเหล่าอัจฉริยะที่ดีที่สุดของสถาบันศูนย์กลางในปีนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะระดับปีศาจอยู่หรือเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นทรัพยากรล้ำค่าของสหพันธรัฐเรา จะสูญเสียพวกเขาไปไม่ได้” ผู้บัญชาการทำสีหน้าเคร่งขรึม ทุกครั้งที่เด็กเหล่านี้มาที่นี่ แรงกดดันของเขาก็หนักอย่างไร้ที่สิ้นสุด ถ้าหากไม่ระมัดระวังมีเด็กตายไปหนึ่งคนในตอนที่ล่าสัตว์ละก็ เขาไม่มีจุดจบที่ดีอะไรแน่นอน
ผู้บัญชาการใคร่ครวญแล้วยังรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ ดังนั้นก็เลยสั่งการต่อว่า “ให้หน่วยรบภาคพื้นดินพิเศษตามไปด้วย เอาให้แน่ใจว่าคุ้มครองทั้งบนฟ้าและพื้นดิน”
“รับทราบครับ ท่าน ผมจะไปจัดการให้ทันที!” เสนาธิการรับคำสั่งหลังจากนั้นก็รีบถ่ายทอดคำสั่งล่าสุดลงไป ให้หน่วยรบพิเศษภาคพื้นดินเตรียมตัวออกปฏิบัติการทันที
…………..
ภายในค่ายทหาร เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง “ต่อไป ขอให้นักเรียนที่ได้ยินชื่อเข้ามารับชิปของตัวเอง รวมถึงชุดเครื่องแบบต่อสู้ อาวุธร้อน[1]”
หลังจากนั้นก็เห็นกองทหารเบื้องหน้าพวกเขานำสิ่งของมามากมาย แล้วเรียกชื่อของพวกเขาออกมาทีละคน ทุกคนไปยังจุดลงทะเบียนเพื่อลงทะเบียนรับของ พวกหลิงหลานก็รับชิป ชุดเครื่องแบบต่อสู้กับอาวุธของตัวเองไปเช่นกัน
แผ่นชิปคือบัตรประจำตัวของพวกหลิงหลานที่ใช้กันเมื่ออยู่ในค่ายทหารแห่งนี้ ด้านในสามารถเก็บแต้มเครดิตที่ใช้เฉพาะที่นี่ สามารถทำการใช้จ่ายเงินได้ และนอกจากที่พักซึ่งจัดให้ฟรีภายในค่ายทหารแล้ว ของอย่างอื่นต่างต้องใช้แต้มเครดิตซื้อมา หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าอยากจะใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้นก็ต้องหาวิธีได้แต้มเครดิตมา การล่าสัตว์ก็เป็นวิธีการอย่างหนึ่ง นี่ก็เป็นการบอกเหล่าลูกเสือกลายๆ ว่ามีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติใช้ชีวิตที่ดีขึ้น แนวคิดเรื่องผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพถูกสะท้อนให้เห็นขึ้นที่นี่อีกครั้ง
หลิงหลานเสียบแผ่นชิปเข้าไปในอุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือตัวเองตามวิธีการใช้งานของมัน จากนั้นก็เห็นระบบของอุปกรณ์สื่อสารก่อนหน้านี้ถูกปิด แล้วก็เปิดใช้งานระบบใหม่ขึ้น บนแผ่นชิปไม่มีชื่อ มีเพียงหมายเลขลำดับเท่านั้น หมายเลขของหลิงหลานคือ 017717 หลิงหลานมองไปยังของฉีหลงที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะพบว่าเป็นเลข 017709 ดูท่าเลขลำดับนี้จะจัดการสุ่มดึงมาจากในหมายเลขห้าสิบอันของออปติคัลคอมพิวเตอร์ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไร
ในแผ่นชิปมีเครดิต 1000 แต้ม นี่ทำให้หลิงหลานประหลาดใจนิดหน่อย เดิมทีหลิงหลานนึกว่าข้างในจะไม่มีอะไรเลย ไม่นึกเลยว่าทางค่ายที่นี่ยังให้เวลาพวกเขาปรับตัวบ้าง ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่เธอคิดไว้ขนาดนั้น ขอเพียงหาวิธีได้แต้มเครดิตมาก่อนที่จะใช้เครดิต 1000 แต้มนี้หมดก่อน พวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในค่ายแห่งนี้ได้อย่างราบรื่นแล้ว
คิดๆ ดูแล้วการมาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อวิชาล่าสัตว์ ดูท่าสัตว์อสูรที่ล่ามาน่าจะสามารถแลกเป็นแต้มเครดิตได้ แค่ไม่รู้ว่าจะแลกได้มากเท่าไหร่ หลิงหลานมั่นใจว่ายังมีวิธีการแลกเปลี่ยนอื่นๆ แน่นอน เพียงแต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลิงหลานไม่ได้ร้อนใจ ถึงยังไงคาดว่าพวกเขาต้องอยู่ที่นี่ไม่ต่ำกว่าสามเดือน บางทีอาจจะนานกว่านั้น เธอมีเวลามากพอที่จะค่อยๆ ค้นหาทุกอย่างนี้
หลิงหลานสวมชุดเครื่องแบบต่อสู้ ขนาดรุ่นของชุดเครื่องแบบต่อสู้พอดีกับรูปร่างของเจ้าตัวมาก คาดว่าทางสถาบันจะส่งข้อมูลของพวกเขามาที่กองทัพล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นถึงสามารถหยิบชุดเครื่องแบบต่อสู้ที่พอดีกับตัวได้
เหล่าลูกเสือหยิบของเหล่านี้แล้ว หัวใจที่เดิมทีลุ่มๆ ดอนๆ ก็สงบลงบ้างในที่สุด ชุดเครื่องแบบต่อสู้มีความสามารถป้องกันในระดับหนึ่ง สามารถต้านทานการโจมตีของสัตว์อสูรระดับ H ได้สองสามครั้ง ให้ต้นทุนปกป้องคุ้มครองตัวเองแก่เหล่าลูกเสือเล็กน้อย ส่วนอาวุธร้อนคือปืนพกเลเซอร์รวมศูนย์ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวเท่านั้น นี่เป็นเพราะกลัวว่าเหล่าลูกเสือจะเจอสัตว์อสูรมากมายจนตกอยู่ในสภาพปิดล้อมไว้ ต้องใช้อาวุธร้อนยิงออกเป็นเส้นทางสายโลหิตเพื่อใช้หลบหนี….
วิชาล่าสัตว์ต้องการให้ใช้อาวุธเย็นที่ตนเชี่ยวชาญมาจัดการกับสัตว์อสูร นี่ก็คือเหตุผลที่หลิงหลานเอามีดอัลลอยด์ประสิทธิภาพสูงมาสองเล่ม สองมือของหลิงหลานใช้พวกอาวุธเย็นประเภทมีดสั้นได้ดีมาก โดยเฉพาะมือขวาสามารถใช้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่อันที่จริงอาวุธที่มือซ้ายของหลิงหลานเชี่ยวชาญจริงๆ คือมีดทหารสามคม ทว่าในยุคนี้แทบจะไม่มีคนใช้มีดทหารสามคมเลย หลิงหลานจำเป็นต้องเก็บมันไว้บนชั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่อาจอธิบายที่มาที่เธอเรียนรู้ได้
หลิงหลานเสียบมีดสั้นอัลลอยด์ประสิทธิภาพสูงเล่มหนึ่งไว้ในกระเป๋าด้านนอกข้างต้นขาของชุดเครื่องแบบต่อสู้ ส่วนมีดอีกเล่มก็เสียบไว้ในเข็มขัดตรงด้านหลังเอว มีดตรงหลังเอวเล่มนั้นเตรียมไว้ให้มือซ้ายของเธอ เมื่อถึงเวลาวิกฤติ เธอก็สามารถชักมีดสั้นออกมาฟันสัตว์อสูรได้ทันเวลา
เดิมทีหลิงหลานก็เป็นนักสู้ที่เชี่ยวชาญอาวุธสองมือ เพียงแต่ต่อหน้าคนนอกเธอเป็นแค่นักสู้ที่ใช้อาวุธมือขวาเท่านั้นเพื่อที่จะปิดบังความสามารถของเธอไว้
หลิงหลานเตรียมการทุกอย่างนี้ไว้เรียบร้อยแล้วถึงค่อยมองดูรอบๆ บริเวณ เธอเห็นสีหน้าของพวกลูกเสือเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายใจเย็นลงหลังจากที่สวมชุดเครื่องแบบต่อสู้ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ชุดเครื่องแบบต่อสู้สามารถต้านทานการโจมตีของสัตว์อสูระรดับ H ได้สองสามครั้งจริงๆ แต่นี่แค่หมายความว่าการโจมตีของอีกฝ่ายไม่สามารถทำลายชุดเครื่องแบบต่อสู้ได้ แต่ว่าไม่อาจล้างพลังที่อัดพุ่งมาจากการโจมตีได้ทั้งหมด ยังมีพลังสามสี่ชั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่แทบจะสะท้อนไปบนร่างตามความเป็นจริง ถ้าเกิดร่างกายไม่แข็งแกร่งพอก็ยังคงโดนพลังโจมตีสายนี้สะเทือนจนอวัยวะภายในหรือว่ากระดูกได้รับความเสียหาย ดังนั้นจะผ่อนคลายเพราะเหตุผลนี้ไม่ได้เด็ดขาด
จากความคิดของหลิงหลาน ถ้าพวกเขาไม่โดนโจมตีได้ เช่นนั้นก็อย่าให้โดนโจมตีเลย ไม่อย่างนั้นโดนโจมตีทีเดียวก็นำพาอาการบาดเจ็บล้มตายมาได้
หลิงหลานเตือนพวกฉีหลงด้วยความจริงจัง หลายคนที่แต่เดิมตื่นเต้นเพราะว่าได้รับชุดเครื่องแบบต่อสู้ทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที รู้ว่าพวกเขารู้สึกผ่อนคลายเร็วเกินไป เป็นอย่างที่หลิงหลานเตือนไว้เลย ถึงแม้ว่าชุดเครื่องแบบต่อสู้เพิ่มอัตราการรอดชีวิตของพวกเขาได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทางพลาดเลย ทุกอย่างยังต้องอาศัยความสามารถของตัวพวกเขาเองพยายามเอาชีวิตรอดจากในกิจกรรมล่าสัตว์ที่โหดร้ายนี้
เมื่อทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว หลิงหลานก็เงยหน้ามองไปยังพระอาทิตย์ของที่นี่ ผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้วมันยังไม่เคลื่อนที่สักนิดเลย มันยังคงลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า
หลิงหลานหาทหารที่เข้าเวรในค่ายสักคนมาสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับดาวดวงนี้ ถึงค่อยรู้ว่าที่แท้ช่วงเวลาสับเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืนของที่นี่ไม่เหมือนกับระบบดาวเคราะห์ที่พวกเขาอาศัยอยู่ กลางวันจะมีหนึ่งร้อยยี่สิบชั่วโมง ส่วนกลางคืนก็เป็นเช่นเดียวกัน ทหารที่เข้าเวรบอกหลิงหลานว่า ขนาดของดาวดึกดำบรรพ์นี้ใหญ่มากเกินไปจริงๆ ดังนั้นจึงต้องการเวลามากมายขนาดนี้เพื่อหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบ
ส่วนเรื่องพวกเขาจะเตรียมตัวทานอาหารหรือนอนยังไงก็ต้องอาศัยการคลำหาตัดสินใจเอง ถึงยังไงความสามารถในการปรับตัวของแต่ละคนก็แตกต่างกัน เลือกเวลาพักผ่อนไม่เหมือนกัน
จากนั้นหลิงหลานก็ถามเวลาออกเดินทางไปล่าสัตว์ ก่อนจะโดนบอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังก็จะมีรถพาพวกเขาออกจากค่ายไปยังสถานที่ล่าสัตว์ หลิงหลานจึงตัดสินใจไปทำให้ท้องอิ่มก่อน ไม่อย่างนั้นพอท้องหิวก็จะไม่มีแรงไปล่าสัตว์
เธอเอ่ยถามเรื่องอาหารการกินของเหล่าลูกเสือแล้วก็รู้ว่าที่นี่มีโรงอาหารที่จัดหาอาหารให้กับสมาชิกในค่ายโดยเฉพาะ รับประทานอาหารด้านในได้ทุกเวลา แต่ว่าต้องใช้แต้มเครดิตไปซื้อ
หลิงหลานไม่ได้สอบถามต่อ เธอพาพวกฉีหลงไปที่โรงอาหารทันที เมื่อกลุ่มของอู่จย่งที่สังเกตการเคลื่อนไหวของเธอมาตลอดรู้แผนการของหลิงหลานเข้าก็ครุ่นคิดสักพักแล้วตัดสินใจตามหลิงหลานไปด้วยกัน
ทั้งสองทีมทานอาหารจานด่วนที่ธรรมดาและราคาถูกมากที่สุดในโรงอาหาร ทุกคนใช้เครดิตไปห้าสิบแต้ม หลิงหลานพบว่าทางค่ายไม่ได้ให้เวลาพวกเขาเตรียมตัวมากนักจริงๆ ถ้าหากสามวันให้หลังยังคิดวิธีหาเงินไม่ได้ละก็ พวกเขาก็ไม่มีอาหารการกินแล้ว….
ในขณะที่ทานอาหาร หานจี้จวินแนะนำให้ไปที่จุดแลกแต้มเครดิตก่อนเพื่อทำความเข้าใจวิธีการหาแต้มเครดิตว่าจะต้องทำยังไง เขาคิดว่าต้องเรียนรู้วิธีการแลกแต้มที่นี่ก่อนที่จะทำการล่าสัตว์ โดยเฉพาะการแลกแต้มของสัตว์อสูร อย่าให้เป็นแบบสังหารสัตว์อสูรตัวหนึ่งมาอย่างยากลำบาก ทว่ากลับมาแล้วดันแลกแต้มเครดิตอะไรไม่ได้ แบบนี้ก็ขาดทุนเกินไปแล้ว
หลิงหลานคิดว่ามีเหตุผลมาก ดังนั้นทุกคนจึงเร่งความเร็วในการทานให้มากขึ้นผ่านไปไม่กี่นาทีก็ทานอาหารเสร็จ จากนั้นก็รีบไปที่จุดแลกแต้มเครดิตและสอบถามวิธีการแลกแต้มเครดิตต่างๆ ก่อนจะพบว่าหนทางการหาแต้มที่เหลือไว้ให้ลูกเสืออย่างพวกเขานั้นมีเพียงการล่าสัตว์นี้เท่านั้น
ดูท่าทางค่ายเองก็กลัวว่าลูกเสือจะวางลำดับความสำคัญสลับกันมองข้ามเป้าหมายในการมาครั้งนี้ของพวกเขาไปเพียงเพื่อเอาชีวิตรอด ดังนั้นพวกเขาจึงกำหนดวิธีการแลกแต้มเครดิตของลูกเสือไว้ โชคดีที่ของบนตัวสัตว์อสูรที่พวกเขาล่าส่วนใหญ่ต่างก็มีราคามาก ขอเพียงทุกวันพวกเขาเก็บเกี่ยวมาได้ ย่อมไม่อดตายแน่นอน
หลิงหลานใช้เครดิตไปอีกหนึ่งร้อยแต้มเพื่อซื้อรายการสัตว์อสูรของดาวดวงนี้มาเก็บไว้ในอุปกรณ์สื่อสาร
ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะปวดใจกับหนึ่งร้อยแต้มนี้อยู่บ้าง แต่เธอคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะจ่ายมาก เนื่องจากข้อมูลของสัตว์อสูรบนรายการครบถ้วนมาก ลักษณะเด่นของร่างกาย วิธีการโจมตี จุดอ่อนจุดแข็งรวมไปถึงทักษะของพวกมันต่างบอกไว้ละเอียดมาก ไม่เพียงเท่านั้น ด้านบนยังระบุรายละเอียดราคาในการแลกเปลี่ยนของสัตว์อสูรต่างๆ ไว้ทั้งหมด เช่นนี้ตอนที่พวกเขาล่าสัตว์ก็สามารถเลือกสัตว์อสูรที่มีราคาแลกเปลี่ยนสูงได้ ถึงจะเสียเรี่ยวแรงเหมือนกัน แต่ก็ได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่า
หลังจากที่เตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว หลิงหลานค่อยพาลูกทีมมาที่จุดรวมตัวของลูกเสือ เนื่องจากลูกน้องของอู่จย่งไม่รู้แผนการของพวกหลิงหลาน ดังนั้นความเร็วในการทานอาหารของพวกเขาจึงค่อนข้างช้า เมื่อพวกเขาทานเสร็จแล้วออกมาก็หาเงาของทีมหลิงหลานไม่เจอแล้ว ทำได้แค่กลับไปยังจุดรวมตัวด้วยความหงุดหงิด ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงมาถึงก่อน
ผ่านไปไม่นาน ทหารร่างกำยำคนหนึ่งพานำคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา เขามองบรรดาเด็กตัวน้อยๆ เบื้องหน้าก็หัวเราะแหะๆ พลางกล่าวว่า “ไฮ! พวกหนูน้อยที่น่ารัก ฉันคือหัวหน้าทีมปฏิบัติการของพวกเธอในครั้งนี้ รบกวนเรียกฉันตรงๆ ว่าหัวหน้านะ”
เมื่อเห็นบรรดาลูกเสือพุ่งความสนใจมาที่ร่างตน เขาค่อยเอ่ยเตือนต่อว่า “อีกเดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอไปยังสถานที่ล่าสัตว์ จำไว้ว่าต้องฟังคำสั่งจากฉัน อย่าเคลื่อนไหวโดยพลการ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดตายอยู่ข้างนอกขึ้นมา อย่าโทษว่าฉันไม่ได้เตือนพวกเธอนะ”
คำพูดของนายทหารทำให้หัวใจของเหล่าลูกเสือกระดอนขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วพวกเธอมีทีมกันหรือเปล่า? หัวหน้าทีมยกมือขึ้นมาให้ฉันหน่อย” นายทหารเอ่ยปากถามอีกครั้ง
ในหมู่ลูกเสือรวมไปถึงหลิงหลานมีมือน้อยๆ หกมือชูขึ้นมาอย่างบางตา นายทหารขมวดคิ้ว เขาไม่นึกเลยว่าลูกเสือรุ่นนี้จะตั้งทีมขึ้นมาเองน้อยขนาดนั้น เดิมทีเขายังนึกว่าถ้ามีทีมแล้ว เวลาร่วมมือก็จะค่อนข้างรู้ใจกัน เมื่อล่าสัตว์ก็จะค่อนข้างปลอดภัยมาก ตอนนี้ดูแล้วสถานการณ์ไม่ได้ดีเหมือนที่เขาจินตนาการไว้
เขาชูมือขวาตะโกนด้วยความจนใจว่า “คนที่มีทีม หัวหน้าทีมพาลูกทีมมาที่ขวามือของฉัน หัวหน้ายืนอยู่หน้าสุด ทุกทีมยืนเข้าแถว”
พวกหลิงหลานมาที่ข้างกายนายทหารอย่างรวดเร็ว หัวหน้าทีมเปลือกนอกของทีมหลิงหลานคือฉีหลง หลังจากที่ทั้งหกทีมยืนเป็นหกแถวแล้ว ก็พบว่าทีมหลิงหลานซึ่งมีอยู่ห้าคนนั้น เป็นหนึ่งในทีมที่มีจำนวนสมาชิกเยอะมากที่สุด ส่วนทีมอื่นๆ ก็มีสี่คน หรือไม่ก็สามคน ถึงขนาดที่มีทีมหนึ่งมีคนแค่สองคนเท่านั้น
………………………………………………………….
[1] หมายถึง อาวุธที่ใช้พวกระเบิดหรือดินปืน