ตอนที่ 237 เชิดเงินหนี! + ตอนที่ 238 ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 237 เชิดเงินหนี!

“ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสี่ ราคาสี่แสนสองหมื่นแปดพันทองขอรับ” เจ้าของร้านพูดอยู่ข้างๆ หลังจากมองสองคนแวบหนึ่ง ก็ถามว่า “ไม่รู้คุณชายอยากจะหาอุปกรณ์วิญญาณประเภทไหนรึ? ข้าช่วยคุณชายแนะนำได้นะขอรับ”

ได้ยินราคานั้น เฟิ่งจิ่วดึงสายตากลับมาทันที มองไปที่เจ้าของร้าน บอกว่า “ข้าต้องการซื้อพวกแท่งเหล็กทอง ไม่ทราบว่าพวกเจ้าที่นี่มีหรือไม่?”

“มีขอรับ คุณชายโปรดรอสักครู่” เจ้าของร้านเรียกคนมา ออกคำสั่งไป ไม่นานนัก คนคนนั้นก็หยิบแท่งเหล็กทองชิ้นใหญ่มา

“คุณชาย พวกนี้ท่านว่าพอหรือไม่? หากไม่ด้านหลังยังมีอีกขอรับ”

“ขายยังไงรึ?” เธอพินิจมองแท่งเหล็กทอง เห็นว่ามันไม่ต่างอะไรกับเหล็กทั่วไปเลย

เจ้าของร้านพูดยิ้มๆ “เหอะๆ มันไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร ชิ้นใหญ่นี้แค่สิบทองก็พอขอรับ”

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเดินมาข้างๆ กดเสียงเบาลงถามว่า “ท่านอา ของนี่ถูกต้องหรือไม่?”

หลิงโม่หานเหลือบมองนาง ถามว่า “เจ้าคิดจะซื้อเจ้านี่กลับไปศึกษาการหลอมอุปกรณ์รึ?”

“ใช่ขอรับ! เดิมข้าจะซื้อเตาปรุงยา แต่มันแพงเกินไป ข้าซื้อไม่ไหว ดังนั้นจึงอยากลองเรียนรู้ด้วยตัวเอง ว่าจะสามารถหลอมเตาปรุงยาออกมาใช้ได้หรือไม่ เป็นยังไง? ความคิดข้านี้ไม่เลวเลยใช่ไหมขอรับ?”

เห็นท่าทางนางภูมิอกภูมิใจ เขาก็แอบส่ายหน้ากับตัวเอง มายังข้างตู้หน้าร้าน ชี้ที่เตาปรุงยาใบหนึ่งด้านใน บอกกับเจ้าของร้านว่า “หยิบเจ้านี่ออกมาให้นาง”

“เหอะๆ ได้ขอรับ” เจ้าของร้านยิ้มขานรับ กำลังจะหยิบเตาปรุงยาใบนั้น ก็ได้ยินเสียงหนุ่มน้อยชุดแดงลอยมา

“ไม่ต้อง ข้าจะซื้อกลับไปเรียนหลอมอุปกรณ์ ไม่เชื่อหรอกว่าจะหลอมออกมาไม่ได้”

เจ้าของร้านผู้นั้นยิ้มๆ บอกว่า “เหอะๆ หลอมอุปกรณ์ไม่ใช่เรื่องที่พูดกันได้ง่ายดายเพียงนั้น อยากจะหลอมเตาปรุงยาระดับสี่ หากไม่มีประสบการณ์เป็นสิบปีก็หลอมออกมาไม่ได้หรอกขอรับ”

เฟิ่งจิ่วสะอึก ชำเลืองมองตัวอักษรด้านล่างเตาปรุงยาใบนั้น ‘อุปกรณ์วิญญาณหนึ่งชิ้น ราคา สองล้านแปดแสนทอง’

“ท่านอา เจ้านี่แพงถึงเพียงนี้ ข้าซื้อไม่ไหวนะขอรับ”

แววลึกล้ำมองผ่านบนร่างนาง เอ่ยว่า “หอร้อยทรัพย์นี้สามารถใช้สิ่งของแลกเปลี่ยนได้”

“ต่อให้ใช้สิ่งของแลกเปลี่ยนข้าก็ไม่มีของมีค่าอะไรที่แลกได้ แต่ว่า ท่านอา ข้าขอปรึกษาหน่อยขอรับ”

เธอขยับเข้าใกล้ข้างกายเขา กดน้ำเสียงเบาลง พูดด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม “พวกเราคุ้นเคยกันเพียงนี้ ให้ข้ายืมหน่อยได้หรือไม่?”

เห็นใบหน้าละอ่อนออดอ้อนเข้ามาใกล้อยู่ตรงหน้า หัวใจเขาก็เต้นแรง หลับตาลงทั้งเลือดลมปั่นป่วนเล็กน้อย ฝืนอดกลั้นตัวเองไว้ถึงจะหักห้ามซึ่งแรงกระตุ้นที่อยากจะโอบกอดนางได้ น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเล็กน้อยในยามนี้

“ยืมข้าได้ แต่ต้องมีดอกเบี้ยนะ”

เห็นท่าทางเพียงชั่วขณะนั้นของเขาเสียเต็มตา แววตาเฟิ่งจิ่วก็ฉายแววน้อยๆ เอ่ยยิ้มๆ “ดอกเบี้ยก็ดอกเบี้ย”

ดังนั้น สุดท้ายหลังเฟิ่งจิ่วหยิบป้ายผลึกสีม่วงที่เขาให้มาซื้อแล้วเก็บข้าวของกองใหญ่เข้าห้วงมิติ รอยยิ้มตรงมุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่อาจหักห้ามไม่ว่ายังไง

“ท่านอา พวกเราไปกันเถอะ!” เธอพูดพลางเชิดใบหน้าประดับยิ้มขึ้น ทว่า เวลาต่อมา สีหน้ากลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ซี๊ด!”

เห็นนางกุมท้องทั้งสีหน้าดูไม่ได้นิดหน่อย เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ ถามว่า “เป็นอะไรรึ?”

“ท้องข้า… ปวด!”

เธอนิ่วหน้าด้วยสีหน้าดูไม่ดีนัก มองไปที่เจ้าของร้าน “เจ้าของร้าน พวกเจ้าที่นี่มีห้องสุขาหรือไม่?”

เจ้าของร้านนิ่งอึ้งสักพัก จากนั้นค่อยพยักหน้า “มีขอรับ อยู่ด้านหลัง”

เธอมองที่หลิงโม่หาน บอกพร้อมนิ่วหน้า “ท่านอา เดาว่าเมื่อครู่ข้าคงกินเสียจนท้องเสีย ข้าไปเข้าห้องสุขา ท่านรอข้าอยู่ตรงนี้สักครู่ได้หรือไม่ขอรับ?”

“ไปเถอะ!” หลิงโม่หานพูดจบก็เห็นนางวิ่งไปด้านหลัง

จนกระทั่งเขาที่กำลังรอเป็นเวลาเกือบหนึ่งก้านธูปก็ไม่เห็นนางกลับมา เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงพุ่งไปด้านหลังทันที…

………………………………………………….

ตอนที่ 238 ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เห็นห้องสุขาที่ว่างเปล่า สีหน้าหลิงโม่หานก็ทะมึนขึ้นมา แววตาลึกล้ำหรี่ลง มีกลิ่นอายอันตรายอยู่บางส่วน

“ดี! ดีมาก! นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะหนีไปภายใต้สายตาของข้า ช่างกล้าไม่น้อยเลย!”

น้ำเสียงนั้น มีความขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่บ้าง

คิดๆ แล้วก็ใช่ เขาปรากฏตัวด้วยตัวตนหลิงโม่หาน ใครจะรู้ว่านี่ยังไม่ถึงครึ่งวัน ไม่นึกเลยว่านางจะมองออกถึงสิ่งผิดปกติ โดนเชิดเงินไปคิดว่าไม่เท่าไหร่ ปัญหาคือ สาวน้อยคนนั้นหนีไปอย่างคาดไม่ถึงอีกแล้ว!

เขาลูบๆ เคราตรงคางทั้งใบหน้าหม่นหมอง นางจำเขาได้ยังไงกันแน่? แล้วจำได้ตั้งแต่เมื่อไร่?

หรือว่า ในขณะที่เขาวางแผนปรากฏตัวด้วยตัวตนหลิงโม่หาน นางก็วางแผนซ้อนแผนไว้แล้ว?

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่กลับถึงโรงเตี๊ยมนอนลงบนเตียงทันที ตบๆ หน้าอกถอนหายใจเบาๆ แม้จะกลับมาโรงเตี๊ยมและปิดตัวอยู่ในห้องปีก หัวใจยังคงเต้นแรงตึกตัก

จะตื่นเต้นเกินไปแล้ว!

ไม่นึกเลยว่าท่านอาจะเป็นเจ้าตำหนักยมราช! และยิ่งนึกไม่ถึงว่าเธอจะส่งตัวเองไปติดกับ! โชคดีที่รู้ทันซ้ำยังเผ่นหนีมาได้ ไม่งั้นรับประกันว่าเธอต้องตกอยู่ในเงื้อมมือเขาแน่!

ก็ว่าสิ! รูปร่างทั้งสองคนจะคล้ายกันเช่นนั้นได้อย่างไร? แม้แต่คิ้วกับดวงตายังเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน หนำซ้ำก่อนหน้านี้เจ้าตำหนักยมราชมาปรากฏตัวในเมืองลิ่วเต้า ท่านอาคนนี้ก็โผล่มาที่นี่ด้วย

หอโอสถของเจ้าตำหนักยมราชกำลังศึกษายาแก้พิษเหมันต์พันปี ในตัวท่านอาก็มีพิษเหมันต์พันปี ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน หากเธอไม่โต้ตอบเดาว่าคงได้กลายเป็นคนโง่จริงๆ

“ไม่ได้การล่ะ คงอยู่เมืองลิ่วเต้านี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้ของก็ซื้อมาเกือบครบ ไปหาเหลิ่งซวงที่ตลาดมืดก่อนดีกว่าค่อยว่ากัน”

เธอพลิกตัวผุดลุกขึ้นจากเตียง เดินมารินน้ำดื่มข้างโต๊ะ ถึงจะลงตึกมาจ่ายค่าห้องกับเจ้าของร้าน จากนั้นค่อยมายังคอกม้าด้านหลังตามการนำทางของเจ้าของร้าน ใครจะรู้…

“นี่ม้าข้ารึ?”

เฟิ่งจิ่วมองม้าสีขาวที่เจ้าของร้านจูงออกมา เลิกคิ้วเบาๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มกลับมาไม่ถึงนัยน์ตา

เจ้าของร้านตกใจ ถามว่า “หรือนี่ไม่ใช่ม้าของคุณชาย? ข้าได้ยินเสี่ยวเอ้อร์บอกว่าม้าคุณชายสีขาว ที่นี่ก็มีแค่ม้าสีขาวตัวนี้ตัวเดียวนะขอรับ!”

“แล้วเสี่ยวเอ้อร์ล่ะ?”

“เขาลาออกไปเมื่อเช้านี้…” พูดถึงตรงนี้ เจ้าของร้านก็เปลี่ยนสีหน้า “หรือว่าเขาสับเปลี่ยนขโมยม้าของคุณชาย?”

“ม้ารึ? เหอะ!”

เฟิ่งจิ่วยิ้มเยือกเย็น “ม้าของข้าเป็นสัตว์วิญญาณ ไม่ใช่ม้าธรรมดา”

พอตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา เจ้าของร้านก็รีบร้อนบอกว่า “ขออภัยจริงๆ ขอรับ คุณชายเข้ามาพักที่นี่ไม่ควรเกิดเรื่องเช่นนี้ เป็นความผิดพลาดในการจัดการของพวกเรา คุณชายรออีกสักครู่ ข้าจะรีบให้คนไปตามหาที่บ้านเสี่ยวเอ้อร์คนนั้นเดี๋ยวนี้ เขาเพิ่งลาออกไปเมื่อเช้า ตอนนี้คงยังอยู่ที่บ้าน”

เห็นว่าเจ้าของร้านไม่รู้เรื่องรู้ราว สีหน้าเธอถึงจะใจเย็นลง บอกว่า “ให้คนพาข้าไปเถอะ!”

เจ้าของร้านเร่งรีบขานรับ กำชับคนให้คอยดูแลโรงเตี๊ยม ส่วนเขาก็พาเฟิ่งจิ่วไปที่บ้านเสี่ยวเอ้อร์คนนั้นด้วยตัวเอง แต่ว่า บนถนนใหญ่พวกเขาเห็นเสี่ยวเอ้อร์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกำลังเดินเลี้ยวเข้าไปในตรอก

“เป็นเขา! เขาอยู่ตรงนั้น!” เจ้าของร้านชี้ เพิ่งพูดจบ ก็เห็นเงาร่างสีแดงข้างกายแวบไปทางด้านหน้า เห็นเช่นนี้ เขาจึงรีบร้อนตามไป

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อฮุยหลางกับอิ่งอีเห็นนายท่านพวกเขากลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก รู้สึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้

สองคนมองหน้ากันแวบหนึ่ง ฮุยหลางชะงักไปสักพัก เอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “นายท่าน ภูตหมอล่ะขอรับ? ทำไมไม่พาเขากลับมาด้วย?”

………………………………………………….