เวลาถูกจับจุดอ่อน ต่อให้เป็นผู้ชายที่เก่งแค่ไหนก็เชื่อฟังทันที
“เสียวเหม่ย เบาๆหน่อย เดี๋ยวใช้งานไม่ได้ความสุขของคุณจะลดลงนะ”
“ฉันจะบอกนายนะอวี๋เสี่ยวเฉียง ร่างกายของนายทั้งท่อนบนและล่างเป็นของฉันคนเดียว เรื่องความรักฉันไม่แก่งแย่งกับใครทั้งนั้น เมียหลวงตบเมียน้อยเรื่องแบบนั้นฉันไม่ลดตัวลงไปทำ นายอยากจะหนีไปกับใครก็เชิญ ฉันไม่ห้าม”
ใช้น้ำเสียงราบเรียบทำเรื่องที่อันตรายได้มีแต่เธอเท่านั้น
อวี๋หมิงหลางไม่กล้าขยับ และก็ไม่มีทางโง่เชื่อคำพูดเธอแน่นอน
ปากบอกไม่ห้ามแต่จับไม่ปล่อยเลยนะ
“ไม่หนีจ้ะไม่หนี เสียวเหม่ยของผมสุดยอดที่สุดแล้ว พี่คนนี้ตัวติดหนึบ ไม่มีทางไปไหนทั้งนั้น”
“อย่าฝืนน่า” เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ไม่ฝืน ผมยืนยัน…เสียวเหม่ย คุณไม่คิดว่ามืออยู่ผิดที่เหรอ…น้องชายก็ยืนยันคำตอบไปแล้ว เห็นไหมว่ามันหนักแน่นแค่ไหน”
“ลีลาเอาคืนไม่ได้ไม่เป็นไร งั้นฉันยึดเครื่องมือของกลางก็ได้”
อวี๋หมิงหลางทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ทำสีหน้าเจ็บปวด
“โอ๊ย~”
เสี่ยวเชี่ยนตกใจรีบปล่อยมือ เธอไม่ได้ออกแรงเลยนะ ไม่ขนาดนั้นมั้ง?
“แย่แล้ว…ละเอียดแล้วแน่เลย…อ๊าก…กระดูกหักหรือเปล่าเนี่ย”
ตรงนั้นกระดูกหักได้ด้วยเหรอ? ขนาดคนไอคิวระดับเสี่ยวเชี่ยนยังถูกเขาหลอกได้ ประเด็นคือสีหน้าของอวี๋หมิงหลางดูเจ็บปวดมาก
“นายโอเคใช่ไหม?”
“แย่แล้ว ลูกเชี่ยนคุณเคยไปฝึกมาใช่ไหม ผมรู้สึกเหมือนถูกตอนเลย ไม่เชื่อลองเป่าดูสิ~~”
เป่าสิเป่า…ฮี่ๆ
เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจทันที เธอโดนไอ้บ้านี่หลอกอีกแล้ว
แต่มาเข้าใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เขาแยกขาเธอออก ทำหน้าน่าสงสาร แต่การกระทำกลับโหดสุดๆ
“เพื่อพรุ่งนี้ที่สวยงามของพวกเรา ผมลองใช้ดูหน่อยดีกว่า เกิดมันเสียไปจะทำยังไง”
“ออก ไป”
“เด็กโง่ เชิญเทพมาน่ะง่ายแต่จะให้กลับน่ะยาก เข้ามาแล้วก็อย่าคิดจะออกไป”
จากนั้นเวลาแห่งการทดลองก็มาถึง หยาดเหงื่อไหลลงดุจไข่มุก น้ำในอ่างหมุนวนดั่งดอกไม้บาน มีเงินทองหรือจะซื้อช่วงเวลาในตอนนี้ได้…
เสี่ยวเชี่ยนถูกฝันร้ายรังควานมานาน นี่เป็นคืนแรกที่หลับยันสว่างโดยไม่ฝัน
เสี่ยวเชี่ยนตื่นขึ้นมาด้วยเสียงริงโทนโทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือในยุคสมัยนี้สามารถใช้เพลงMP3ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าได้แล้ว เพลงพบกันของซุนเยี่ยนจือดังขึ้นในห้องครั้งแล้วครั้งเล่า เสี่ยวเชี่ยนเพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์เมื่อต้นปี กล้องความละเอียด1.3ล้านพิกเซล ถือว่าดีสุดในตอนนี้แล้ว รูปแม่ที่โชว์อยู่บนหน้าจอกระพริบไปมา
เสี่ยวเชี่ยนคลุมชุดนอนพลางหาวออกมาแล้วหยิบโทรศัพท์เดินออกจากห้องนอน เธอใช้สายตาตามหาร่องรอยของเขา แต่จมูกได้รับสารไวกว่าดวงตา เขากำลังปลุกปล้ำกับแป้งทำอาหารอยู่ในครัว ดูท่าเขาคิดจะห่อเกี๊ยว
เสี่ยวเชี่ยนนั่งลงตรงข้ามกับเขา เธอไขว่ห้างคุยโทรศัพท์กับแม่ ชุดนอนกระโปรงสีแดงเข้มบังขาขาวๆไม่มิด ดึงดูดสายตาของเขา นี่ถ้าไม่ติดว่ามือเลอะแป้งเขายังอยากจะเข้าไปลูบสักหน่อย
“มีอะไรเหรอแม่?”
“แกติดต่อหมิงหลางได้ไหม?”
เสียงของเจี่ยซิ่วฟางดังลอดมาตามสาย เธอกับพ่อเลี่ยวตกล่องปล่องชิ้นอย่างเป็นทางการไปเมื่อหนึ่งปีก่อน เดิมเสี่ยวเชี่ยนคิดว่าบัตรฟิตเนสที่เธอไปสมัครไว้จะทำให้แม่ผอมลง ปรากฏว่ากลับถูกพ่อเลี่ยวขุนเสียจนตัวกลมหนักกว่าเดิม
เจี่ยซิ่วฟางเองก็ออกกำลัง เล่นโยคะ แต่น้ำหนักก็ไม่ลด แค่ดูเป็นคนอ้วนแบบมีสุขภาพดี เสี่ยวเชี่ยนสงสัยว่าเป็นเพราะพ่อเลี่ยวชอบทำของอร่อยเลี้ยงแม่เธอให้อ้วน
“หมิงหลางเหรอ? ได้สิ มีอะไรหรือเปล่า?” เสี่ยวเชี่ยนเหลือบมองอวี๋หมิงหลาง เขาพอได้ยินชื่อตัวเองก็เงยหน้าขึ้นมาจ้อง เสี่ยวเชี่ยนฉวยโอกาสเอานิ้วจิ้มแป้งป้ายจมูกเขา เลยถูกเขางับนิ้วไม่ยอมปล่อย
เจี่ยซิ่วฟางไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่ตัวเองตามหากำลังเล่นอยู่กับลูกสาวที่กำลังคุยโทรศัพท์ เธอจึงบ่นให้ลูกสาวฟัง
“หมิงหลางนี่นะ เวลาต้องการเรียกใช้ล่ะหาตัวไม่เจอ โทรไปที่หน่วยก็บอกว่าเขาได้หยุดครึ่งเดือน โทรเข้ามือถือก็ไม่ติด ฉันล่ะร้อนใจจริงๆ…”
“นายได้หยุดครึ่งเดือนเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถามอวี๋หมิงหลาง เขายักไหล่ เสี่ยวเชี่ยนจึงถลึงตาใส่ เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยคิดบัญชี
“แม่ ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ไม่ได้เกิดเรื่องหรอก ก็น้องแกจะสอบเข้ามหาลัยแล้วไม่ใช่เหรอไง? คะแนนจำลองการสอบครั้งที่สามออกมาแล้วได้250 ทำไงดี จะไปเข้าที่ไหนได้ ฉันโมโหจนความดันขึ้นแล้วเนี่ย พี่ชายของพวกแกก็พูดไม่ออก ฉันล่ะเป็นงง พี่ชายเป็นดอกเตอร์ติวน้องชายตัวต่อตัว ทำไมถึงได้แค่250? ไม่ได้การ แกลองถามหมิงหลางให้หน่อยว่าว่างไหม ให้เขามาช่วยติวน้องแกให้หน่อย”
“อย่านะ อย่าเด็ดขาด หมิงหลางไม่มีเวลาหรอกแม่” เสี่ยวเชี่ยนรีบปฏิเสธ
อวี๋หมิงหลางกำลังจะพูดว่าว่าง แต่เสี่ยวเชี่ยนปิดปากเขาไม่ให้พูด
เจี่ยซิ่วฟางพอพูดถึงลูกชายก็กลุ้มใจ ลูกสาวเรียนข้ามชั้นไปต่อปริญญาโทได้อย่างราบรื่น แล้วทำไมลูกชายถึงได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยยากเย็นแบบนี้?
“ฟู่กุ้ยไม่ไหวเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถามด้วยความสะใจเล็กๆ
“อย่าพูดถึงเลย พอคะแนนจำลองการสอบครั้งที่สามออกมาพี่เลี่ยวของพวกแกก็ไม่ไหวแล้ว สองวันมานี้กินข้าวไม่ลงน้ำลายบูดแล้วมั้งนั่น ฉันซื้อยาแก้ร้อนในมาให้ก็ไม่ได้ผล ฉันว่าเขาคงช็อกหนักน่ะ”
สามารถทำให้ดอกเตอร์ถึงกับสงสัยในวิชาของตัวเอง น้องเฉินจื่อหลงนี่ผลงานดีไม่เบา
“แม่ เราต้องเผชิญกับความจริงนะ ปล่อยไปเถอะ ต้าหลงไม่ถนัดเรียนหนังสือ ฟู่กุ้ยยังติวไม่รอดเลย ให้ใครไปติวก็เหมือนกัน จำลองการสอบนั่นง่ายสุดแล้วนะ จุดประสงค์ก็เพื่อให้นักเรียนมีความมั่นใจ ต้าหลงได้แค่250…อุ๊บ”
แล้วจะไปหาความมั่นใจได้จากไหน นี่มันเป็นการโจมตีความมั่นใจของนายเลี่ยวฟู่กุ้ยอย่างหนักหน่วงเลยนะ
เสี่ยวเชี่ยนคิดในใจ มิน่าช่วงนี้เลี่ยวฟู่กุ้ยไม่หางานให้เธอทำแล้ว ที่แท้ก็ฝีมือเฉินจื่อหลง
หลังจากที่เจี่ยซิ่วฟางแต่งกับพ่อเลี่ยวแล้ว สองครอบครัวก็ไปอยู่ด้วยกัน เจี่ยซิ่วฟางมีความสุขสุดๆ ไม่เพียงแต่พ่อเลี่ยวจะดูแลดียิ่งกว่าเดิม ยังมีดอกเตอร์อย่างเลี่ยวฟู่กุ้ยอยู่ด้วย เรื่องเรียนของจื่อหลงมีทางรอดแล้ว
เลี่ยวฟู่กุ้ยเป็นคนจริงจัง ทุกวันหลังเลิกงานกลับมาบ้านติวหนังสือให้เฉินจื่อหลงอย่างยากลำบาก ปรากฏว่าสอบออกมาได้แค่ 250 คะแนน บาดแผลในใจของดอกเตอร์เลี่ยวจะใหญ่ขนาดไหนยากที่จะคาดเดา
เจี่ยซิ่วฟางไม่มีทางเลือกแล้วถึงได้นึกถึงลูกเขยผู้เก่งรอบด้าน
“เชี่ยนเอ๋อ แกไปคุยกับหมิงหลางให้หน่อยสิ ให้เขาช่วยหาวิธีหน่อย น้องชายแกทำตัวเหมือนไม่สะทกสะท้าน สอบได้250คะแนนเล่นเอาฉันกับอาเลี่ยวของแกร้อนใจจนจะเป็นบ้า แต่น้องแกกลับทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร กินได้นอนหลับสนิท เมื่อคืนฉันโกรธจนวิ่งไปที่ห้องน้องแก เห็นมันนอนหลับอย่างกับหมูตายเลยหยิกหูมันขึ้นมา ลูกคนนี้มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
“เดี๋ยวนะแม่—ดึกๆดื่นๆแม่ไปที่ห้องต้าหลงแล้วหยิกหูน้องขึ้นมาเนี่ยนะ?”
อุ๊บ อวี๋หมิงหลางกลั้นไม่อยู่ มันเห็นภาพมาก
ยามค่ำคืน น้องเมียที่กำลังนอนหลับฝันหวานอยู่ๆก็ถูกทำให้ตื่นขึ้น พอลืมตาก็เห็นใบหน้าอวบอ้วนสีหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงหน้ากำลังจ้องมาที่เขาท่ามกลางความมืด
ฮ่าๆๆๆ
เสี่ยวเชี่ยนเองก็กลั้นขำไม่ไหว นี่แม่ผ่านวัยทองไปแล้วนะยังจะเป็นแบบนี้อีก