ตอนที่ 87 เจ้าเก่าหวนคืน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 87 เจ้าเก่าหวนคืน

เว่ยอี๋เหนียงได้ฟังคำถามของฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกถึงความมิพอใจในน้ำเสียงจึงรีบคุกเข่าลงแล้วอธิบายออกไป “ขอท่านแม่โปรดให้อภัยข้าด้วยเถิด มิใช่ว่าข้ามิเคารพต่อท่านจนสวมชุดเก่าเยี่ยงนี้มา ความจริง…ความจริงแล้ว…ชุดใหม่สำหรับฤดูใบไม้ผลิยังทำมิเสร็จ ข้าจึงต้องสวมชุดเก่าเยี่ยงนี้มาก่อนเจ้าค่ะ”

แม้ว่าชุดใหม่ของฤดูใบไม้ผลิยังทำมิเสร็จ แต่ก็คงมิตกต่ำถึงขั้นต้องสวมชุดเก่ามาหรอก

เมื่อได้ฟังคำกล่าวของเว่ยอี๋เหนียงก็เป็นเหตุให้ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเคร่งขรึม “ข้ามองชุดของเจ้าก็พบว่านี่เป็นชุดเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว หรือว่าสามสี่ปีมานี้เจ้ามิมีชุดใหม่เลยหรือ ? “

“เรียนท่านแม่ ข้าเคยส่งคนไปถามเรื่องชุดใหม่แล้ว เพียงแต่แม่นมของหลี่อี๋เหนียงเอาแต่ผลัดวัน บอกเหตุผลว่าในจวนมีเรื่องมากมาย หลี่อี๋เหนียงยุ่งเหลือเกินจึงให้ข้ารอคำตอบอยู่ที่เรือน จากนั้นก็มิมีข่าวคราวอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าค่ะ “

เว่ยอี๋เหนียงยิ่งพูดยิ่งเศร้าใจที่ถูกหลี่ซื่อกระทำมาตลอดหลายปี เมื่อเรื่องราวก่อนหน้านี้หลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำก็ยิ่งเจ็บปวด

สาวใช้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าให้ไปเชิญเว่ยอี๋เหนียงเมื่อครู่เห็นท่าทีของเว่ยอี๋เหนียงและแววตาที่แปลกใจของฮูหยินผู้เฒ่า นางก็รีบกระซิบฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ครู่หนึ่ง

พอได้ยินว่าเว่ยอี๋เหนียงเอาเหรียญทองแดงมิกี่เหรียญมอบเป็นรางวัลแก่สาวใช้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกทั้งโมโหและอยากหัวเราะในเวลาเดียวกัน

นางมิอยู่จวนมาหลายปี หลี่ซื่อช่างกล้าทารุณเว่ยอี๋เหนียงเพียงนี้เชียวหรือ คงคิดว่าน้องสาวเป็นหลี่กุ้ยเฟยแล้วมีอำนาจใหญ่โตคับฟ้าเยี่ยงนั้นหรือ ?

“เจ้าไปเรียกหลี่ซื่อมา ข้าจักดูว่านางยุ่งมากเพียงใดชุดของเว่ยอี๋เหนียงจึงทำแล้วสามปีมิเสร็จ คนเยี่ยงนี้จักเป็นผู้นำตระกูลนี้ได้หรือ?”

สาวใช้รับคำสั่งฮูหยินผู้เฒ่าแล้วถอยออกไป มิเกินครึ่งชั่วยามก็พาหลี่ซื่อมาถึงเรือนฮูหยินผู้เฒ่า

หลี่ซื่อดูแลจวนโหวมานานหลายปีจึงมีสายสืบอยู่มิน้อย เมื่อยังเดินมิถึงเรือนชิงเฟิงก็รู้ต้นต่อของเรื่องนี้แล้ว นางจึงนำตัวแม่นมข้างกายตนมาด้วย

เมื่อเดินเข้าเรือนมาก็เห็นใบหน้าที่เฉยชาของฮูหยินผู้เฒ่า แววตาราวกับมีดคมที่กำลังพุ่งเข้ามาทิ่มใบหน้าของนาง

“หลี่ซื่อ เว่ยซื่อบอกว่าชุดของนางสามสี่ปีก็ยังทำมิเสร็จ มีเรื่องเยี่ยงนี้ด้วยหรือ ? “

“มีเรื่องเยี่ยงนี้ด้วยหรือเจ้าคะ ข้ามิเคยรู้เรื่องนี้เลยเจ้าคะ ? ” หลี่ซื่อจับผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาป้องปาก ทำหน้าราวกับมิเคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อน “ข้ามิเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย ท่านแม่เข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ ? “

เมื่อได้ฟังหลี่ซื่อกล่าวด้วยใบหน้าใสซื่อ มุมปากของฮูหยินผู้เฒ่าก็หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกแล้วจ้องไปยังชุดของเว่ยอี๋เหนียง “เจ้าลองดูชุดที่เว่ยซื่อสวมในวันนี้เสียก่อน ครึ่งตัวเป็นเสื้อผ้าเก่า นี่เป็นชุดดีสุดที่นางสามารถหามาสวมใส่ได้แล้ว หลายปีมานี้ชุดที่จวนมอบให้นางหายไปไหนหมด ? “

หลี่ซื่อหันไปมองเว่ยอี๋เหนียงแล้วคิดว่าตีให้ตายนางก็มิยอมรับว่าทราบเรื่องนี้อย่างแน่นอน “ท่านแม่ ข้าดูแลจวนโหวย่อมรู้กฎและมารยาทอยู่แล้ว ชุดตามฤดูกาลของเว่ยซื่อได้สั่งคนทำให้เรียบร้อยแล้วจากนั้นก็ส่งไปให้ตามลำดับ จึงเป็นไปมิได้ว่านางจักไร้เสื้อผ้าชุดใหม่สวมใส่เจ้าค่ะ”

“เยี่ยงนั้นหรือ เจ้าคิดเยี่ยงไรที่นางก็เป็นอี๋เหนียงคนหนึ่ง ทว่าในเรือนใช้ถ้วยชาชำรุด เหตุใดนางยังมิเปลี่ยนใบใหม่ มองแล้วมิเหมือนอี๋เหนียงในจวนโหว แม้กระทั่งสาวใช้ที่มีตำแหน่งขึ้นมาบ้างยังใช้ชีวิตดีกว่านางเสียอีก”

ฮูหยินผู้เฒ่ามิอาจถูกหลี่ซื่อหลอกได้จึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพื่อจักได้จัดการสั่งสอนนางเสียที

เมื่อได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเยี่ยงนี้ ใบหน้างดงามก็เริ่มแสดงให้เห็นความกังวล “ท่านแม่คงมิทราบว่าในจวนนี้ใครขาดเหลือหรือของอันใดชำรุดก็ต้องให้สาวใช้มารายงาน ผู้ที่ดูแลเรื่องนี้ของเว่ยอี๋เหนียงมิรายงานเอง หรือข้าต้องส่งคนไปที่เรือนของนางโดยเฉพาะเพื่อดูว่านางขาดเหลืออันใดหรือเจ้าคะ ? “

คำกล่าวที่หลบเลี่ยงความผิดเยี่ยงนี้ช่างกล่าวออกมาได้ราบรื่นจนฮูหยินผู้เฒ่าทั้งโกรธและยิ้มเยาะ “ที่เจ้ากล่าวมานี้ จักให้ข้าคิดว่าเจ้ามิรู้อันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหรือ ? “

“เรื่องของเว่ยซื่อ ข้ามิรู้มากจึงขอท่านแม่อภัยด้วยเจ้าค่ะ” หลี่ซื่อก้มหน้าอย่างนอบน้อม ทว่าในแววตาเต็มไปด้วยความย่ามใจ

หลายปีที่ผ่านมานี้นางตัดค่าอาหาร เสื้อผ้าและเบี้ยประจำเดือนของเว่ยอี๋เหนียง เดิมทีคิดว่าคนผู้นี้จักเหมือนเต่าหดหัวมุดอยู่แต่ในเรือนเพียนอย่างยากลำบาก แต่ใครจักคาดคิดว่าเรื่องนี้ได้มาถึงหูของฮูหยินผู้เฒ่า

เป็นเช่นนั้นแล้วจักทำอันใดได้เล่า มิว่าเว่ยอี๋เหนียงจักฟ้องฮูหยินผู้เฒ่าเยี่ยงไร นางก็สามารถกล่าวพลิกดำเป็นขาวได้ เว่ยอี๋เหนียงมิสามารถทำอันใดนางได้อย่างแน่นอน

หลี่ซื่อกำลังครุ่นคิดเช่นนี้อยู่ พลันเสียงเข้มของฮูหยินผู้เฒ่าก็ดังขึ้น “ท่านโหวมอบจวนให้เจ้าดูแลก็เพราะเชื่อในความสามารถและนิสัยของเจ้า วันนี้มองแล้วท่านโหวคงจักตามิถึงเป็นแน่”

ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกมา ใบหน้าชราเต็มไปด้วยความดุร้าย “เว่ยอี๋เหนียงมิมีแม้กระทั่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ เจ้ากล่าวว่าตนมิรู้เรื่องนี้และเป็นสาวใช้ที่ต้องจัดการ จนตอนนี้มิรู้จักแก้ไขปัญหาอีกทั้งยังผลักความผิดพ้นตัว นี่คือการดูแลจวนโหวของเจ้าหรือ ? “

หลี่ซื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าสงสัยในความสามารถของตน นึกถึงครั้งก่อนที่ถูกหวังซื่อแย่งสิทธิ์ดูแลห้องเก็บสมบัติไป นางรู้สึกว่าครานี้ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้มาดีจึงปกป้องตนเองแล้วโยนเรื่องทุกอย่างให้แม่นม “ข้ามิกล้า เว่ยซื่อประสบความลำบากเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกเสียใจมากเช่นกันจึงนำแม่นมมาด้วย นางช่วยข้าดูแลเรื่องนี้เจ้าค่ะ ท่านแม่ลองถามนางว่าเรื่องนี้เป็นเยี่ยงไรกันแน่เองเถิดเจ้าค่ะ”

สายตาฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองแม่นมที่ด้านหลังหลี่ซื่อทันที แม่นมอายุประมาณห้าสิบกว่าปี สวมชุดสีเขียวลายหินอ่อน บนศีรษะมีเครื่องประดับสีเงินหนึ่งชิ้น นางยืนตัวตรงอยู่ด้านหลังของหลี่ซื่อ หากมองจากการแต่งกายของนางก็เหมือนเป็นเจ้านายของเว่ยอี๋เหนียงเสียอีก

เป็นเหตุให้แววตาของฮูหยินผู้เฒ่าเย็นชาขึ้นมา “แม่นมซุน หลี่ซื่อกล่าวว่านางให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ เจ้าก็ลองเล่าต้นตอของเรื่องให้ข้าฟังหน่อย”

ฮูหยินผู้เฒ่านิ่งไปชั่วครู่แล้วเอ่ยซ้ำ “หากเจ้ามิสามารถพูดเหตุผลออกมา…”

“เรียนฮูหยินผู้เฒ่า” แม่นมซุนรีบพุ่งตัวไปคำนับฮูหยินผู้เฒ่าตามแผนการที่วางเอาไว้ก่อนแล้ว “เสื้อผ้าของเรือนต่าง ๆ ในจวนนั้นมีจำนวนจำกัด บ่าวเร่งฝ่ายดูแลให้รีบทำตามเหล่าเจ้านายสั่งจนครบแล้วเพื่อมิให้เจ้านายต้องรอนาน ทว่าฝั่งเว่ยอี๋เหนียงมิเหมือนกันเจ้าค่ะ”

นางเหลือบมองไปทางเว่ยอี๋เหนียงทีหนึ่งแล้วกล่าวถึงความลำบากของตนออกมา “การแจกของในเรือนต่าง ๆ นั้นต้องมีป้ายยืนยันเจ้าค่ะ หากไร้ป้ายยืนยันฝ่ายคนดูแลจึงมิอาจให้ของได้ ป้ายยืนยันในเรือนของเว่ยอี๋เหนียงหายไปเมื่อสามปีก่อนแล้วเจ้าค่ะ แม้ว่าฝ่ายดูแลจักรู้ว่าเป็นอี๋เหนียงในจวน แต่มิมีป้ายยืนยันก็มิสามารถรับชุดกับเครื่องประดับได้ หากท่านโหวถามขึ้นมาก็มิอาจรายงานให้ท่านเจ้าค่ะ”

นางพูดอย่างมีเหตุผล เยี่ยงนั้นฮูหยินผู้เฒ่าจึงหันไปมองทางเว่ยอี๋เหนียง แววตามีความสงสัยแล้วเอ่ยถาม “ป้ายยืนยันของเจ้าหายไปนานถึงสามปีเชียวหรือ?”