บทที่ 151 แม่น้ำทรายดูด

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 151 แม่น้ำทรายดูด

“เฮ้อ เป็นความผิดพลาดจริงๆที่เอาไอ้สัตว์ประหลาดบ้านั่นไปยัดใส่มิติประลอง ไม่งั้นอัจฉริยะอย่างหลิวฉีก็คงไม่…..” ในที่สุดหลิวฉิน ผอ.แห่งสำนักวิหคอสนีบาตก็ปลงตก ใบหน้าของเธอแสดงออกมาซึ่งความเศร้าหมอง

“ผอ.หลิว เจ้ากล่าวผิดแล้ว เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเป้าหมายแต่เดิมของการจัดงานประลองสี่สำนักนี้ขึ้นมาเพื่อเหตุอันใด”

“หากในอนาคต ยามที่ศิษย์ของพวกเราได้จบไป พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับภยันตรายยิ่งกว่านี้อีก”

“งั้นข้าขอถามหน่อยว่าเมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายได้เผชิญหน้าอยู่ตอนนี้เทียบเท่ากันได้หรือไม่”

“หากว่าเรามัวแต่มืดบอดไปกับอัตราการรอดของศิษย์ในงานประลองแบบนี้ แล้วพวกเขาจะเติบโตจนอยู่รอดในสิ่งแวดล้อมที่โหดร้ายได้ยังไงกัน”

“ก็จริง คำกล่าวของเจ้าถูกต้องแล้ว เป็นข้าเองที่พลั้งปากไป” หลิวฉินได้ยืนขึ้นมาพลางพูดออกมาอย่างกลับคืนสู่ความเป็นผอ.สำนัก

ในขณะเดียวกัน เฉินเฉียงผู้ซึ่งพึ่งจะฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นต่ำไปได้นั้น ก็ได้พบเจอกับคนคุ้นเคยโดยกระแสพลังจิตของเขา

เป็นฉิงเชินนั่นเอง

เฉินเฉียงยืนขึ้นด้วยท่าทีประหลาดใจพลางมองไปยังแม่น้ำที่กว้างใหญ่และยาวกว่าสามร้อยเมตรตรงหน้า

เขาเห็นศิษย์สำนักวิหคอสนีบาตสี่ไม่ก็ห้าคนที่โอบล้อมแม่น้ำและมีท่าทีที่เศร้าสร้อย

-ฮืมมมมม เป็นไปได้ว่าพวกเธอได้พบเจอกับปัญหาบางอย่างรึเปล่านะ-

เมื่อเฉินเฉียงคิดได้ดังนี้ก็ได้รีบกระโดดไปในทันที

ด้วยการนำของเว่ยฉิงเชิน ศิษย์หญิงทั้งห้าคนได้มองไปยังแม่น้ำทรายดูดสีแดงคล้ำตรงหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลริน

“ศิษย์พี่ฉิงเชิน ไปกันเถอะ”

“ไม่ ข้าต้องแก้แค้นให้หลิวฉี” เว่ยฉิงเชินผู้ซึ่งในตอนนี้อยู่ในชุดสีน้ำเงินได้พูดขึ้นมาก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่จระเข้เขี้ยวยักษ์ ที่โผล่หัวลอยอยู่ในแม่น้ำ พร้อมกับตวัดผ้าไหมสีแดงสดในมืออย่างโหดร้าย

ด้วยการที่เฉินเฉียงในตอนนี้ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแล้วทำให้เว่ยฉิงเชินและคนอื่นๆไม่อาจจดจำเขาได้ ด้วยการที่เขานั้นเห็นว่าพวกเธอกำลังหมายจะโจมตีจระเข้เขี้ยวยักษ์นั่น เขาจึงตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างกับมัน

ในตอนที่พวกเธอนั้นได้พบกับจระเข้เขี้ยวยักษ์ที่มีระดับการบ่มเพาะที่ระดับนายพลขั้นกลางตัวนี้ หลิวฉีผู้ซึ่งมีความมั่นใจอย่างมากได้พุ่งขึ้นหน้าเข้าใส่มันในทันทีที่เห็น เธอนั้นตอนแรกคิดว่าต่อให้ฆ่ามันไม่ได้แต่ก็ไม่สมควรจะจบชีวิตเพราะมันเช่นกัน

แต่เธอนั้นไม่รู้ว่านอกจากจระเข้เขี้ยวยักษ์ตัวนี้จะมีสัตว์ประหลาดที่อยู่ในระดับเดียวกันอยู่อีกจำนวนมาก

ด้วยการที่สัตว์ประหลาดเหล่านี้อยู่ในระดับที่เรียกว่าไม่ได้ต่ำแต่อย่างใด พลังทำลายของมันเองถือได้ว่าสูงมากพอดี แต่ด้วยการที่พวกมันนั้นอยู่ได้แต่เพียงในน้ำเท่านั้น พวกมันจึงมีขนาดสูงเพียงไม่ถึงครึ่งเมตรดียามที่มันขึ้นจากน้ำ

ตราบใดที่พวกเธอระมัดระวังตัว พวกเธอจะไม่โดนจระเข้นี้โจมตีได้โดยง่าย

แต่นึกไม่ถึงว่าหลิวฉีนั้นกลับไม่ได้ตรวจสอบพวกมันให้ดี และไม่คิดว่าจระเข้เขี้ยวยักษ์นี้จะร่วมมือกับงูลายทองในการต่อสู้การศัตรูของพวกมันเช่นเธอ

และนี่จึงทำให้ยามที่หลิวฉีกำลังสารวนอยู่กับการต่อสู้นั้น จระเข้เขี้ยวยักษ์ได้อ้าปากกว้างและงับเข้าไปที่เธอ ถึงมันจะไม่ได้กัดโดนชิ้นส่วนใดของเธอ แต่มันก็ยังกัดโดนมุมหนึ่งของเสื้อผ้าและลากเธอลงน้ำไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

เพียงชั่วพริบตา งูลายทองนับร้อยก็ได้เจาะทะลวงเกราะพลังงานของหลิวฉีได้อย่างง่ายดายและทะลวงเข้าไปในร่างของเธอ

หลิวฉีนั้นได้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ในทันที และก่อนที่เพื่อนร่วมทีมของเธออีกห้าคนจะได้ทำอะไร ร่างของเธอก็ถูกฉีกกระชากโดยจระเข้เขี้ยวยักษ์และลากลงไปในน้ำอีกครั้ง หลงเหลือไว้เพียงแอ่งเลือดขนาดใหญ่กลางน้ำ

ในฐานะที่เว่ยฉิงเชินเป็นหัวหน้าทีม ทำให้ในตอนนี้เธอไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป หลังจากดิ้นหลุดออกจากการห้ามปรามของเพื่อนร่วมทีม เธอก็ได้พุ่งตรงไปยังจระเข้เขี้ยวยักษ์ได้สำเร็จและหมายจะล้างแค้นให้กับหลิวฉีด้วยเลือดของมันอย่างเกลียดชัง

หญิงสาวอีกสี่คนที่เห็นแบบนี้แล้วจึงไม่มีทางเลือกและทำได้เพียงคอยยืนอยู่เคียงข้างและช่วยเธอในการป้องกันการโจมตีจากงูลายทองที่สามารถออกมาเมื่อไหร่ก็ได้

และตอนนี้เองเป็นเวลาที่เฉินเฉียงได้มาถึง

เพียงไม่กี่ลมหายใจ เขานั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ได้เป็นส่วนใหญ่

แม้เว่ยฉิงเชินนั้นจะมีระดับการบ่มเพาะที่สูงล้ำ แต่จิตใจของเธอในตอนนี้ไม่มั่นคงราวกับเธอโกรธจนเสียสติ นี่จะทำให้เธอนั้นต้องพบเจออันตรายได้โดยง่าย

เมื่อเห็นแบบนี้ เฉินเฉียงนั้นอยากจะเร่งรุดเข้าไปช่วยเว่ยฉิงเชินในทันที แต่นั่นจะทำให้ทั้งสี่คนคิดว่าเขานั้นเป็นคนเลวและจะมุ่งโจมตีเขาอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงรักษาการตรวจจับทางจิตของตนเอาไว้และเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆแต่ก็เตรียมพร้อมร่างกายเอาไว้เพื่อที่จะพุ่งเข้าไปช่วยเหลือได้ทุกเมื่อที่จำเป็น

ระยะสิบเมตรนี้คือระยะหวังผลที่เขาสามารถใช้ทักษะการขุดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เว่ยฉิงเชินที่กำลังคลุ้มคลั่งด้วยความโกรธเกรี้ยวนั้นได้โจมตีจระเข้เขี้ยวยักษ์อย่างหนักหน่วง ในทุกๆครั้งที่เธอฟาดผ้าไหมสีแดงในมือใส่หัวจระเข้เขี้ยวยักษ์นั้น บังเกิดเสียงดังประดุจดั่งแส้เหล็กก็ไม่ปาน

-จระเข้ตัวนั้นมันจะหนังหนาไปไหนนักเนี่ย- ด้วยการที่ร่างของจระเข้ตัวนี้เองก็มีเกราะชั้นพลังงานเคลือบเอาไว้ เฉินเฉียงแม้จะอยู่ห่างไปสิบเมตร แต่เขานั้นก็ได้ยินเสียงการตกกระทบนี้อย่างชัดเจน แถมจระเข้ตัวนี้ยังดูไม่ทุกข์ร้อนสักเท่าไหร่นัก

ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าอาวุธของเว่ยฉิงเชินนั้นไม่เหมาะสม อาวุธของเธอนั้นสามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดที่อยู่บนบกและบนฟ้าได้อย่างง่ายดาย แต่กลับเป็นเรื่องยากเมื่อต้องพบเจอกับจระเข้เขี้ยวยักษ์ที่อยู่ในน้ำ

และด้วยการที่ร่างกายส่วนใหญ่ของจระเข้ตัวนี้ซ่อนตัวอยู่ในน้ำและมันทำเพียงโผล่ส่วนหัวที่ใหญ่ยักษ์และหนาของมันออกมาเพียงเท่านั้น นี่ทำให้เธอไม่สามารถโจมตีมันได้ผลสักเท่าไหร่นัก

ถึงจะเป็นแบบนั้น เว่ยฉิงเชินผู้ซึ่งสูญเสียศิษย์น้องแสนรักให้กับจระเข้เขี้ยวยักษ์ตรงหน้าก็ยังคงโจมตีต่อไปอย่างต่อเนื่อง

หลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่งเห็นจะได้ เว่ยฉิงเชินได้กระโดดขึ้นบนฟ้า ก่อนที่จะปล่อยคลื่นพลังงานออกมา มันเป็นเพราะว่าเธอนั้นได้กินยาเลือดคลั่งเข้าไป และทำให้พลังงานสายเลือดของเธอเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เพียงเฉินเฉียงเห็นก็เข้าใจได้ในทันที เว่ยฉิงเชินในตอนนี้ได้เปิดจุดชีพจรลับอีกสิบจุด และนี่ทำให้เธอนั้นอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงด้วยช่วงเวลาอันสั้น

นี่เป็นผลมาจากการที่เธอนั้นมีร่างกระจ่างจิต

ตราบใดที่เธอต้องการนั้นเธอสามารถทะลวงจุดชีพจรลับทั้งหมดเมื่อไหร่ก็ได้ และก้าวไปอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงได้ทุกเมื่อเธอต้องการ

แต่ในระหว่างการศึกแบบนี้ การกระทำของเว่ยฉิงเชินทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายได้ ถึงแม้เธอจะไม่ได้รับผลจากการเปิดจุดชีพจรลับนี้เลยก็ตาม

ด้วยการที่เธอนั้นอยู่ในระดับนายพลวิญญาณแล้ว ทุกๆครั้งที่เธอเปิดจุดชีพจรลับได้ เธอนั้นต้องการที่จะเติมพลังงานสายเลือดในจุดชีพจรลับให้เต็มซะก่อน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต่อให้เธอเปิดจุดได้จนหมดจนทรงพลังอย่างมาก แต่เธอก็จะขาดพลังงานสายเลือดไว้ใช้พลังเหล่านั้น

แต่ในตอนนี้ การกระทำของเธอนั้นเสี่ยงอย่างมาก

ด้วยการที่เธอเร่งเปิดจุดชีพจรลับถึงสิบจุด แต่พลังงานสายเลือดของเธอนั้นไม่เพียงพอ สิ่งที่เธอทำได้ก็เพียงค่าการดึงพลังงานสายเลือดจากจุดชีพจรหลักและจุดชีพจรลับอื่นๆมาใช้ชั่วคราว

และนี่จะทำให้พลังจากสายเลือดในจุดต่างๆแห้งขอด และทำให้พลังงานสายเลือดไม่เพียงพอต่อการใช้งานในที่สุด

และนี่เอง ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะมีคลื่นพลังที่เทียบเท่ากับระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง แต่ในขณะเดียวกัน ปริมาณพลังงานสายเลือดของเธอกลับลดน้อยถอยลงไป

เมื่อเหล่าสาวๆร่วมทีมได้เห็นว่าฉิงเชินอยู่ๆก็กลายเป็นนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงนั้น ต่างก็ส่งเสียงเชียร์ออกมา

ต้องรับรู้กันก่อนว่าในมิติประลองแห่งนี้นั้นในตอนนี้ นอกจากสัตว์ประหลาดห้าตัวที่อยู่ในระดับนายพลขั้นสูงแล้ว ก็มีเว่ยฉิงเชินคนนี้ที่มีระดับเท่ากับพวกมันในตอนนี้

ด้วยเหตุนี้ จระเข้เขี้ยวยักษ์ตรงหน้าจะไปคณามือเธอได้อย่างไร

และนี่ทำให้สี่สาวที่เหลือมีท่าทีผ่อนคลายแบบสุดๆ

แต่กับเฉินเฉียงนั้น เขายิ่งกังวลเสียยิ่งกว่าเดิม และเตรียมที่จะพุ่งออกไปช่วยได้ทุกเมื่อ

และเมื่อจระเข้เขี้ยวยักษ์ได้เห็นเว่ยฉิงเชินมีระดับที่สูงกว่ามันอยู่ตรงหน้า มันก็มีท่าทางที่สั่นกลัวและได้หันหัวเตรียมที่จะหนีในทันที

“ตามมันไปเลยพี่ฉิงเชิน ตามมันไปและฆ่าไอ้สัตว์นรกนั่นแก้แค้นให้กับหลิวฉี”

ภายใต้การยุยงส่งเสริมจากสี่สาว เว่ยฉิงเชินได้ตวัดผ้าไหมสีแดงในมืออีกครั้งและฟาดออกไปอย่างดุร้าย