“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า จากนั้นเขาเริ่มเดินต่อไปด้วยสีหน้าปกติ

อันที่จริงเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของพวกคนเหล่านี้เลย คนพวกนี้เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาซึ่งในสายตาเขาไม่ต่างอะไรกับมดแมลงตัวหนึ่ง

หลังจากแสดงบัตรเชิญที่ทางเข้าเรียบร้อยแล้ว อวี้ฮ่าวหรานและเฉิงชิวอวี้ก็เข้าไปด้านในห้องโถงจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา

“ฮ่าวหราน ให้ฉันพานายไปรู้จักกับเพื่อนของฉันก่อนก็แล้วกัน”

เมื่อพูดจบ เฉิงชิวอวี้จับแขนของเขาเดินไปอีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เฉิงชิวอวี้กับอวี้ฮ่าวหรานจะเดินไปไหนได้ไกล ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินแทรกฝูงชนเข้ามาหาและเอ่ยทักทาย

“คุณชิวอวี้ รอก่อน!”

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้แต่งตัวมาในชุดสูทสีขาวราคาแพง น้ำเสียงของเขาดูสุภาพและเป็นกันเองอย่างมาก บ่งบอกชัดเจนว่าเขามาจากตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่งแน่นอน

“เป็นยังไงบ้าง นานแล้วที่พวกเราไม่ได้เจอกันเลย ยังคงงดงามตรึงตาตรึงใจไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลในระหว่างที่มองเฉิงชิวอวี้

“เป็นนายนี่เอง หวังเจวีย ไม่นึกเลยว่านายจะมางานวันนี้ด้วย”

เฉิงชิวอวี้เอ่ยชื่อของชายหนุ่มขึ้นมาทันที ซึ่งบ่งบอกได้ว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อนหน้านี้ แต่สีหน้าของเธอกลับดูไม่ค่อยยินดีที่เท่าไหร่ที่เจอฝั่งตรงข้าม

“อืม ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งในวันนี้ และไหน ๆ เราก็เจอกันแล้ว… พวกเราแยกไปคุยกันที่ด้านนอกสักหน่อยดีไหม?”

ชายหนุ่มที่ชื่อหวังเจวียผายมือเชิญเฉิงชิวอวี้อย่างสุภาพโดยที่แสร้งไม่สนใจอวี้ฮ่าวหราน ซึ่งที่ทำแบบนี้เพราะเขารู้สึกหงุดหงิดที่เห็นว่าตอนนี้เฉิงชิวอวี้กำลังจับแขนอวี้ฮ่าวหรานอยู่

“ที่นี่ค่อนข้างเสียงดังไม่ค่อยเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่”

หลังจากพูดจบประโยคนี้ หวังเจวียพยายามเบียดตัวเองคั่นกลางระหว่างเฉิงชิวอวี้และอวี้ฮ่าวหราน

อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมาความพยายามของเขาก็ไร้ผลในทันที เพราะเฉิงชิวอวี้ดึงแขนของอวี้ฮ่าวหรานอีกรอบให้เขามายืนอยู่ข้าง ๆ เธอและพูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้านายมีอะไรจะคุยก็คุยกันตรงนี้ได้เลยนี่เพื่อนฉันเองอวี้ฮ่าวหราน เขาไม่ใช่คนนอกที่จะฟังเรื่องทุกอย่างที่นายอยากจะคุยกับฉันไม่ได้”

“เขาเนี่ยนะเพื่อนของคุณ?”

เมื่อเห็นว่าเฉิงชิวอวี้แนะนำอวี้ฮ่าวหรานแล้ว หวังเจวียจึงไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่เห็นอวี้ฮ่าวหรานได้อีกต่อไป แต่สายตาของเขาที่มองอวี้ฮ่าวหรานนั้นกลับเต็มไปด้วยแววตาที่เหยียดหยาม

“คุณชิวอวี้ อย่าหาว่าผมเป็นมองโลกในแง่ร้ายเลยนะ แต่ว่าคนที่แต่งตัวแบบนี้น่าจะไม่ใช่คนระดับเดียวกับเรา ดังนั้นการที่เราไปสนิทสนมด้วยมาก ๆ อาจจะทำให้ดูไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของเราก็ได้”

หวังเจวียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูก แน่นอนว่าเขาไม่ยื่นมือออกไปจับมือกับอวี้ฮ่าวหรานแน่นอน เพราะเขาไม่คิดว่าฝั่งตรงข้ามคู่ควรที่เขาจะต้องรู้จักด้วย

“คุณชิวอวี้ วันนี้นับว่าเป็นโอกาสเหมาะเลยที่เราได้มาเจอกันพอดี เอาเป็นว่าวันนี้ให้ผมเลี้ยงมื้อค่ำคุณก็แล้วกัน ครั้งนี้คุณอย่าปฏิเสธผมอีกเลย ถือว่าตามใจผมบ้างจะได้ไหม?”

หวังเจวียพูดเปลี่ยนประเด็นเพราะเขาไม่อยากเอ่ยถึงอวี้ฮ่าวหรานต่อไปอีก

“ชิวอวี้ คุณลองคิดดูสิบริษัทของพวกเราทั้งสองตระกูลต่างก็เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเวชภัณฑ์ของเมืองฮ่วยอัน หากพวกเราทั้งสองตระกูลได้เกี่ยวดองกันมันก็หมายความว่าพวกเราจะเป็นผู้ครองตลาดเวชภัณฑ์ของเมืองฮ่วยอันเพียงผู้เดียวเลยไม่ใช่เหรอไง จริงไหม?”

หวังเจวียคือลูกชายคนเดียวของหวังเจา เจ้าของบริษัทเวชภัณฑ์ไป๋เชา ซึ่งเขานิยมชมชอบในตัวของเฉิงชิวอวี้มานานแล้ว

ปัจจุบันนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ในด้านเวชภัณฑ์ของเมืองฮ่วยอันมีแค่สามบริษัทเท่านั้น ซึ่งก็คือ ชิวเฮิง ไป๋เชา และ ผู่เยี่ย

ดังนั้นหากพวกเขาแต่งงานกันมันจะหมายความว่าบริษัทของพวกเขากินส่วนแบ่งตลาดเวชภัณฑ์ไปถึง 2 ใน 3 !

หรือต่อให้จะไม่มีเหตุผลทางด้านธุรกิจมายุ่งเกี่ยว หวังเจวียก็ยังอยากได้เฉิงชิวอวี้มาเป็นคู่ครองอยู่ดีเพราะความงามของเฉิงชิวอวี้นั้นนับได้ว่าแทบไม่มีผู้หญิงคนไหนสู้ได้เลย

อย่างไรก็ตาม สายตาของหวังเจวียที่จ้องมาที่เธออย่างหยาดเยิ้มมันกลับทำให้เฉิงชิวอวี้อึดอัดจนอยากจะหนีไปให้ไกล ๆ เธอไม่ได้ชอบคนคนนี้เลยสักนิด!

“หวังเจวีย ฉันเคยบอกกับนายไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ได้ชอบนาย! การที่ฉันมางานเลี้ยงในวันนี้มีเพียงแค่เหตุผลเดียวก็คือฉันต้องการพาเพื่อนของฉันคนนี้มารู้จักผู้คนให้มากขึ้นเท่านั้น!”

เฉิงชิวอวี้ปฏิเสธไปอย่างไร้เยื่อใย และเมื่อเธอมองไปที่อวี้ฮ่าวหราน แววตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและหลงใหลแตกต่างจากแววตาที่เธอมองหวังเจวียอย่างสิ้นเชิง!

นี่คือผู้ชายที่ช่วยชีวิตเธอในยามสิ้นหวังมาแล้ว 2 ครั้ง เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เธอเคยเห็นมาในชีวิตนี้ แถมยังมีพรสวรรค์ในด้านการบริหารบริษัทอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว ผู้ชายคนอื่นไม่มีค่าให้เธอชายตามองนอกจากเขาคนนี้เลย!

“ฮ่าวหรานเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุด แค่เวลาเพียงไม่นานเขาก็ได้กลายเป็นเจ้าของบริษัทหลายบริษัทแถมยังสามารถบริหารทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยมอีกต่างหาก”

เธอเล่าเรื่องของอวี้ฮ่าวหรานให้กับหวังเจวียได้ยิน เพราะเธอไม่อยากให้ฝั่งตรงข้ามเข้าใจผิดคิดว่าผู้ชายที่เธอรู้สึกหวั่นไหวด้วยเป็นคนธรรมดา

แน่นอนว่าเมื่อเห็นทั้งสายตาและได้ยินทั้งคำพูดของเฉิงชิวอวี้ที่ดูยกยออวี้ฮ่าวหรานซะเหลือเกิน หวังเจวียก็รู้สึกโมโหจนใจเต้นแรง

เห็นชัด ๆ เลยว่าเฉิงชิวอวี้ชอบไอ้เวรนี่!

มันเป็นไปได้ยังไง!?

“ชิวอวี้ ทุกวันนี้มีบริษัทที่ถูกตั้งขึ้นมาหลอก ๆ มากมาย คุณอย่าเชื่อใครง่าย ๆ จะดีกว่า! คุณไม่เห็นสารรูปของไอ้คนคนนี้เหรอไง? คนแต่งตัวแบบนี้จะไปมีบริษัทใหญ่โตเป็นของตัวเองได้ยังไง?”

หวังเจวียเริ่มเก็บอารมณ์ไม่ไหว เขาเอ่ยโจมตีอวี้ฮ่าวหรานแบบไม่ไว้หน้าทันที

“สิบแปดมงกุฎอย่างแกกล้าดียังไงมาเข้าใกล้ชิวอวี้! แกระวังตัวเอาไว้เถอะในอนาคตชีวิตของแกจบไม่สวยแน่!”

หวังเจวียเอ่ยขู่ขึ้นแบบที่เขาทำประจำกับพวกคนธรรมดาที่ไม่มีภูมิหลังอะไร ซึ่งถ้าหากใครดื้อหน่อยเขาก็จะส่งคนไปทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบไม่คาดฝัน!

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำขู่ของหวังเจวียแม้แต่น้อย เขากลับคิดว่าเป็นเรื่องน่าตลกดีที่มดตัวนี้กำลังขู่เขา ซึ่งมันทำให้เขาคิดอยากจะแหย่ไอ้มดตัวนี้สักหน่อย!

“เอ๊ะ?”

จู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็แกะมือของเฉิงชิวอวี้ที่จับแขนของเขาเอาไว้ออกและเปลี่ยนให้มาเป็นจับมือกับเขาแทน!

เฉิงชิวอวี้รู้สึกตะลึงงัน แต่เธอเองก็ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านอะไรเลย กลับกันเธอกลับเขินจนหน้าแดงพร้อมกับรู้สึกใจเต้นระรัวอีกต่างหาก

“แก!”

ทางด้านหวังเจวีย เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของเฉิงชิวอวี้ เขาก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม!

ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยโดยใครยั่วยุแบบนี้มาก่อนเลย!

หลังจากที่ยั่วโมโหฝั่งตรงข้ามจนพอใจแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็เดินจูงมือเฉิงชิวอวี้จากไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เขาไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับมดแมลงที่ไร้ค่าอย่างหวังเจวียต่อไปอีก

“แก หยุดเดี๋ยวนี้!”

เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามเดินจากไปแบบไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา หวังเจวีย ตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม

เขารีบเดินไปขวางหน้าอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้โดยไม่สนใจแล้วว่าภาพลักษณ์สุภาพบุรุษของเขามันจะเสียหายขนาดไหน

“วันนี้แกทำให้ฉันโมโห! แกอยากหนีไปงั้นเหรอ? ฉันไม่ยอมหรอกโว๊ย!”