ตอนที่ 139 กลับมาเถอะนะ ผมจะแต่งงานกับคุณ

เดิมพันเสน่หา

หนานกงเยี่ยหมดความอดทนแล้ว เขาโทรศัพท์ไปหาก่วนอวี้ “หาตัวเธอเจอหรือยัง”

ก่วนอวี้ได้ยินเสียงเหี้ยมของหนานกงเยี่ย เขาตกใจจนตัวสั่น “ขอโทษด้วยครับคุณชายเยี่ย ยังไม่เจอครับ”

หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด “สองชั่วโมงแล้ว แต่นายบอกฉันว่ายังไม่เจอตัวเธอ?”

“คุณชายเยี่ยวางใจได้ครับ ผมปิดล้อมทางเข้าออกทุกทางของเมืองหลงเอาไว้หมดแล้ว คุณเหลิ่งไม่สามารถออกไปจากเมืองหลงได้แน่ๆ ครับ ดังนั้นเธอต้องอยู่ในเมืองหลง ตอนนี้ผมกำลังพาคนไปตามหาเธอ ต้องพาเธอกลับมาได้แน่นอนครับ”

หนานกงเยี่ยหลับตาลงแล้วพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นช่วยเร่งมือหน่อย ก่อนฟ้ามืดต้องเอาตัวเธอมาอยู่ตรงหน้าฉัน”

เมื่อวางสายลง หนานกงเยี่ยก็เดินออกมาจากห้องรับแขก เขายืนอยู่ที่สวนในวิลล่าหย่าเก๋อ มองดูก้อนเมฆบนท้องฟ้า ลมเย็นๆ ในต้นฤดูใบไม้ร่วงที่พัดมาทำให้ผมของเขายุ่งเล็กน้อย แต่เขายังคงหล่อเหมือนเดิม

เหลิ่งรั่วปิง ถ้าคุณกล้าไปจากเมืองหลง ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือตกนรกผมก็จะพาคุณกลับมา แล้วจะลงโทษคุณให้หนัก!

หนานกงเยี่ยยืนอยู่ในสวนของวิลล่าหย่าเก๋อ เขาเหมือนรูปปั้นที่แกะสลักอย่างงดงาม ผ่านไปอีกสองชั่วโมงแล้ว ก่วนอวี้ยังคงไม่ส่งข่าวใดๆ มาให้เขา ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว หนานกงเยี่ยรู้สึกกลัวอีกครั้ง หัวใจของเขาจมลงไปในทะเลสาบ มันหนักอึ้งจนไม่สามารถยกขึ้นมาได้ เพราะความกังวลจากการรอคอย ทำให้ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ เส้นเลือดในตาขาวชัดขึ้น

สุดท้ายเขาระเบิดอารมณ์ออกมา กดโทรหาก่วนอวี้อีกครั้ง ตะคอกเสียง “นายทำอะไร หื้ม? ทำไมถึงไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย”

เวลานี้ ก่วนอวี้ยืนท้าลมหนาวของฤดูใบไม้ร่วงอยู่ตรงริมถนน เขาพูดด้วยเสียงสั่น “คุณ…คุณชายเยี่ยครับ พวกผมหาทั่วทั้งเมืองหลงแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอคุณเหลิ่ง ทว่าในระยะเวลาสั้นๆ คุณเหลิ่งไม่มีทางออกไปจากเมืองหลงได้แน่นอนครับ”

หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ “นายหมายความว่าเธออยู่ในเมืองหลง แต่นายหาเธอไม่เจอใช่ไหม ห๊ะ”

“ครับ…ถูกต้องครับ”

“แล้วฉันจ้างนายไปทำไม!” หนานกงเยี่ยเตะกระถางดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ ทิ้ง พ่อบ้านและเหล่าคนงานที่ยืนอยู่ไม่ไกล พากันตกใจกลัว

ถึงแม้ไม่ได้เผชิญหน้ากับหนานกงเยี่ย แต่ก่วนอวี้รับรู้ได้ถึงความเย็นยะเยือกจากหนานกงเยี่ย เขากัดฟันอดทนแล้วรายงาน “คุณ…คุณชายเยี่ยครับ พวกผมเจอของบางอย่าง บางทีคุณเยี่ยอาจจะอยากดู”

“ของอะไร” หนานกงเยี่ยข่มความโกรธเอาไว้แล้วถามออกไป ตอนนี้เขาต้องการตัวเธอ ไม่ได้ต้องการของอะไรทั้งนั้น

“พวกผมเจอกล่องของขวัญครับ เป็นของขวัญที่คุณเหลิ่งเตรียมเอาไว้ให้คุณ เธอโยนมันทิ้งตรงถังขยะนอกไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ” ความเป็นจริงสิ่งที่ก่วนอวี้อยากจะพูดก็คือ พวกเขาตั้งใจตามหาเหลิ่งรั่วปิงเป็นอย่างดี แม้แต่ถังขยะทุกถังบนท้องถนนก็ยังไม่เว้น แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับหายตัวไป ไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่เจอ แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกอยากจะบ้าแล้ว

ของขวัญ? หนานกงเยี่ยเบิกตากว้าง “ส่งมาให้ฉัน” ตอนนี้เขาอยากรู้มากว่าเธอให้อะไรเป็นของขวัญกับเขา ถึงขั้นที่เธอจากไปก็ยังเอาคืนกลับไปด้วย

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ก่วนอวี้ถือกล่องของขวัญเอาไว้หนึ่งกล่อง ปรากฎตัวอยู่ในห้องรับแขกของวิลล่าหย่าเก๋อ

หนานกงเยี่ยนั่งอยู่บนโซฟา เขาเปิดกล่องของขวัญอย่างรวดเร็ว สิ่งที่อยู่ในของขวัญคือโมเดลบ้าน บนหลังคามีตัวอักษรเขียนเอาไว้ “full house” ซึ่งมีความหมายว่าบ้านสุขสันต์

ความคาดเดาบางอย่างทำให้หัวใจของหนานกงเยี่ยมีต้นกล้าเล็กๆ เติบโตขึ้นมา เขายังคงไม่อยากจะเชื่อ ดังนั้นเขาจึงเริ่มดูโมเดลบ้านอย่างละเอียด บ้านหลังนี้ เหลิ่งรั่วปิงทำได้ละเอียดมาก เธอใช้วัสดุจากไม้ในการทำทั้งหมด มีรั้วและสนามหญ้าอยู่หน้าบ้าน บนสนามหญ้ามีจักรยานจอดเอาไว้สองคัน ทั้งยังมีน้องหมาสีขาวหนึ่งตัว

มือของหนานกงเยี่ยค่อยๆ ขยับไปมา จู่ๆ เขาก็พบว่าประตูบ้านสามารถขยับได้ หัวใจของเขาเหมือนประตูที่ถูกเปิดออก หนานกงเยี่ยรีบปลดกรอนประตู แล้วเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นปากกาบันทึกเสียงวางเอาไว้ข้างในหนึ่งแท่ง

หัวใจของหนานกงเยี่ยเต้นเร็ว เขารีบหยิบปากกาบันทึกเสียงออกมาแล้วกดฟัง เสียงใสของเหลิ่งรั่วปิงดังขึ้นในห้องรับแขกที่เงียบสงบ “คุณหนานกงเยี่ย ของขวัญชิ้นนี้ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะตัดสินว่าจะมอบให้คุณ ซึ่งนั่นก็คือหัวใจของฉัน คุณเอาแต่บอกว่าอยากได้หัวใจของฉัน ตอนนี้ฉันตัดสินใจที่จะยกมันให้คุณแล้วนะคะ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ฉันเป็นคนที่หัวใจเล็กมาก ทั้งยังคับแคบมากด้วย หัวใจของฉันมีคนได้แค่คนเดียว ดังนั้นฉันจะรักคุณแค่คนเดียวค่ะ ในทางเดียวกันฉันก็อนุญาตให้คุณรักแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น ฉันไม่ยอมให้คุณมีผู้หญิงคนอื่น แม้แต่อวี้หลานซีก็ไม่ได้เด็ดขาด คุณทำได้ไหมคะ ฉันอยากมีครอบครัว อยากมีครอบครัวที่มีความสุข คุณสามารถให้ฉันได้ไหม”

หนานกงเยี่ยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน เขานิ่งค้างไป เอาแต่นั่งเหม่ออยู่บนโซฟา มองดูปากกาบันทึกเสียงในมือ เธอเคยบอกว่าของขวัญที่เธอให้เขา เป็นของที่เขาอยากได้มาโดยตลอด ที่แท้มันก็คือหัวใจของเธอนี่เอง! ของที่เขาอยากได้มานาน วันนี้เธอให้เขาแล้ว แต่เขากลับทำมันพัง! ชีวิตนี้มีอะไรที่เจ็บปวดกว่านี้อีกไหม มีอะไรที่น่าเศร้ากว่านี้อีกไหม!

เหลิ่งรั่วปิงผิดหวังในตัวเขา เธอผิดหวังเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไปจากเขา!

ภายในห้องรับแขกเงียบมาก แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังไม่ได้ยิน ก่วนอวี้มองดูหนานกงเยี่ยด้วยความสงสาร เขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจผู้ชายที่เจ็บปวดเพราะความรักเหมือนตนยังไงดี

ผ่านไปนานครู่หนึ่ง กว่าหนานกงเยี่ยจะพูดออกมา “ก่วนอวี้ ฉันหูฝาดรึเปล่า”

ก่วนอวี้สูดลมหายใจเข้า “ไม่ครับ คุณชายเยี่ยไม่ได้หูฝาดครับ คุณเหลิ่งยกหัวใจของเธอให้คุณแล้วครับ”

“หึๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่เจ็บปวด เสียงหัวเราะที่มีความสุข เป็นเสียงหัวเราะที่หัวใจแตกสลาย “ไปตามหาเธอมาเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ก็ต้องพาเธอกลับมาให้ฉัน!”

“ครับ” ก่วนอวี้พยักหน้า แล้วรีบวิ่งออกไป เขาเข้าใจแล้ว หลังจากฟังบันทึกเสียงนั้น ไม่ว่ายังไงหนานกงเยี่ยก็จะตามหาเหลิ่งรั่วปิงให้เจอ ถ้าเขาทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ เขาคงต้องหิ้วหัวตัวเองกลับมาแล้วจริงๆ

หนานกงเยี่ยนั่งอยู่ในห้องรับแขก เขาเปิดฟังบันทึกเสียงของเหลิ่งรั่วปิงรอบแล้วรอบเล่า ราวกับว่านั่นเป็นเสียงที่เพราะที่สุดในโลก เขาฟังอยู่หลายสิบรอบ สุดท้ายก็กอดปากกาบันทึกเสียงเอาไว้ เขาลุกยืนแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ลูบจับเตียงที่เธอเคยนอน ผ้าห่มและหมอนที่เธอเคยใช้ หลับตาลงแล้วสูดกลิ่นของเธอในอากาศ “เหลิ่งรั่วปิง กลับมาเถอะนะ กลับมาอยู่ข้างผม ผมจะแต่งงานกับคุณ!”

เวลานี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหมายของการแต่งงานแล้ว การแต่งงานไม่ใช่ห่วงที่ใช้ในการล็อคคน ไม่ใช่การกักขัง ไม่ใช่กรงขัง แต่เป็นสัญญา เป็นครอบครัว เป็นบ้านที่มีความสุข เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการรักษาคนรักเอาไว้

ผ่านไปนานครู่หนึ่ง เขาโทรศัพท์ไปหามู่เฉิงซีอย่างไม่ลังเล “เฉิงซี ฉันต้องการให้แกช่วยฉันหน่อย”

“ให้ฉันช่วยแกตามหาเหลิ่งรั่วปิงอีกแล้ว?” มู่เฉิงซีปวดหัวมาก คนของหนานกงแทบจะพลิกแผ่นดินเมืองหลงในการหาแล้ว ทำให้ทั้งเมืองวุ่นวายไปหมด เขาในฐานะตำรวจเมืองหลง ควรจะรักษาความสงบให้กับประชาชน ให้ชีวิตของพวกเขาไม่ได้รับความเดือดร้อน การที่เขาไม่ได้ห้ามหนานกงเยี่ยก็ถือว่าทำผิดกฎแล้ว ถ้าเขาช่วยหนานกงเยี่ยตามหาคน ประชาชนคงโมโหแน่ๆ คราวที่แล้วเขาช่วยหนานกงเยี่ยตามหาเหลิ่งรั่วปิงในคืนที่ฝนตกก็ลำบากใจมากพอแล้ว ครั้งนี้ถ้าเขาเกณฑ์ตำรวจไปช่วยตามหาอีก พ่อกับปู่คงต้องเรียกเขาไปคุยแน่ๆ

“ใช่ ช่วยฉันตามหาเธอ ต้องหาเธอให้เจอ” เสียงของหนานกงเยี่ยเคร่งขรึม พูดด้วยระดับเดซิเบลที่ไม่สูง แต่กลับหนักแน่นมาก

มู่เฉิงซีถอนหายใจอีกครั้ง “แกมันหาเรื่องให้ตัวเองชัดๆ คิดแต่จะลองใจเธอให้ได้ ดูตอนนี้สิ ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมดแต่แกก็ยอมปล่อยเธอไป แกอยากจะพลิกแผ่นดินเมืองหลงในการหาเลยหรือไง”

“ไม่ต้องพูดมาก!” อยู่ดีๆ หนานกงเยี่ยก็โมโหขึ้นมา “แกช่วยฉันตามหาเหลิ่งรั่วปิงเดี๋ยวนี้ ถ้าเหลิ่งรั่วปิงกลับมา ถือว่าฉันเป็นหนี้บุญคุณแก ได้ไหม”

“พี่รั่วปิงไม่มีวันกลับมาหรอกค่ะ!” เวินอี๋แย่งโทรศัพท์ไปจากมู่เฉิงซี “คุณหนานกง คุณทำร้ายจิตใจพี่รั่วปิงขนาดนี้ ยังหวังให้เธอกลับมาอีก เป็นไปไม่ได้ค่ะ!”

หัวใจของหนานกงเยี่ยบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เวินอี๋พูดถูก เขาทำให้เธอเสียใจ แต่ว่าเขาจะชดใช้เธอ ใช้ชีวิตทั้งชีวิตในการชดใช้ ขอแค่เธอกลับมา

มู่เฉิงซีรีบแย่งโทรศัพท์กลับมา “ได้ หนานกง ฉันจะยอมเสี่ยงตายเพื่อช่วยเพื่อนคนนี้เอง ตอนนี้ฉันจะเกณฑ์ตำรวจไปช่วยนายตามหาเหลิ่งรั่วปิง”

มู่เฉิงซีวางสาย เขาลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป เวินอี๋รั้งมือเขาเอาไว้ “ห้ามไปนะคะ ปล่อยพี่รั่วปิงไปเถอะ!”

มู่เฉิงซีถอนหายใจ “คุณไม่เข้าใจหนานกง ผมกับมันเราโตมาด้วยกัน ผมรู้จักมันดี เสียงของมันเมื่อกี้นิ่งเกินไป มันนิ่งจนทำให้รู้สึกกลัว ผมจะบอกให้คุณฟังนะ ถ้าเหลิ่งรั่วปิงไปจากมัน มันต้องตายแน่ๆ”

เวินอี๋น้ำตาคลอ “ฉันไม่เชื่อ ถ้าเขารักพี่รั่วปิงมากขนาดนี้ ทำไมเขาต้องทำร้ายจิตใจพี่รั่วปิงด้วย”

มู่เฉิงซีสูดลมหายใจเข้า แล้วถอนหายใจยาว “โทษ…เฮ้อ ผมไม่สามารถพูดให้คุณเข้าใจได้ แต่หนานกงเยี่ยรักเหลิ่งรั่วปิงจริงๆ ดังนั้น เวินอี๋คุณอย่ารั้งผมเลย ผมทนเห็นหนานกงตายไม่ได้ ทนเห็นมันตายเพราะผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้”

เวินอี๋ปล่อยมือจากแขนเสื้อของมู่เฉิงซี มู่เฉิงซีจูบปลอบโยนเธอ “เป็นเด็กดีนะครับ ตอนนี้ดึกมากแล้ว คุณเข้านอนเถอะ”

พูดจบ มู่เฉิงซีก็ออกจากบ้านทันที คืนนี้ ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่ไม่สามารถนอนหลับได้

ด้วยเหตุนี้ เมืองหลงในยามค่ำคืน ทั้งบนถนนและตรอกซอยเล็กใหญ่ ถนนทุกเส้น สนามบินและสถานีขนส่งทุกแห่ง นอกจากบอดี้การ์ดของตระกูลหนานกงแล้ว ยังมีตำรวจของเมืองหลงอีกด้วย รถทุกคันที่ขับไปมา โรงแรมทุกแห่ง ห้องพักทุกที่ ล้วนถูกค้นหาจนหมด ราวกับกำลังตามจับหัวหน้าผู้ก่อการร้ายอย่างไรอย่างนั้น

น่าเสียดาย พวกเขายังคงไม่ได้ข่าวคราวของเหลิ่งรั่วปิง

หนานกงเยี่ยนั่งอยู่ในห้องของเหลิ่งรั่วปิง เขาไม่ยอมเปิดไฟ เวลาแต่ละนาทีค่อยๆ ผ่านไปท่ามกลางความมืด หัวใจของเขาทุกข์ทรมานทุกวินาที สุดท้าย เขาไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป หนานกงเยี่ยลุกขึ้น เขาจะไปตามหาเธอด้วยตนเอง เขามีคำพูดมากมายอยากจะบอกกับเธอ

ขับรถมาถึงถนนเส้นหนึ่ง เจอตัวก่วนอวี้ “มีอะไรคืบหน้าไหม”

ก่วนอวี้มองดูใบหน้าอิดโรย ผมเพ้ายุ่งเหยิง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงของหนานกงเยี่ยด้วยความปวดใจ “คุณชายเยี่ยครับ คุณเหลิ่งต้องซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ลับมากแน่นอนครับ ทำให้หาตัวเธอไม่เจอ แต่เธอไม่มีทางออกไปจากเมืองหลงแน่นอน เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น คุณชายเยี่ยทำใจให้สบายแล้วกลับไปพักเถอะครับ”

“ฉันไม่ต้องการพัก ฉันต้องการเจอตัวเธอ ก่วนอวี้ นายตามหาเธอต่อ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรีบรายงานฉัน” พูดจบ หนานกงเยี่ยขึ้นรถแล้วขับตามหาเธอ แต่เขายังไม่ทันเดินไปถึงรถ เสียงโทรศัพท์ของก่วนอวี้ดังขึ้น เขานึกว่ามีความคืบหน้าอะไร จึงหยุดรอฟัง