บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู
กลิ่นหอมของต้มไก่อบอวลไปทั่วห้องพิเศษ เต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์ด้านบวกสูง

เสิ่นเทียนดื่มต้มไก่ชามหนึ่งลงท้อง ก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั่วร่างลดตามลงไปไม่น้อย

เถ้าแก่ข้างๆ เอ่ยถาม “ท่านชายเสิ่น ต้มไก่วิญญาณเพลิงร้านเรารสชาติเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

ไก่วิญญาณเพลิงมีปัญจธาตุไฟ เอาไปตุ๋นต้มคู่กับสมุนไพรอย่างตันเซินและเห็ดหลิงจือแล้ว กลายเป็นอาหารบำรุงธาตุหยางชั้นเลิศ

เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว แต่ดื่มแค่ต้มไก่ไม่ค่อยอยู่ท้อง เถ้าแก่ไปเตรียมอาหารคาวมาอีกสองสามอย่างแล้วกัน!”

เถ้าแก่รีบพยักหน้าก่อนจะลงไปกำชับให้ครัวทำอาหาร

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ยกชามดื่มอย่างมีความสุขพลางกลืนน้ำลาย “สหายเสิ่น ต้มไก่นี่ไม่ได้ให้ข้ารึ”

เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ “สหายจ้าวเข้าใจผิดแล้ว นี่คือต้มไก่วิญญาณเพลิง ของเจ้าต้มไก่จิตตะต่างหาก”

เสิ่นเทียนวางชามต้มไก่ลงก่อนจะมองจ้าวเฮ่าด้วยแววตาลุกวาว “สหายจ้าว! เป็นสหายกันแล้วก็ถือว่าเป็นคนกันเอง ข้ามีอะไรอยากจะพูดหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์กับเจ้า”

พอเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าจริงจังแล้ว จ้าวเฮ่าก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “แซ่จ้าวยินดีรับฟัง”

เสิ่นเทียนดีดนิ้วชี้มือขวาออกมา “ข้อแรก ล้มเหลวไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือเจ้าพ่ายแพ้ให้กับความล้มเหลว”

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ตาลุกวาวพลางนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่บิดาตนเคยพูดให้เขาฟังมาบ้าง

ดวงชะตาผิดพลาดมาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นดาวหายนะโดดเดี่ยว ฝึกบำเพ็ญยังธาตุไฟเข้าแทรกเป็นประจำ แทบจะเป็นลูกค้าเหมาทั้งปีของสำนักหมอหลวง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเสิ่นเทียนก็ไม่ยอมแพ้ในการฝึกบำเพ็ญ เทียบกันแล้ว ข้าธาตุไฟเข้าแทรกครั้งเดียวมันจะเท่าไรกัน

เสิ่นเทียนดีดนิ้วกลางมือขวาออกมา “ข้อสอง เจ้ายังไม่เคยทุ่มสุดตัว จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่อาจพลิกฟ้าแก้ดวงชะตาได้”

พลิกฟ้าแก้ดวงชะตา!

จ้าวเฮ่าตัวสั่นเล็กน้อย ใช่เลย!

ข้าแค่ตันเถียนเสียหายเท่านั้น ยังไม่ได้ตายตก

ตันเถียนเสียหายทำให้พลังบำเพ็ญเสียไปทั้งหมด ข้าก็แค่คิดหาทางฟื้นตันเถียนกลับมาแล้วฝึกบำเพ็ญใหม่

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าก็คิดหาทางย้ายไปฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร ทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นอย่างสุดความสามารถ

สหายเสิ่นอนาถเช่นนั้นยังพยายามพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา แล้วข้ามีเหตุผลอะไรที่จะไม่พยายาม!

เสิ่นเทียนดีดนิ้วนางมือขวาออกมาช้าๆ “ข้อสาม วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!”

บึ้ม!

วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!

คำพูดนี้เหมือนกับสายฟ้าสายหนึ่งผ่าทะลวงเมฆดำในใจจ้าวเฮ่า

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดคำพูดที่ฟังดูแล้วมีความน่าอัปยศตกเป็นรองชัดเจน แต่เมื่อเข้าหูเขากลับทำให้เขารู้สึกเลือดร้อนไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด

ราวกับว่าคำพูดนี้เกิดมาเพื่อเขา เป็นบทเพลงสงครามที่ชีวิตเขาจะฝ่าฝืนดวงชะตาและออกจากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ!

ตอนนี้จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียน เขารู้สึกว่าใกล้ชิดกับสหายท่านนี้มาก เหมือนกับคนรู้ใจในชาตินี้ของเขา

ภูผาสูงสายน้ำไหลริน ป๋อหยาจื่อชี[1] มันคือสัจธรรม!

เขามองเสิ่นเทียน แววตาเหมือนมีประกายสายฟ้าวูบวาบ ก่อนจะพูดด้วยความเร่าร้อนและจริงใจ “ดี! ทุกคำพูดของสหายเสิ่นดั่งบทกวี!”

จางอวิ๋นซีมองจ้าวเฮ่าอย่างเฉยชา นัยน์ตาขยับประกายสายฟ้าจริงๆ นางรู้สึกว่าตนโดนมองข้ามไปแล้ว

จ้าวเฮ่าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายที่อบอวลอยู่ในอากาศ เขาแค่มองเสิ่นเทียนด้วยความเร่าร้อน

“สหายเสิ่น ข้ากับเจ้าพบกันครั้งแรกก็ถูกชะตากันแล้ว ไม่ทราบว่าสหายเสิ่นยินดีจะเป็นสหายรู้ใจกับข้าหรือไม่”

แค่กๆ!

เสิ่นเทียนแทบจะพ่นต้มไก่ใส่หน้าจ้าวเฮ่า “เป็นสหายรู้ใจหรือ”

ล้อเล่นรึเปล่า

วงรัศมีเหนือศีรษะเจ้านี่แปลกมาก ดำครึ่งทองครึ่งดูยุ่งเหยิง

ใครจะไปรู้ว่านี่หมายถึงอะไร หมายถึงดวงซวยสุดขีดก่อนจะผลิกผันกลับมาเป็นดี หรือหมายถึงใช้สหายเซ่นไหว้สวรรค์ให้มีพลังฤทธิ์ไร้ขีดจำกัดกัน

พระเอกที่เปิดเรื่องมาก็โดนถอนหมั้นแบบนี้ ระหว่างทางไปปกติจะมีแต่ฆ่าฟัน อันตรายมากจริงๆ

ฉู่เทียนโหวบิดาของจ้าวเฮ่าหายสาบสูญไปในสนามรบบรรพกาล ใครจะรู้ว่าเป็นสหายกันแล้วจะพิชิตไปด้วยกันได้หรือไม่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนแอบตัดสินใจอยู่ในใจ เป็นสหายได้ แต่ให้สาบานเป็นสหายกันไม่ได้เด็ดขาด!

ช่วงนี้จ้าวเฮ่าพบเจอกับนิสัยใจคอคนมากมาย ตอนนี้เห็นสีหน้าเสิ่นเทียนก็พอจะสังเกตได้แล้ว

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “สหายเสิ่นไม่ต้องกังวลไป แซ่จ้าวโฉ่งฉ่างไปเอง ด้วยสถานการณ์ของข้าตอนนี้จะไปสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าได้อย่างไร”

ซี๊ด!

เสิ่นเทียนอดสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่งมิได้ นะ…นี่คือบทที่พระเอกโดนคนดูถูกหรือ

ตามโครงเรื่องปกติแล้ว ถ้าพระเอกโดนพูดจาดูถูกละก็ ภายภาคหน้าจะพลิกกลับมาได้อย่างแน่นอน

เวรแล้ว เจ้าจ้าวเฮ่านี่คงไม่คับแค้นใจเพราะเหตุนี้แล้วมาเสแสร้งทำให้ข้าขายหน้าหรอกนะ!

……

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้น ก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ถ้าเจ้ามีความคิดเช่นนี้ก็ไม่คู่ควรจริงๆ”

เสิ่นเทียนเชิดหน้ายืดอกขึ้น เดินไปตรงหน้าต่างอย่างเฉยชา มองเมืองหมอกลับแลข้างล่าง “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก!”

ในน้ำเสียงเย็นชามีปณิธารอันยิ่งใหญ่ที่กลืนกินใต้หล้า “สหายของแซ่เสิ่นจะต้องมีปณิธานอันยิ่งใหญ่แห่งมังกรทะยานสวรรค์เก้าชั้น ดังคำกล่าวว่าเกล็ดปลาทองจะอยู่สระน้ำได้อย่างไร เมื่อพบเมฆลมก็กลายเป็นมังกร ถ้าเจ้ายังดูถูกตัวเองแล้วจะให้คนอื่นเขาเคารพเจ้าได้อย่างไร

สหายจ้าว โอรสสวรรค์ที่แท้จริงไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร และยิ่งไม่ต้องอยู่ในสายตาคนอื่น แม้คนใต้หล้าจะหัวเราะเยาะเจ้าแล้วอย่างไร ใจข้าดั่งเหล็ก แข็งแกร่งไม่อาจตีแตกได้! จงแน่วแน่ตลอดไป สู้สุดชีวิตด้วยความกระตือรือร้น จะต้องทำให้พวกนั้นตกตะลึงได้อย่างแน่นอน!”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่าแววตาเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ “สหายเสิ่นพูดถูก จ้าวเฮ่าละอายใจ! หัวใจของสหายเสิ่นดั่งทองคำ กายดั่งอัคคี ผ่านการขัดเกลามาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่แซ่จ้าวกลับอ่อนแอเช่นนี้ ช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ!

คำพูดของสหายเสิ่นเหนือยิ่งกว่าฝึกบำเพ็ญเซียนร้อยปี วันนี้ที่สหายเสิ่นชี้แนะด้วยความอดทนและจริงใจ แซ่จ้าวจะจดจำไว่ในใจมิกล้าลืมเลือน!”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางโบกไม้โบกมือ “สหายจ้าวไม่ต้องเกรงใจ ความจริงปัญหาเรื่องพลังบำเพ็ญสูญสิ้นของเจ้าไม่ได้แก้ยากเลย”

เสิ่นเทียนเพิ่งกล่าวจบ จ้าวเฮ่าก็ตัวสั่นสะท้านทันที “สหายเสิ่นกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ขอไม่ปิดบังความจริงแล้วกัน ข้าเคยฝึกฝนวิชาทำนายความลับสวรรค์มาก่อน มองจากใบหน้าของสหายจ้าวแล้ว มีเครื่องหมายบ่งชี้ว่าเมื่อดวงชะตาอับโชคถึงขีดสุดจะพลิกผันกลับมาเป็นดี ดูท่ามังกรซ่อนกำลังจะทะยานขึ้นจากหุบเหวแล้ว”

จ้าวเฮ่าอึ้งไปแล้ว “สหายเสิ่นพูดจริงหรือ บอกได้หรือไม่ว่ามังกรซ่อนจะทะยานขึ้นจากหุบเหวได้อย่างไร”

“ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผยได้ สหายจ้าวอย่าใจร้อน มาดื่มต้มไก่ก่อนเถอะ!”

พูดจบ เสิ่นเทียนก็ยิ้มพลางตักต้มไก่ชามหนึ่งส่งให้จ้าวเฮ่า

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความซึ้งใจ “ถ้าสหายเสิ่นรู้จริงๆ ขอร้องช่วยบอกข้าทีเถอะ! แซ่จ้าวสิ้นพลังบำเพ็ญ โดนคนเหยียดหยาม ข้าใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ

ข้าจะฟื้นพลังบำเพ็ญแล้วเอาทุกอย่างของตระกูลกลับมา จะแข็งแกร่งขึ้นแล้วไปพาท่านพ่อกลับมาจากสนามรบบรรพกาล อ้อ ยังมีองค์หญิงนั่นด้วย เห็นๆ อยู่ว่าถอนหมั้นเพราะข้าสิ้นหลังบำเพ็ญ ยังจะมาหาข้ออ้างอีก

บอกว่าตอนไปเยือนอาณาจักรต้าเหยียนไปเจอบุรุษรูปงามคนหนึ่ง จากนั้นก็รักใครไม่ได้อีกเลย ทั้งยังบอกว่าข้าสิ้นพลังบำเพ็ญไม่สำคัญ แต่เทียบกับคนนั้นแล้ว หน้าตาข้าขี้เหร่เกินไปจริงๆ

น่าอัปยศ นี่คือความน่าอัปยศอดสู! จะถอนหมั้นก็ช่าง แต่นางกลับมาเหยียดหยามข้าเช่นนี้!

แซ่จ้าวทนกับความคับแค้นใจเช่นนี้ไม่ไหว!”

จ้าวเฮ่ายังพูดไม่จบ คนอื่นๆ ในห้องพิเศษเริ่มมีสีหน้าแปลกประหลาดยิ่ง

จางอวิ๋นซีใบหน้ากระตุกเล็กน้อย เหมือนจะกลั้นขำ นางมองจ้าวเฮ่าพลางถาม “เจ้ามั่นใจนะว่าที่อาณาจักรต้าเหยียนน่ะ”

จ้าวเฮ่าแค่นเสียงขึ้นจมูก “นางบอกว่าไปเจอบุรุษรูปงามคนนั้นที่สวนหมื่นวิญญาณของอาณาจักรต้าเหยียน ชื่อเสิ่นเอ้าเทียนอะไรนี่แหละ ช่างบังเอิญสหายเสิ่น ชื่อของเจ้านั่นคล้ายกับเจ้ามาก อีกทั้งเขาเหมือนจะชำนาญการทำนายความลับสวรรค์…”

รอเดี๋ยว ระยำ!

จ้าวเฮ่านิ่งอึ้งไป เขาหันหน้ามามองใบหน้าเสิ่นเทียน

เวลานี้ จ้าวเฮ่าเกิดการคาดเดาอันน่าสะพรึงและเหลวไหลขึ้นในใจ

……

ขณะเดียวกัน ประตูห้องพิเศษเปิดออก ก่อนเถ้าแก่จะยกอาหารคาวกลิ่นหอมฉุยจานหนึ่งเข้ามา

“ท่านชายเสิ่น ท่านเซียนจาง ทุกท่านรอกันนานเลย นี่คืออาหารแนะนำที่ร้านเราชำนาญที่สุด…กุ้งสดหัวใจหมู[2]! ทุกท่านลองชิมดูเถอะ!”

…………………………

[1] ป๋อหยากับจื่อชี เป็นเรื่องราวของป๋อหยาที่ชอบดีดพิณเพลงภูผาสูงสายน้ำรินไหลบนภูเขา แต่ไม่มีใครฟังเข้าใจ แต่คนตัดฟืนนามจงจื่อชีผ่านมาและฟังเข้าใจ จึงเหมือนเป็นคนรู้ใจกัน

[2] กุ้งสดหัวใจหมู พ้องกับคำว่า ฆ่าคนทะลวงหัวใจ