ตอนที่ 299 จะไปตายรึ? / ตอนที่ 300 จุดอ่อนของสัตว์ร้าย

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 299 จะไปตายรึ?

ชายหนุ่มส่งถ้วยคืนให้หูจ่างหลินหลังจากดื่มหมด ลำคอที่ร้อนลวกราวกับไฟเผาบรรเทาขึ้นมาก แม้จะมองเห็นคนตรงหน้าเป็นภาพซ้อนอยู่ แต่ก็ยังคงรู้ว่าภายในเรือนยังขาดไปอีกหนึ่งคน

“จื่อยาโถวเล่า” หูเฟิงถาม

จ้าวหลานรีบกล่าว “นางบอกว่าจะไปจับปลิงมาปรุงยา ทว่ายังไม่กลับมาเลย”

หูเฟิงร้องอ๋อเสียงหนึ่ง ก่อนจะถามอีก “ไปนานเท่าไรแล้วขอรับ”

“ก่อนหน้านี้นางไปมาแล้วรอบหนึ่ง จับปลิงกลับมาด้วยหลายตัว แต่นางบอกว่าไม่พอ ให้พวกข้านำปลิงที่ได้มาไปตากแดดก่อน ส่วนตัวนางออกไปอีกรอบ บอกว่าจะจับกลับมาเพิ่มอีก” จ้าวหลานกล่าว

ชายหนุ่มชะงักไป จับกลับมาแล้ว บอกว่าไม่พอ จึงออกไปอีกครั้ง? นี่ไม่ใช่นิสัยของไป๋จื่อเลย หลังจากคบค้าสมาคมกับนางมานานถึงเพียงนี้ เขารู้ว่าไป๋จื่อเป็นคนที่ทำอะไรต้องวางแผนเสมอ

จับกลับมาแล้ว แต่พบว่าปริมาณไม่พอ แล้วออกไปจับอีกได้อย่างไร

เขานึกถึงตอนที่ไปซื้อยาที่ร้านยาก่อนหน้านี้ ยาสองชนิดที่ขาดไป หนึ่งในนั้นมีปลิง

แต่นอกจากปลิงแล้ว ยังมีลิ่นด้วย

จับปลิงเป็นเรื่องง่าย ในคูน้ำบริเวณที่นาพวกนั้นย่อมจับได้ไม่น้อย ทว่าลิ่นเล่า มันเป็นสิ่งที่มีอยู่แค่ในภูเขาเท่านั้น และใกล้ๆ กับหมู่บ้านหวงถัวก็มีเพียงภูเขาลั่วอิง

“ไม่ได้การแล้ว นางจะต้องขึ้นเขาแน่” หูเฟิงพยายามจะลงจากเตียง เด็กคนนี้ไปหาที่ตายหรืออย่างไร อีกเดี๋ยวพานางกลับมาแล้ว เขาจะต้อง…จะต้อง…จะต้องทำอย่างไรเล่า เขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน ทว่าตอนนี้เขารู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก ทั้งโมโห ทั้งร้อนใจ คิดเพียงอยากจะไปให้ถึงตรงหน้าของนางโดยเร็ว เพื่อช่วยนางกลับมาจากสถานที่อันตรายนั่น

หูเฟิงเพิ่งลงจากเตียงก็ล้มลงบนพื้น ความรู้สึกเช่นนี้แปลกนัก ร่างกายของเขามีเรี่ยวแรงแท้ๆ ทว่าเท้าขาของเขากลับไม่ฟังคำสั่งเท่าไร เขาพบว่าเขาควบคุมขาของตนเองไม่ได้อย่างคาดไม่ถึง หัวใจอยากเดินไปข้างหน้าชัดๆ แต่เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงแล้ว

หูจ่างหลินกับจ้าวหลานรีบพยุงเขากลับมาที่เตียง ฝ่ายจ้าวหลานกล่าว “จื่อเอ๋อร์บอกว่าจะไปจับปลิง ไม่ได้บอกว่าจะขึ้นเขาเสียหน่อย”

ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจยิ่ง ขณะกำลังจะอธิบายให้พวกเขาฟังสักเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีเสียงของหลี่ซานทงดังมาจากในลานบ้านข้างนอก “จ่างหลิน เจ้าอยู่หรือไม่”

“อยู่ในเรือน มีเรื่องอะไรรึ” หูจ่างหลินตอบรับ

หลี่ซานทงเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน ส่วนหูจ่างหลินกำลังออกไปต้อนรับเช่นกัน ทั้งสองคนจึงชนกันที่หน้าประตูห้องของหูเฟิง

“มีเรื่องอะไรรึ ท่าทางเจ้าร้อนรนทีเดียว”

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว จื่อยาโถวของพวกเจ้าไปที่ภูเขาลั่วอิงเพียงลำพัง” หลี่ซานทงกล่าวอย่างเร่งร้อน

ครั้นจ้าวหลานได้ยินดังนั้น นางก็ตกใจจะเกือบจะทรุดไปกับพื้น

“เจ้าได้ข่าวนี้มาจากที่ใด นางบอกกับพวกข้าอย่างชัดเจนว่าจะไปจับปลิง” หูจ่างหลินถาม

“ตอนที่นางจับปลิง ข้าก็อยู่แถวนั้นด้วย เห็นนางกรีดน่องของตนเอง ปล่อยให้เลือดไหลล่อปลิงอยู่ในคูน้ำ หลังจากนั้นถึงจะจับปลิงได้จำนวนหนึ่ง ครั้นเสร็จเรื่องยังถามข้าว่ามีลิ่นที่ใดบ้าง พวกข้าจึงบอกนางไปว่ามีที่ภูเขาลั่วอิง ทั้งยังเตือนนางว่าภูเขาลั่วอิงอันตรายนัก อย่าได้ไปเป็นอันขาด นางบอกชัดว่าจะไม่ไป แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้นางจะไปที่นั่นแล้ว” หลี่ซานทงกล่าว

ตอนนี้หูจ่างหลินร้อนใจจนทนไม่ไหวแล้ว “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี หูเฟิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้แต่ลงจากเตียงยังยาก นางไปภูเขาลั่วอิงตอนนี้ ไม่เท่ากับไปตายหรอกรึ”

หลี่ซานทงกล่าวอีกว่า “โชคดีที่อาอู่ตามไปแล้ว อาอู่เป็นชายชาตรี ดูเขาแข็งแรงกำยำทีเดียว น่าจะพาจื่อยาโถวกลับมาได้ พวกเจ้าทำใจให้สบายก่อน ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวอาจจะกลับมาก็เป็นได้” เขาเห็นจ้าวหลานตกใจจนหน้าซีดเผือด จึงรีบพูดเสริมอีกเช่นนี้

……….

ตอนที่ 300 จุดอ่อนของสัตว์ร้าย

หูเฟิงฝืนลงจากเตียง ทว่าเพิ่งเดินไปได้สองก้าวก็ล้มลงบนพื้นอีกครั้ง ทำเอาหูจ่างหลินกับหลี่ซานทงต้องรีบเข้ามาพยุง

“หูเฟิง เจ้าลงมาอีกได้อย่างไร เจ้าร้อนใจนักข้ารู้ดี ทว่าสภาพของเจ้าในตอนนี้จะทำอะไรได้” หูจ่างหลินกังวลใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา เดิมทีอาการบาดเจ็บของหูเฟิงก็สาหัสอยู่แล้ว เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็ล้มลงกับพื้นถึงสองครั้ง

“หูเฟิง ก่อนจะไปจื่อยาโถวบอกไว้ ว่าให้เจ้านอนพักอยู่ที่นี่รอนางกลับมา ไม่อาจให้ศีรษะของเจ้ากระทบกระเทือนได้อีก ไม่เช่นนั้นถึงแม้เป็นเทพเซียนลงมาจุติก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีไฟร้อนๆ เกลือกลิ้งอยู่ในอก ก่อนจะกระอักเลือดออกมาโดยพลัน แล้วสลบไปอีกครั้ง

หูจ่างหลินยิ่งร้อนใจ เขากล่าวกับหลี่ซานทงว่า “ซานทง เร็วเข้า ช่วยข้าเรียกท่านหมอลู่มาที”

ตีนภูเขาลั่วอิง

อาอู่ตามไปตลอดทาง พยายามวิ่งอย่างสุดชีวิต ทว่ายังคงตามไป๋จื่อไม่ทัน ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงตามรอยเท้าใหม่เข้าไปในภูเขา

เพิ่งเข้าไปในภูเขาได้ไม่นานก็พบศพเม่นตัวหนึ่ง เม่นตัวนี้ไม่นับว่าตัวใหญ่ แต่ก็ไม่นับว่าตัวเล็กเช่นกัน หนามบนร่างกายยาวเท่ากับแขนของเด็กทารก แหลมคมและแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง สัตว์ป่าทั่วไปที่พบมัน ล้วนต้องถอยหลังกรูดเพราะตกใจกลัวหนามแหลมเหล่านี้ เม่นถือเป็นสัตว์ที่ดุร้ายมาก หากมันบ้าคลั่งขึ้นมา แม้แต่เสือก็ไม่กล้าสู้กับมันเลยทีเดียว

ทว่าเม่นตรงหน้าตัวนี้กลับไม่มีลมหายใจแล้ว เขาลองพลิกศพของมันดู ก่อนจะพบว่าตรงคอหอยของมันมีรูเลือดอยู่รูหนึ่ง แม้จะเป็นรูเล็กๆ ทว่าก็ลึกมาก เลือดสดๆ ของมันยังอุ่นอยู่ แม้กระทั่งยังไม่แข็งตัวเลยด้วยซ้ำ

หากแม่นางไป๋เป็นคนฆ่าเม่นตัวนี้ เช่นนั้นแล้วนางใช้อะไรฆ่า เพราะผิวของเม่นภูเขาแข็งเป็นพิเศษ เด็กสาวตัวเล็กที่ไม่เคยฝึกวรยุทธ์คนหนึ่งใช้กริชธรรมดาทั่วไป ย่อมยากที่จะเจาะทะลุผิวของเม่นได้

อีกทั้งเขาไม่เคยเห็นปากแผลเช่นนี้มาก่อน มีดนั้นต้องเล็กถึงเพียงใด และคมมีดต้องบางขนาดไหนกัน

ทว่าเขาไม่ได้คิดมากอีก เร่งตามรอยเท้าบนพื้นดินไปข้างหน้า

ไป๋จื่อกำมีดผ่าตัดในมือไว้แน่นขนัด พลางเดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวังทุกย่างก้าว

วันนี้นางขึ้นเขามาเพียงลำพัง ข้างกายไม่มีหูเฟิงอยู่ด้วย อีกทั้งไม่มีเมิ่งหนาน นางต้องพึ่งพาตนเองทุกอย่าง ไม่อาจก้าวพลาดได้แม้แต่ก้าวเดียว ไม่อาจตัดสินใจผิดพลาดเมื่อสัตว์ป่าปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันได้ ต้องสงบจิตใจไว้ทุกขณะ และยังต้องตั้งอกตั้งใจสังเกตรอบข้าง เพื่อตามหาหลุมที่ลิ่นจะซ่อนตัวได้

ทันใดนั้น เสียงคำรามอันคุ้นหูก็ดังมาจากสถานที่ที่ไม่ไกลออกไป เด็กสาวพลันรู้สึกหวั่นใจ “ไม่กระมัง คงไม่ซวยขนาดนั้นกระมัง…”

เงาร่างยักษ์ใหญ่ปรากฏสู่สายตาของนาง ตามเสียงคำรามนั้นมาติดๆ เป็นมันจริงๆ เสือหน้าผากขาวตาลอย เป็นเสือหน้าผากขาวตาลอยอีกตัวหนึ่ง ตัวนี้แม้จะเล็กกว่าตัวที่เคยเจอเมื่อครั้งก่อน แต่ถึงแม้จะตัวเล็กแล้ว นางก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอยู่ดี!!

เสือห้อตะบึงเข้ามาหานาง ก่อนจะกระโจนใส่นางอย่างคลุ้มคลั่ง

ไป๋จื่อเบี่ยงตัวหลบ รอดพ้นวิกฤติไปได้อย่างหวุดหวิด

นางกำมีดผ่าตัดไว้อย่างถนัดมือ ทว่าต่อให้ใจกล้าขนาดไหน เมื่อพบสัตว์ป่าเช่นนี้เข้า สุดท้ายก็ยังใจสั่น เข่าอ่อนอยู่ดี

แต่นางรู้ว่าหวาดกลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ อาการเข่าอ่อนก็มีแต่จะทำให้นางสูญเสียความหวังสุดท้ายไป นางจะทำอะไรไม่ถูกในเวลานี้ไม่ได้

ในหัวสมองของนางค้นหาจุดอ่อนของเสืออย่างรวดเร็ว จุดอ่อนของเสือคืออะไร บนตัวของมันมีจุดใดที่จู่โจมไปแล้วทำให้ถึงตายหรือไม่

นางนึกถึงตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนๆ หลายคนรวมกลุ่มกันในเวลาว่าง เพื่อพูดคุยเรื่องความรู้ที่อาจารย์สอน เมื่อพูดกันนานเข้าก็รู้สึกเหนื่อย ทุกคนจึงเล่าเรื่องตลกเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศ

มีคนหนึ่งถามว่า ‘เสือมีจุดอ่อนหรือเปล่า แล้วจุดอ่อนของมันคืออะไร’

ตอนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งพูดยิ้มๆ ‘แน่นอนว่าเสือมีจุดอ่อน พวกมันมีจุดอ่อนเดียวกันหมด จุดอ่อนถึงชีวิตเชียวล่ะ…นั่นก็คือมนุษย์ มันอาจจะไร้คู่ต่อสู้เมื่ออยู่ในป่า แต่ว่าพอเจอมนุษย์แล้ว พวกมันก็แค่ผักต้นหนึ่ง ตัวอย่างวิจัยตัวอย่างหนึ่ง เสื้อขนสัตว์สวยๆ ตัวหนึ่ง…’