หนึ่งดาบสอยจันทรา โดย ProjectZyphon

ตึง!

ร่างของหลินเสวี่ยเฟิงกระโจนขึ้นด้วยความโกรธเคือง ยกแขนกางฝ่ามือ กลางฝ่ามือนั้นมีละอองฝนหนาแน่น ราวภาพฝันในจินตนาการ

ชั่วขณะนั้นเองเกิดเสียงปะทะราวสายฟ้าฟาดดังกระหึ่มขึ้นในลานฝึกยุทธ์ พื้นลานแข็งแกร่งที่ปูลาดด้วยหินเหล็กกล้าสั่นสะเทือนแยกออกจากกัน

หลินสวินถูกกระแทกออกไปอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย

“จากนี้ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ว่าพลังอำนาจที่แท้จริงของระดับมหาสมุทรวิญญาณเป็นอย่างไร”

ท่ามกลางถ้อยคำเรียบเฉยชัดถ้อยชัดคำ ร่างของหลินเสวี่ยเฟิงก็ทะยานขึ้นกลางอากาศ รอบตัวโอบล้อมไปด้วยแสงแรงกล้า พลางมองหลินสวินจากที่สูง

“ท่านพี่เสวี่ยเฟิงไม่ยั้งมือแล้ว!”

“ควรทำอย่างนี้เสียตั้งแต่แรก”

ฝูงชนรอบข้างตื่นเต้น อยากเห็นหลินเสวี่ยเฟิงกำราบหลินสวินเต็มที

‘บีบให้เสวี่ยเฟิงแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาได้ เจ้าเด็กนี่ก็ถือว่ามีความสามารถเก่งกล้าแล้ว แต่ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปนับแต่นี้ล่ะ’ หลินไหวหย่วนที่อยู่ไกลออกไปพึมพำอยู่ในใจ

‘เคลื่อนไหวกลางเวหา แผ่พลังกลางอากาศ การจู่โจมนี้เมื่อสำแดงออกมาก็ไม่ต้องสู้ต่อแล้ว นายน้อยตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบแล้ว’

หลินจงพลันบีบคั้นหัวใจ สีหน้ากังวลปรากฏบนใบหน้า

ความโดดเด่นที่สุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณ คือสามารถเคลื่อนที่ในเวหา แผ่พลังกลางอากาศ หลินสวินในตอนนี้ยังไม่สามารถไปถึงขั้นนั้นได้

ด้านพลังที่มีแต่เดิมนั้น ถูกหลินเสวี่ยเฟิงกดลงให้ด้อยกว่าไปแล้ว!

ครืน

กลางอากาศนั้น หลินเสวี่ยเฟิงเหลือบมองด้วยสายตาดูถูกอย่างชัดเจน ราวกับเทพเจ้ามองลงมาสู่เบื้องล่าง มือทั้งสองของเขาไขว้เข้าหากัน เมื่อกระแทกออกไป แสงวิญญาณละอองฝนก็ไหลรินลงมา ทาบทับห้วงอากาศที่นี่

ปังๆๆๆ

เสียงระเบิดต่อเนื่องดังขึ้น

แสงวิญญาณละอองฝนที่ลอยละล่องนั้นดูอ่อนโยน ทว่าทันทีที่เทลงมาก็ยังให้ห้วงอากาศแตกสลาย เกิดเป็นเสียงอื้ออึงสั่นสะเทือนจนหูแทบดับ

น่ากลัวนัก เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาลับที่มีเอกลักษณ์วิชาหนึ่ง!

ทว่าดวงตาดำขลับของหลินสวินกลับนิ่งสงบ เคลื่อนไหวฉับพลันด้วยความเร็วทั้งหมด ราวสายฟ้าที่ฟาดฉับ ดุจปีศาจที่กระโดดไปมาไม่อยู่นิ่ง

ซ่าๆๆๆ

ในชั่วเวลาหนึ่ง ลานฝึกยุทธ์มีแต่รอยเงาที่หลินสวินทิ้งไว้ยามเคลื่อนไหว เห็นได้ว่าความเร็วของเขานั้นทำให้ผู้คนตกตะลึงได้มากแค่ไหน

และอาศัยแค่ความเร็วในการหลบหลีกนี้ ก็สามารถทำให้หลินสวินปลอดภัยจากการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงได้แล้ว

“เวรเอ๊ย! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

“แผ่พลังกลางอากาศเชียวนะ การโจมตีนี้ของท่านพี่เสวี่ยเฟิงปกคลุมไปทั่วทั้งสี่ด้านแปดทิศ ถ้าลองเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าคนอื่นคงหลบพ้นได้ยาก แต่หลินสวินผู้นี้…”

“เขาทำได้อย่างไรกันนะ”

“พลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณน่าสะพรึงกลัวขนาดสร้างตาข่ายฟ้าที่ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ เจ้าเด็กนี่หลบพ้นได้อย่างไร”

เสียงเซ็งแซ่ไปทั้งลาน ทุกคนล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าหลินสวินที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจะสามารถหลบหนีการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงได้

“หึ!” กลางอากาศนั้น หลินเสวี่ยเฟิงส่งเสียงหยัน ใช้วิชาไม้ตายทั้งหมดที่ตนมี พลันปรากฏละอองฝนสวยงามราวนิมิตระลอกแล้วระลอกเล่าโปรยปรายลงมา

ทุกครั้งที่โจมตี เพียงพอที่จะฆ่าผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณทุกคนอย่างง่ายดาย และสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งในระดับมหาสมุทรวิญญาณล้วนหวาดกลัว

อำนาจที่ปลดปล่อยออกมานั้นยังให้ท้องฟ้าเหนือลานฝึกยุทธ์ตกอยู่ในสภาวะยุ่งเหยิง มีเสียงหวีดหวิวกลางอากาศ กระแสลมพัดปั่นป่วน กลายเป็นเสียงระเบิดเสียดหู

ฝูงชนจ้องมองด้วยใจระทึก ตื่นเต้นไม่หยุด

นี่คือพลังอำนาจของปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ หยัดยืนอย่างโอหังกลางห้วงเวหา แผ่พลังกลางอากาศสังหารศัตรู ชั่วขณะที่โบกมือ ก็สามารถปลดปล่อยพลังที่สามารถพลิกภูเขาล้มสมุทรได้!

ภายใต้การโจมตีโหดเหี้ยมรุนแรงน่าสะพรึงขั้นนี้ หลินสวินตกที่นั่งลำบากอย่างชัดเจน ราวกับเรือน้อยโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรเวิ้งว้างที่จะล่มเมื่อไรก็ได้

สภาพการณ์ที่โอบล้อมไปด้วยอันตรายเช่นนั้นทำให้หลินจงใจสะท้านด้วยความกลัว วิตกกังวลถึงที่สุด ผู้คนจำนวนมากในลานอดส่งเสียงโห่ร้องยินดีไม่ได้ ด้วยคิดว่าถูกกดดันถึงขั้นนี้ หลินสวินยากนักจะหนีพ้นเภทภัยไปได้!

แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลินสวินที่ทุกคนเห็นว่าควรถูกกำราบเสียตั้งนานแล้ว กลับหลบท่าพิฆาตได้รอบแล้วรอบเล่า พาตัวเองพ้นจากอันตรายออกมาได้

ร่างกายของเขาแม้สะบักสะบอมหาใดเปรียบ ทั้งในระหว่างที่หลบหนีก็ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก หลายจุดถึงกับมีเลือดไหลออกมา

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ หลินสวินก็ยังไม่ล้มลงเลยจนถึงตอนนี้

“ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทนได้ถึงเมื่อไร”

หลินเสวี่ยเฟิงสีหน้าถมึงทึงขึ้น มือทั้งสองของเขาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ถักทอลำแสงละอองฝนเต็มท้องฟ้า ราวกับคลื่นน้ำตกม้วนเกลียว

ทั้งลานฝึกยุทธ์สั่นสะเทือน เกิดเสียงอื้ออึง เห็นได้ว่าการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงน่าสะพรึงเพียงใด

แต่หากเพ่งพิศหลินเสวี่ยเฟิงโดยถ้วนถี่จะพบว่า ใบหน้าเขาแดงขึ้นแล้ว บนร่างเอ่อล้นไปด้วยลำแสงแรงกล้า แสดงให้เห็นว่าใช้พลังทั้งหมดจนสิ้น

ในการโจมตีระดับนี้ สถานการณ์ของหลินสวินยิ่งเข้าใกล้วิกฤติ เวลานี้เขาเลือดไหลไปทั้งร่าง ตามตัวมีรอยแผลเล็กๆ นับไม่ถ้วน

เพียงดวงตาสีดำล้ำลึกคู่นั้นยังคงสงบนิ่งน่ากลัวดังเดิม

เงาร่างของเขาดูเหมือนหลบหนีหัวซุกหัวซุน แต่กลับไม่ถูกกำราบจนราบ

“แปลก เจ้าเด็กนี่เหตุใดยังไม่แพ้อีก”

“เสวี่ยเฟิงเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ ทั้งยังผ่านการทดสอบระดับอาณาจักรมาได้อย่างราบรื่น แต่เจ้าหลินสวินนั่นเป็นเพียงผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าเต็มขั้นชัดๆ เหตุใดถึงยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้”

“ไม่เข้าใจเลย การต่อสู้นี้แปลกเกินไปแล้ว”

ฝูงชนโดยรอบประหลาดใจไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าหลินสวินสู้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

กระทั่งหลินไหวหย่วนที่อยู่ไกลออกไปยังตกใจระคนสงสัย ในสายตาเขา เพียงดูออกว่าหลินสวินคล้ายมีลางสังหรณ์ล่วงหน้า ทำให้ทุกครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงขีดสุด สามารถหลบท่าสังหารรอบแล้วรอบเล่าได้พ้น

นี่ทำให้คนทำใจเชื่อได้ยาก

‘นายน้อยเข้าใจพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดินได้ดีเยี่ยมถึงขั้นนี้แล้ว! ถึงกับก้าวข้ามหลินเสวี่ยเฟิงที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณไปได้!’

หลินจงเหมือนดูบางอย่างออก จิตใจสะท้านไหว

แน่นอนว่าหลินสวินยังไม่มีพลังพอโจมตีกลับ แต่ระหว่างที่เขาหลบการโจมตีนั้น กลับไล่ตามพลังฟ้าดินที่หลินเสวี่ยเฟิงก่อขึ้นตอนต่อสู้ได้!

เพราะมองสิ่งนี้ออก จึงทำให้ยามเขาหลบหนี สามารถหลบหลีกภัยสังหารได้ราวทำนายไว้แล้ว

ไม่นานนักก็เกิดเรื่องที่ทำให้ฝูงชนในลานไม่คาดฝันยิ่งไปกว่าเดิม หลินเสวี่ยเฟิงที่ใช้พลังอำนาจราวเทพกลางห้วงอากาศอยู่นั้น กลับลอยละล่องลงมาสู่พื้นดิน!

ใจหลินเสวี่ยเฟิงก็เกิดความทุกข์ยากเอื้อนเอ่ย อย่าได้มองว่าเมื่อครู่เขาได้เปรียบอย่างหมดจดอยู่กลางอากาศ เมื่อเขาโจมตีด้วยแรงทั้งหมดที่มี พลังที่ผลาญออกไปก็มากมายถึงที่สุดเช่นกัน

ยิ่งเขาเพิ่งเข้าสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณ ยังไม่สามารถใช้พลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาไม่กล้าสู้ต่อไปเช่นนี้

มิเช่นนั้นแล้วหากพลังกายถูกผลาญสิ้น ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นโอกาสดีแก่หลินสวินเอาได้!

แต่หลินเสวี่ยเฟิงก็วางแผนไว้แล้ว ทันทีที่ลงมาถึงพื้น ร่างเขาพลันกระโจนพุ่งไปทางหลินสวิน หมายจะฆ่าให้สิ้น

ห้วงอากาศไม่อาจทำร้ายหลินสวินได้ อย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นเข้าสังหารระยะประชิดก็แล้วกัน!

อาศัยอานุภาพของระดับมหาสมุทรวิญญาณ แม้ปลากดที่ตัวไหลลื่นก็ต้องยอมแพ้ ยากหลบการโจมตีนี้!

ทว่าหลินสวินราวกับรอเวลานี้มานานแล้ว ชั่วขณะที่หลินเสวี่ยเฟิงเข้าสังหารนั้น เงาร่างที่คอยหลบหลีกพลันหยุดลงทันใด

“หือ?”

หลินเสวี่ยเฟิงหรี่ตา คล้ายคาดไม่ถึงอยู่บ้าง

ชิ้ง!

ชั่วขณะนั้นเองดาบเวทเรืองแสงพลันปรากฏ กระบวนท่า ‘คว้าดารา’ ที่ไปถึงขั้นสมบูรณ์สำแดงฤทธิ์!

ฝูงชนรู้สึกเพียงดวงตาพร่ามัว ราวมองเห็นราตรีแสนยาวนานมาเยี่ยมเยือน ดารานับหมื่นร่วงหล่น พลังที่สามารถทำลายล้างฟ้าดินแผ่ซ่านออกมา

ปึ้ง!

พลันเห็นหลินเสวี่ยเฟิงถูกดาบนี้ฟันอย่างจังจนถอยออกไปดังตึงๆๆ สิบกว่าจั้ง ถ้าในเวลานั้นเขาไม่ได้ยื่นกระบี่สำริดมาบังร่างไว้ ดาบนี้คงฟันเขาขาดกระเด็นเป็นสองท่อน

“เจ้า!”

หลินเสวี่ยเฟิงสะท้านไปด้วยความโกรธ ไม่อาจเชื่อได้ว่าสู้กันมาถึงตอนนี้ หลินสวินที่ยังเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าเท่านั้นจะสามารถโจมตีจนเขาถอยไปได้!

แต่หลินสวินไม่ให้เวลาเขาได้ตกใจหรือแสดงท่าทีตอบกลับ กระโจนร่างขึ้นไปแล้วฟาดดาบลงมาอีกครั้ง!

ดาบนี้ราวกับดวงจันทร์ที่สะท้อนในทะเลคราม!

กักเก็บความโกรธเคืองที่หลินสวินเก็บซ่อนในใจมานาน

ดาบนี้ เป็นการเอาคืนที่แข็งแกร่งแน่วแน่ที่สุดแก่การเหยียดหยามและหัวเราะเย้ยหยันรอบตัวที่ได้รับตั้งแต่เริ่มต่อสู้!

ใครไม่มีไฟแค้นเล่า? ใครจะเผชิญหน้ากับการถากถาง หัวเราะเยาะ และเหยียดหยามโดยไม่สะทกสะท้านได้เล่า?

ตั้งแต่เหยียบย่างเข้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดร สิ่งที่ได้พบตลอดทางคือการต่อต้านและประชดประชัน ไม่มีแม้แต่ความเคารพเลยสักนิด!

หลินสวินจะไม่เกิดไฟแค้นในใจได้อย่างไร

เขารอเวลานี้มานานมากแล้ว ในที่สุดโอกาสก็มาถึง เขาไม่สนสิ่งใด แสดงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา

ดาบนี้ ก็คือหนึ่งในสามกระบวนท่าสุดยอดของเพลงดาบวัฏจักรฟ้า ‘สอยจันทรา’!

ฟ้าดินราวราตรีอันยาวนาน มีเพียงแสงจากกระบี่วาดเป็นรูปดวงจันทร์นวลลออลอยเด่นกลางนภา สาดแสงวังเวงเย็นเยียบออกมา

กลิ่นอายแผ่วเบาสิ้นหวังยากบรรยายคืบคลานสู่หัวใจของฝูงชนในลานอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้พวกเขาเหม่อลอย

ปึ้ง!

หลินเสวี่ยเฟิงคำรามเดือดดาล ใช้พลังทั้งหมดป้องกันก็ยังตั้งรับดาบน่าสะพรึงนี้ไม่ได้ กระบี่สำริดในมือพลันระเบิดกระจุย สลายกลายเป็นผงละเอียด

ร่างของเขาถูกกระแทกกระเด็นออกไปอย่างโหดเหี้ยม กระดอนไปบนพื้นเสียงดังตึง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวประหลาดใจหาใดเปรียบ อดกลั้นไม่กระอักเลือดออกมาไม่ได้

ทั้งลานไร้เสียง เงียบสนิทยิ่ง

ทุกคนต่างเบิกตากว้าง มองภาพนี้อย่างไม่กล้าเชื่อสายตา ตระหนกตกใจไม่อยากยอมรับ

ดาบเดียวเท่านั้น!

ก็เอาชนะและทำร้ายหลินเสวี่ยเฟิงได้หรือ

ใครจะกล้าเชื่อได้

เวลานี้แม้แต่กลุ่มคนใหญ่โตอย่างพวกหลินไหวหย่วนก็ล้วนสะท้านใจ วิชาดาบที่หลินสวินใช้เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงคาดไม่ถึง

นั่นไม่เหมือนวิชาที่ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าจะใช้ได้! แข็งแกร่งไปแล้ว!

พวกเขาไม่อาจคาดคิดได้ว่า โลกนี้จะมีวิชาดาบมหัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร ถึงทำให้เด็กหนุ่มขั้นผสานฟ้าก้าวข้ามระดับมาทำร้ายคู่ต่อสู้ได้!

‘ที่แท้ นายน้อยก็มีดาบเพชฌฆาตอยู่ในกรุ…’ หลินจงพึมพำในใจ

เขาพลันหันหน้าสื่อจิตถามว่า ‘จูเหล่าซาน เจ้าดูความลับของกระบวนท่าดาบเมื่อครู่นั้นออกไหม’

จูเหล่าซานเงียบงันไม่เอ่ยปาก

หลินจงพลันยิ้มกับตัวเอง ไม่ขัดข้องใจ คิดจะให้เจ้าคนเงียบขรึมพูดน้อยอย่างจูเหล่าซานเปิดปากพูด คงยากกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก

‘เหมือนพลังหยั่งเจตจำนงมาก บนโลกนี้พบได้ยากนัก’

แต่ที่หลินจงคาดไม่ถึงก็คือ ไม่นานนักจูเหล่าซานก็สื่อจิตตอบเขา ทำให้เขาอดอึ้งเล็กน้อยไม่ได้ พลันพยักหน้า

เขาเองก็รู้สึกเช่นนี้

อนุภาพวิชาดาบของหลินสวินก้าวข้ามความธรรมดาสามัญที่ทั้งโลกยอมรับไปแล้ว ราวกับเป็นวิชาเทพที่อยู่ในตำนานเล่าขาน ครอบครองความลี้ลับที่จะแย่งชิงโชคชะตาฟ้าดินทั้งมวล

กลางลานนั้น ร่างหลินสวินโชกไปด้วยเลือด ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาใต้ผมสีดำยาวนั้น เมื่อถูกแสงจากบนฟากฟ้าสาดส่องลงมา ก็ฉายให้เห็นแววตาดูถูกชัดเจน

ชั่วขณะนี้เอง คนในตระกูลหลินแห่งแสงอุดรอึ้งงันไร้เสียง ราวถูกมือที่มองไม่เห็นตบหน้าอย่างร้ายกาจ ไม่มีใครกล้าเหยียดหยามหัวเราะเยาะอีก

ถึงขั้นที่ว่าแค่มองหลินสวินก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเยียบเย็น เด็กหนุ่มผู้นี้…เป็นตัวอะไรกันแน่!

ถึงได้…ถึงได้ใช้พลังปราณขั้นผสานฟ้าโต้กลับทำร้ายหลินเสวี่ยเฟิงได้!

น่ากลัวยิ่งนัก!

“นี่เป็นไปไม่ได้…!”

ไกลออกไป หลินเสวี่ยเฟิงที่ล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นเหม่อลอยไปครู่หนึ่งเช่นกัน ราวไม่อาจทำใจเชื่อได้ พลันสีหน้าเขียวขึ้นอย่างหาใดเปรียบ คำรามออกมาอย่างขัดเคืองแล้วพลิกตัวลุกขึ้นยืน