ตอนที่ 241 ใครทำใครเชื่อง? + ตอนที่ 242 จิตคิดสังหาร!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 241 ใครทำใครเชื่อง?

ตอนนี้ คุณชายชุดผ้าแพรในสนามพลันโผไปหาร่างเหล่าไป๋ กอดคอมันไว้แล้วพลิกตัวจะขึ้นไปขี่ กลับถูกเหล่าไป๋สะบัด ร่างกายโดดลอยขึ้นไปบนฟ้า หลังหมุนตลบอยู่กลางอากาศก็ร่อนลงพื้นถอยออกไปหลายก้าว

ทว่าในเวลานี้ เหล่าไป๋เหมือนร้อนรนกระวนกระวาย กีบเท้าเตะไปบนพื้น ร้องฮี้เสียงเบาสองสามครั้ง แล้วพุ่งไปทางชายชุดผ้าแพรผู้นั้นทันที ทำให้เขาที่เพิ่งยืนขึ้นก้าวหยัดมั่นคงล้มลงและโดนกดไว้ใต้ท้องม้า

เมื่อเห็นชายชุดผ้าแพรถูกทับไว้เสียจนสีหน้าแดงก่ำไม่อาจขัดขืนออกมาได้ ผู้คนนอกสนามต่างหัวเราะโฮ่ร้องลั่น เสียงยิ้มเยาะที่ประสานกันกึกก้องอยู่ภายในสนาม ดังสนั่นเป็นพิเศษ

ชายชุดผ้าแพรโดยทุกคนหัวเราะเยาะเสียจนอับอายไปบ้าง บวกกับม้าอ้วนตัวนั้นที่ทับบนร่างไว้ไม่อาจผลักไส จึงโกรธจัดขึ้นมาชั่วขณะ หยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งออกจากห้วงมิติแทงลงไปที่เหล่าไป๋อย่างโหดร้ายทารุณ

เฟิ่งจิ่วที่เห็นภาพนี้แววตาเย็นเยียบ นิ้วมือขยับเล็กน้อย ยิงเข็มเงินออกไปดังฟิ้ว

“อึก!”

ชายชุดผ้าแพรร้องด้วยความเจ็บปวด สูดหายใจเข้า มีดสั้นร่วงหล่นจากมือ เมื่อเห็นเข็มเงินเล่มนั้นบริเวณฝ่ามือที่กำลังสั่นเทิ้มน้อยๆ เขาก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห

“ใคร! ใครลอบทำร้ายข้า!”

ทุกคนเห็นท่าทางเขาที่เดิมทีเตรียมจะแทงลงไปกลับหยุดลงเพราะร้องคร่ำครวญ มีดสั้นในมือก็หล่นลงบนพื้น กระซิบกระซาบกันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เวลานี้ เฟิ่งจิ่วในฝูงชนเขย่งปลายเท้า เรียกพลังกระโจนลงไปในสนามทันที

ทุกคนเพียงเห็นว่าเงาร่างสีแดงแพรวพราวตรงหน้าแวบไป ชุดสีแดงพลิ้วไหวขึ้นกลางอากาศ เวลาต่อมา ก็ร่อนลงพื้นอย่างสง่างาม หนุ่มน้อยรูปงามที่หน้าตาหล่อเหลาและกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงศักดิ์ยืนมือไพล่หลังอยู่ในสนาม คางเชิดขึ้นเบาๆ ดวงตาสดใสมองลง ปิดท้ายด้วยกลิ่นอายแสนสะพรึงที่สูงส่งน่านับถือ

“คนผู้นี้เป็นใครกัน? ทำไมจู่ๆ ถึงเข้าไปเล่า?”

“เด็กหนุ่มผู้นี้โดดเด่นยิ่งนัก! หรือว่าจะเป็นลูกชายตระกูลชนชั้นสูงตระกูลไหน?”

“คล้ายจะไม่ใช่คนเมืองลิ่วเต้าเรานะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

ขณะทุกคนกำลังเสวนากัน คนของหอเมฆาทรงเกียรติก็เดินออกมาเพราะการบุกรุกเข้ามาในสนามอย่างกะทันหันของเฟิ่งจิ่ว กำลังจะปริปากถามไถ่ ก็ได้ยินเสียงหนุ่มน้อยชุดแดงลอยมา

“เหล่าไป๋ มานี่”

เฟิ่งจิ่วเรียก เห็นเหล่าไป๋ที่นอนทับชายชุดผ้าแพรไว้บนพื้นร่างแข็งทื่อไป หันหน้ากลับมาทันที พอเห็นเฟิ่งจิ่วก็ร้องฮี้ วิ่งเข้าไปอย่างเบิกบานใจ

เห็นภาพเช่นนี้ ทุกคนมีท่าทีแปลกใจ แต่ละสายตาต่างจับจ้องบนร่างชายหนุ่มชุดแดงผู้นั้น แอบพินิจมอง

ดูท่าทาง ม้าอ้วนตัวนั้นจะเป็นของเด็กหนุ่มชุดแดง? แต่ว่า หากเป็นของเขา ทำไมถึงถูกขายมาหอเมฆาทรงเกียรติ? สายตาผู้คนมองไปทางคนของหอเมฆาทรงเกียรติ อยากลองดู ว่าพวกเขาจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร?

เฟิ่งจิ่วในสนามลูบๆ หัวเหล่าไป๋ บอกว่า “ไม่ต้องลำบากแล้ว ข้ามาพาเจ้ากลับไป”

“สัตว์วิญญาณตัวนี้เป็นของหอเมฆาทรงเกียรติเรา จะปล่อยให้คุณชายพาไปไม่ได้หรอกขอรับ” ชายวัยกลางคนเอามือไพล่หลังเดินเข้ามา พูดพลางมองเฟิ่งจิ่วในชุดแดง

“ถูกต้อง! ข้ายังไม่ทำให้มันเชื่อง จะให้มันไปได้อย่างไรเล่า?”

ชายชุดผ้าแพรเดินเข้ามา ถลึงมองเฟิ่งจิ่วด้วยใบหน้าชั่วร้ายน่ากลัว “เจ้าสินะที่ใช้เข็มเงินลอบทำร้ายข้า? ช่างใจกล้านัก!”

เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองคนผู้นั้น ยิ้มเย็นชาให้ “แน่ใจรึว่าเมื่อครู่ไม่ใช่เหล่าไป๋ข้าที่กำลังฝึกให้ท่านเชื่อง?”

ได้ยินคำพูดนี้ คนรอบๆ ต่างเปล่งเสียงหัวเราะ สีหน้าชายชุดผ้าแพรก็แดงก่ำขึ้นตามมา ตะคอกใส่เฟิ่งจิ่ว “เจ้าบังอาจนัก!”

หมัดพลันโจมตีออกไปพร้อมพลังไหลเวียน ทว่าหมันยังไม่ทันแตะเฟิ่งจิ่ว ร่างกายก็ถูกถีบกระเด็นออกไปเสียแล้ว

………………………………………………….

ตอนที่ 242 จิตคิดสังหาร!

“อื้อ!”

ร่างชายชุดผ้าแพรนอนลงบนพื้นร้องเสียงอู้อี้ เพราะความเจ็บรุนแรงจากการโดนถีบบริเวณท้อง ตรงขมับจึงมีเหงื่อไหลออกมาทันใด อยากจะลุก แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะให้ยืนขึ้นมาได้

ผู้คนที่เห็นภาพเช่นนี้พลันเงียบกริบ เหมือนจะเหลือเชื่อไปบ้าง อันที่จริง ชายชุดผ้าแพรคือลูกชายตระกูลหลิ่ว กำลังวรยุทธ์ถือว่าเป็นที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นราวคราวเดียวกัน ทว่ายามนี้ ไม่นึกเลยว่าจะถูกเด็กหนุ่มชุดแดงถีบเสียจนล้มลงไปนอนแผ่ แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกตะลึงได้อย่างไร?

เมื่อชายวัยกลางคนข้างๆ กันเห็นหนุ่มน้อยชุดแดงออกเท้าอย่างกะทันหัน แววตาสั่นไหวน้อยๆ นัยน์ตามีแววประหลาดใจฉายผ่านไปรวดเร็ว ก่อนจะหันไปเล็กน้อยเพื่อพินิจมองเขาอีกครา

อาจเพราะรู้สึกถึงสายตาที่เขามองพิเคราะห์ เด็กหนุ่มชุดแดงจึงมองมาทางเขาด้วยดวงตาอันสดใสที่มีความเย็นเยียบ ชั่วขณะนั้น ราวกับเป็นภาพลวงตา คล้ายว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหาใช่เด็กหนุ่ม แต่เป็นราชาผู้สูงศักดิ์!

แรงกดดันน่าหวาดกลัวและกลิ่นอายดุเดือดที่ปะทุออกมาจากสายตานั้น ทำให้เขาหัวใจสั่นสะท้านอย่างไม่อาจหักห้าม หากบอกว่าเดิมทีคิดว่าหนุ่มน้อยนี่อาจเป็นลูกชายจากตระกูลชนชั้นสูงตระกูลใดสักตระกูล งั้นเวลานี้ ก็มั่นใจได้ ว่าภูมิหลังเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

เพราะกำลังมีความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจ สีหน้าเขาจึงใจเย็นลง เอ่ยว่า “คุณชายท่านนี้ มาคุยกันด้านหลังไม่ดีกว่ารึ?” ขณะเดียวกัน ก็ทำท่าทางเชื้อเชิญ

แต่เวลานี้ ชายชุดผ้าแพรบนพื้นกลับลุกขึ้นยืนทั้งสีหน้าขมึงทึง “ไป? จะเดินไปไหนเล่า? คิดว่าจะกลั่นแกล้งคนตระกูลหลิ่วข้าได้ง่ายๆ จริงๆ รึ? ถีบขาทีหนึ่งก็คิดจะไป? ไม่มีทางเสียหรอก!”

สิ้นสุดน้ำเสียง กลิ่นอายพลังวิญญาณบนร่างเขาก็พรั่งพรู ใบมีดลมปราณก่อตัวขึ้นตรงฝ่ามือ ระหว่างที่ร่างกายพลันพุ่งไปทางเฟิ่งจิ่ว ใบมีดลมปราณในมือก็ฟันตามออกไป

เฟิ่งจิ่วที่เดิมกะจะเดินตามชายวัยกลางคนผู้นั้นไปยังทางออกรู้สึกถึงเสียงใบมีดลมปราณที่รุนแรงด้านหลัง ขณะหันตัวกลับไปมองเห็นใบมีดลมปราณปาดมาหาเธอ เมื่อกำลังจะหลบออก กลับเห็นเหล่าไป๋สะบัดหางม้าตามมาข้างกายอย่างว่านอนสอนง่าย

หากหลบไป ใบมีดลมปราณนั้นจะต้องตัดลงบนร่างเหล่าไป๋ นึกถึงตรงนี้ ดวงตาเธอหรี่ลง สองแขนรวบรวมกระแสลมขวางใบมีดที่โจมตีมาไว้ เพียงได้ยินเสียงตวัดผ่านดังฟิ้ว แขนเสื้อที่ใช้กระแสลมกีดกั้นก็ถูกตัดกลายเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นสองข้อมือขาวหิมะดั่งรากบัว

ผิวขาวราวหิมะนั้น เพียงถูกลมพัดก็อาจบุบสลาย ทำให้บุรุษหลายคนนอกสนามหายใจหนักๆ กันอยู่ไม่น้อย แต่ละคนต่างจ้องมองใบหน้างดงามราวปีศาจของเด็กหนุ่มชุดแดง แอบคิดว่า หนุ่มน้อยหน้าตาโดดเด่นเช่นนี้ หากเป็นผู้หญิง จะมีท่าทางยั่วยวนสักเพียงใด?

เฟิ่งจิ่วแค่รู้สึกเจ็บแสบเล็กน้อยบนใบหน้า ยกนิ้วมือขึ้นเช็ดเบาๆ หยดเลือดแต่ละหยดจึงชโลมอยู่บนปลายนิ้ว…

เห็นเช่นนี้ ริมฝีปากเธอค่อยๆ คลี่ยิ้มทรงเสน่ห์น่าหลงใหล รอยยิ้มนั้นเป็นดั่งดอกฝิ่นที่เบ่งบานท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ งดงามเกินคำบรรยาย กลับมีกลิ่นอายอันตรายที่กระหายเลือดอยู่บางส่วน…

ดวงตาเธอหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ไอสังหารเยือกเย็นกระจายออกจากร่างในทันที ทว่าในเวลานี้ ชายชุดผ้าแพรกลับเหมือนจะไม่ทันสังเกต เพราะเขาก็หลงเคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มมีเสน่ห์น่าดึงดูดนั้นที่แย้มอยู่บนริมฝีปากคนตรงหน้า ในดวงตาจึงมีความหลงใหลผุดขึ้นเพราะเหตุนี้ ไม่เห็นสีหน้าความโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้เลยสักนิด

แต่ชายวัยกลางคนของหอเมฆาทรงเกียรติข้างๆ กลับแอบตื่นตระหนก โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารที่กระจายออกมาจากร่างเด็กหนุ่มชุดแดง ก็ยิ่งหวาดกลัวอย่างมาก พอกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นเงาร่างสีแดงนั้นแวบหาย พุ่งไปทางชายชุดผ้าแพร ความเร็วที่ว่องไว ทำให้เขาไม่ทันได้ห้ามปราม…

………………………………………………….