ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 74 การจัดการต้นตอของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ท่านลุงจ้าวได้รับอันตรายในหุบเหวปราการมังกรอย่างนั้นหรือ? เป็นฝีมือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่? เพื่อเฝ้าระวังพวกทะยานบูรพา ท่านผู้อาวุโสฉินจึงเคลื่อนไหวพร้อมกับท่านลุงจ้าวโดยเฉพาะ”

เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง แล้วมองไปยังชายวัยกลางคนหนวดสีดำที่อยู่เบื้องหน้า

ชายวัยกลางคนหนวดดำผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสข่ง ที่ออกจากสำนักมายังเกาะนภาตะวันออก เพื่อช่วยเหลือผู้อาวุโสฉิน

ผู้อาวุโสข่งดูสง่ารอบรู้ สวมชุดคลุมยาว มองดูแล้วราวกับบัณฑิตวัยกลางคนคนหนึ่ง

ตอนที่อยู่ในสำนัก เยี่ยนจ้าวเกอรู้จักเขาเป็นอย่างดี และรู้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้มักจะพูดรักษาน้ำใจผู้อื่นเสมอ

เขาบอกว่าจ้าวซื่อเฉิงประสบอันตรายที่หุบเหวปราการมังกร เช่นนั้นสถานการณ์จริงคงจะร้ายแรงยิ่งกว่า

ผู้อาวุโสข่งมองเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วพูดสั้นๆ ว่า “พวกท่านผู้อาวุโสฉินยังคงควบคุมความผิดปกติของหุบเหวอยู่ แต่จำเป็นต้องให้ข้าเข้าไปช่วยเหลือราชาอาณาจักร และนำเขาออกมา”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่สามารถคอยดูแลเจ้าอยู่ด้านนอกนี้ได้อีกแล้ว เจ้าเต็มใจจะตามข้าเข้าไปยังหุบเหวปราการมังกรหรือไม่”

เยี่ยนจ้าวเกอตัดสินใจในทันที “ข้าจะไปกับท่าน”

ผู้อาวุโสข่งพยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก แล้วออกเดินทางทันที

ขณะที่เดินทาง เยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อยๆ รับรู้ถึงความเป็นมาของเรื่องราว

การเปลี่ยนแปลงของหุบเหวปราการมังกรยังไม่สงบลง ทว่าก็ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงอะไรอีก

จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโสข่ง การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในครั้งนี้ แท้จริงแล้วต้นตอมาจากอเวจี

เยียนตี๋และบรรดายอดฝีมือ เมื่อจัดการกับปัญหาที่นั่นแล้ว การเปลี่ยนแปลงของหุบเหวปราการมังกรก็หายไปเป็นธรรมดา

ก่อนหน้านี้พวกเฒ่าเหนือมนุษย์หานเซิ่ง ได้ฝังชนวนเอาไว้ในหุบเหวปราการมังกร ครั้นอเวจีเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น ก็จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่มาถึงหุบเหวเอง กระนั้น เยี่ยนจ้าวเกอเปิดโปงแผนการของหานเซิ่งได้เสียก่อน

ฉะนั้นวันนี้จึงเป็นการถอนรากถอนโคนโดยสิ้นเชิง

ทว่าระหว่างนั้นกลับเกิดปัญหาขึ้นเสียแล้ว

จ้าวซื่อเฉิงสร้างค่ายกลช่วยเหลือ ร่วมควบคุมความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรกับผู้อาวุโสฉิน คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และคนของเขาไร้พรมแดน

เมื่อดำเนินการมาถึงครึ่งทาง ค่ายกลกลับสูญเสียความมั่นคงจากการจู่โจมของหุบเหวปราการมังกร พลังของค่ายกลย้อนกลับ ทำให้ปราณพิษจำนวนมากไหลทะลักเข้าไปในร่างกายของจ้าวซื่อเฉิง

พลังก่อกวนภายในหุบเหวปราการมังกรถูกมองเป็นช่องโหว่ ดังนั้นจึงทุ่มสุดกำลังโจมตีกลับ ความกดดันกดทับอยู่ที่ตัวของจ้าวซื่อเฉิงแทบจะทั้งหมด

ผู้อาวุโสฉินและคนอื่นๆ แม้จะยับยั้งพลังก่อกวนได้ทันเวลา ทว่าด้วยเหตุนี้จ้าวซื่อเฉิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

และเรื่องที่จัดการได้ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ ปราณพิษที่อยู่ในรูปของหมอกดำนั้น เข้าสู่ร่างกายของจ้าวซื่อเฉิงในปริมาณมาก ทำให้เขาหมดสติไป เมื่อไม่รู้สึกตัวเช่นนี้ ใครจะเคลื่อนย้ายเขาก็ทำได้ยากนัก

อีกทั้งปราณพิษเสมือนกับโซ่ตรวนที่พยายามดึงจ้าวซื่อเฉิงลงไปในหุบเหว

กลุ่มจอมยุทธ์ของถังตะวันออกที่เดินทางมาด้วยกัน ก็ทำได้แค่เพียงพยายามทำให้จ้าวซื่อเฉิงไม่ถูกหุบเหวดูดกลืนไป ทว่าไม่สามารถคุ้มกันส่งเขาออกไปรับการรักษาภายนอกได้

เมื่อผู้อาวุโสข่งเข้ามาในหุบเหวปราการมังกรแล้ว อันดับแรกเขาต้องตัดขาดปราณพิษที่จู่โจมทำร้ายจ้าวซื่อเฉิงก่อน แล้วจึงจะพาเขาออกจากสถานที่อันตรายเช่นนี้ไปรับการรักษาได้

ทว่าเมื่อมาถึงครึ่งทาง เยี่ยนจ้าวเกอกับผู้อาวุโสข่งก็ไปต่อไม่ได้อีก

เพราะเบื้องหน้าปรากฏหญิงวัยกลางคนสวมอาภรณ์สีขาว คาดเอวด้วยผ้าสีทองคนหนึ่ง ลมปราณรอบกายนางคอยปัดเป่าหมอกดำโดยรอบให้กระจายออกไปรอบทิศ จนพวกเขาไม่กล้าจะเข้าใกล้

หญิงวัยกลางคนผู้นี้ยิ้มอย่างเย็นชา พลางมองผู้อาวุโสข่งและเยี่ยนจ้าวเกอ “ความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรสงบลงแล้ว เช่นนั้นต้องคิดบัญชีระหว่างพวกเราหน่อยแล้วล่ะ”

“เขากว่างเฉิงของเจ้าคิดว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้ารังแกได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”

ผู้อาวุโสข่งขมวดคิ้ว “เป็นอุบายของพวกเจ้า ทำให้ค่ายกลของถังตะวันออกเกิดอุบัติเหตุอย่างนั้นหรือ?”

สตรีผู้นั้นดีดนิ้ว ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “อย่าได้กล่าววาจาซี้ซั้ว ความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรเกิดจากอเวจี ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของทั้งโลกแปดพิภพ”

“ทุกคนล้วนออกแรงช่วยกันทั้งนั้น สำนักของข้าเองก็ไม่ต่างกัน แล้วจะมาเอาเท้าราน้ำได้อย่างไร”

“ส่วนราชาอาณาจักรถังตะวันออก บอกได้เพียงแค่ว่าเขาโชคไม่ดีก็เท่านั้น”

ภายในดวงตาของหญิงวัยกลางคนผู้นี้ค่อยๆ ปรากฏความเย็นเยียบ “แน่นอน ที่อาจจะเป็นไปได้มากกว่านั้นก็คือ เขาไม่รู้จักขุมกำลังขนาดใหญ่ ถึงมาสร้างศัตรูกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้า ไม่แน่เขาอาจจะถูกฟ้าลงโทษก็เป็นได้”

ใบหน้าของผู้อาวุโสข่งนิ่งสงบประหนึ่งผืนน้ำ เขารู้จักผู้สตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ นางเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

แม้ว่านางจะไม่ได้เป็นหนึ่งในเจ็ดสุริยัน ทว่าความสามารถวรยุทธ์ที่มี เกรงว่าคงจะไม่ด้อยไปกว่าท่านทะยานบูรพาเลย

ถึงผู้อาวุโสข่งจะไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย ทว่าเมื่ออีกฝ่ายมาจู่โจมเช่นนี้ ตนคิดอยากจะเดินทางต่อก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย

ยิ่งเสียเวลามากขึ้นเท่าใด จ้าวซื่อเฉิงก็จะยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

อีกทั้งเมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เกรงว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คงวางแผนมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องถามก็รู้ ว่าผู้อาวุโสฉินเองก็คงถูกทะยานบูรพาถ่วงเวลาไว้เช่นกัน

และที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น ก็คือจ้าวซื่อเฉิงประสบอันตรายจนหมดสติไป จะสามารถเอาชีวิตรอดออกจากหุบเหวปราการมังกรได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่นัก

ส่วนจ้าวซื่อเลี่ย จิ่นอ๋องที่อยู่ด้านนอก…

ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสฉินหรือผู้อาวุโสข่ง หากยังอยู่ด้านนอก จ้าวซื่อเลี่ยก็ไม่กล้าจะกระทำการบุ่มบ่ามแม้แต่น้อย

ทว่าหากมีเพียงแค่เหยียนซวี่ เช่นนั้นเมื่อจ้าวซื่อเลี่ยคุมสถานการณ์แทนจ้าวซื่อเฉิงได้ เหยียนซวี่เองก็จะจัดการได้ยากยิ่ง

“ท่านผู้อาวุโสข่งขอรับ ข้าจะไปตามหาท่านลุง” เยี่ยนจ้าวเกอพูดเสียงเบา ผู้อาวุโสข่งก็หันกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้าจะไปขอรับ”

ผู้อาวุโสข่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าเวลาไม่คอยใคร หลังจากเขาไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ ก็ทำได้เพียงพยักหน้า

เขารีบบอกตำแหน่งของกลุ่มคนจากถังตะวันออกให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้อย่างรวดเร็ว “เจ้าจำตำแหน่งไว้ให้ดี แล้วก็ระวังตัวด้วย”

การสร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้อาวุโสข่งเกิดความเชื่อมั่นในตัวของเยี่ยนจ้าวเกอมากทีเดียว

ชายหนุ่มไม่กล่าวอะไรให้มากความ นำอาหู่เดินต่อไปข้างหน้าทันที

หญิงวัยกลางคนผู้นั้นคิดจะขัดขวางเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่ากลับผู้อาวุโสข่งดักรั้งนางเอาไว้

คิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายขมวดมุ่น ก่อนจะยิ้มพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า “นั่นคือบุตรชายของเยี่ยนตี๋สินะ อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง ก็สามารถเอาชนะเซียวเซิงที่อยู่ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายได้ หาได้ยากยิ่งนัก แต่ก็อย่าลืมเสีย…”

“อัจฉริยะที่ตายเร็ว ล้วนไร้ค่า!”

ผู้อาวุโสข่งกล่าวเสียงเบาว่า “ไม่ว่าใครก็ตามที่ตายไป ก็เป็นเพียงการกลับสู่ผงธุลีดินเท่านั้น ปรมาจารย์ มหาปรมาจารย์ก็เหมือนกัน”

สิ้นคำพูด ฝ่ามือทั้งสองก็ตัดเข้าหากัน ปรากฏเป็นวรยุทธที่สืบทอดโดยตรงของเขากว่างเฉิง ฝ่ามือม่านทอง หนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพ ก่อนจะพุ่งโจมตีเข้าหาอีกฝ่าย

หญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็สำแดงวิชาวรยุทธ์ขั้นสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เข้าปะทะกับผู้อาวุโสขงด้วยเช่นกัน

การต่อสู้กันระหว่างมหาปรมาจารย์อาวุโสที่แก่กล้าทั้งสองคน ทำให้ทั้งหุบเหวปราการมังกรสั่นไหวราวกับจะพังทลาย

เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่เดินอยู่ในหุบเหว พวกเรารู้สึกได้ว่าไม่เพียงแต่ด้านหลังของตนเองที่เกิดการสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน ทว่าบริเวณอื่นๆ ก็สั่นสะเทือนอย่างชัดเจนเช่นกัน

แสดงให้เห็นว่า บรรดายอดฝีมือของทั้งเขากว่างเฉิงและสำนักศักดิ์สุริยัน ที่เดินทางเข้าสู่หุบเหวปราการมังกรโดยมีผู้อาวุโสฉินและทะยานบูรพาเป็นผู้นำนั้น ก็เปิดฉากการต่อสู้ขึ้นมาแล้วเช่นกัน

จัดการต้นตอที่มาจากอเวจีอย่างถอนรากถอนโคนไปแล้ว อีกทั้งความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรก็สงบลงแล้ว ทั้งสองฝ่ายไม่มีสิ่งใดต้องคำนึงถึงอีก จึงปล่อยตัวเองให้สู้กันอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกันเต็มที่

ขณะเดินทางอยู่ในหุบเหวปราการมังกร เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเพียงว่าทั่วฟ้าทั่วแผ่นดินกำลังหมุนวนไปมา ราวกับพื้นที่นี้จะถล่มลงไปได้ทุกเมื่อ

อาหู่ที่เดินอยู่ในขณะนี้ก็ก้าวเท้าหนักทีเบาที ตามติดอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ “คุณชายขอรับ อีกฝ่ายกำลังคิดจะเล่นดึงฟืนออกจากใต้หม้อ[1]หรืออย่างไร!”

“ครั้งก่อนที่เมืองชมตะวันก็เสียเปรียบแล้ว ล้มที่ไหนก็ต้องลุกขึ้นมาที่นั่น” เยี่ยนจ้าวเกอเบิกตาโพลงพลางแสยะยิ้ม “กระเพาะพวกเขาใหญ่จะตาย เป้าหมายไม่ได้มีเพียงการสังหารข้าเท่านั้น อาจจะเพราะแก้แค้นศิษย์น้องเฟิงที่หักหน้าสำนักด้วย”

“พวกเขาอยากได้ถังตะวันออก เพื่อยึดเป็นป้อมปราการด่านหน้าในเกาะนภาตะวันออก คิดจะบุกเข้ามาในนภาพิภพอย่าเด็ดขาก!”

เยี่ยนจ้าวเกอถอนหายใจครั้งหนึ่ง “ท่านลุงจ้าวในฐานที่เป็นราชาของอาณาจักร ครั้งนี้เสี่ยงอันตรายเข้ามายังหุบเหวปราการมังกร ก็ต้องระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองมากแน่นอน”

“ท่านผู้อาวุโสฉินเคลื่อนไหวกับเขาโดยเฉพาะ ก็เพื่อที่จะป้องกันและหยุดยั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในการโจมตีแก้แค้นท่านลุงจ้าว”

“แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว ปัญหาไม่ได้มาจากพวกทะยานบูรพาลงมือ ทว่าเกิดปัญหาที่ค่ายกลชมตะวันต่างหาก!”

“ท่านลุงจ้าวให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ด้วยนิสัยเปิดเผยใจกว้าง การแทรกซึมเข้ามาในถังตะวันออกของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ จึงหยั่งลึกเสียยิ่งกว่าที่สำนักเรารับรู้อีก”

“ทุกการวางแผนเตรียมการ ยิ่งใช้เวลามากก็ยิ่งละเอียดรอบคอบ กลับกันก็จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้ศัตรูรู้สึกตัวได้”

“หากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังคงเตรียมการต่อไปเช่นนี้ แท้จริงแล้วจะยิ่งง่ายต่อการค้นพบและป้องกันของสำนักเรา”

“แต่ความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรครั้งนี้ ช่วยพวกเขาเสริมส่วนที่ขาดได้โดยบังเอิญ จึงสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วกว่ากำหนด ส่งผลให้เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ”

แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอหม่นลง “อีกทั้งไม่เพียงแค่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ครั้งนี้คนของเขาไร้พรมแดนก็อาจจะอยากยื่นมือเข้ามาผสมโรงด้วยเช่นกัน”

………………..

[1] ดึงฟืนออกจากใต้หม้อ หมายถึง จัดการปัญหาที่ต้นตอ